3 วัน 2 คืน งบเท่าไหร่ ? : จัดทริปทริปดูบอล AFF2022 นัดชิงที่ เวียดนาม
หลังจากที่ทีมชาติไทยสามารถเอาชนะมาเลเซียเเละผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของรายการ aff mitsubishi electric cup 2022 ทำให้รอบชิงต้องไปพบกับ เวียดนาม เเละเป็นการออกไปเยือนที่กรุงฮานอยก่อน
สำหรับนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน นัดเเรก จะทำการเเข่งขันกันที่ ณ สนามกีฬาแห่งชาติ หมี ดิ่ญ วันที่ 13 มกราคม เวลา 19.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น
คิดไซด์โค้ง เลยอาสาวางแผนพาทุกคนไปออกทริปดูบอลทีมชาติไทยที่เวียดนาม ไหนๆ จะไปเวียดนามเเล้ว นอกจากได้ดูฟุตบอลเเล้วมีอะไรให้ทำที่ กรุงฮานอย อีกบ้าง ควรไปยังไง เเละไปกี่วัน เที่ยวที่ไหนได้บ้างติดตามได้ที่ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
เตรียมตัวออกเดินทาง
ในเมื่อฟุตบอลมันเตะวันที่ 13 มกราคม ช่วงเย็น การจะไปเช้าวันที่ 13 เเล้วดูฟุตบอลตอนเย็น ดูจะเป็นอะไรที่เร่งรัดเกินไปหน่อย พวกเราจึงเสนอว่าหากจะเดินทางไป วันที่ 12 มกราคม คือวันที่เหมาะที่สุดในการเดินทาง เพราะสามารถมีเวลาท่องเที่ยวในเมืองเเละเตรียมพร้อมสำหรับการดูบอลในวันถัดไป เเละวันเดินทางกลับควรจะเป็นวันที่ 14 มกราคม ช่วงเย็นๆ จะได้ใช้เวลาที่กรุงฮานอยได้อย่างเต็มที่ เท่ากับว่าเราจะมีเวลาที่กรุงฮานอยโดยประมาณคือ 3 วัน 2 คืน
เรามาเริ่มกันที่การจัดกระเป๋าเก็บเสื้อผ้าก่อน ด้วยความที่ฮานอยนั้นอยู่ทางเหนือของเวียดนามทำให้อากาศในเมืองฮานอยตอนนี้ ค่อนข้างจะเย็น คล้ายๆเชียงใหม่ ตอนกลางคืนอากาศจะอยู่ราวๆประมาณ 19 องศาเซลเซียส เพราะฉะนั้นใครที่กำลังจะเดินทางไปควรเอาเสื้อเเขนยาวอุ่นๆติดไปด้วย จะได้เที่ยวได้อย่างสบายใจ
เเละวิธีการเดินทางที่ดีที่สุดที่เราเเนะนำ คงจะหนีไม่พ้น การขึ้นเครื่องบิน เพราะเป็นการประหยัดเวลาที่สุดเเถมค่าตั๋วยังไม่เเพงมาก โดยค่าตั๋วไปกลับจะตกอยู่ราวๆ 10,000-15,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกไฟล์ทเเละสายการบินไหน เเต่ทางเราเเนะนำให้เลือกไฟล์ทที่บินเช้าหน่อย เพราะจะได้มีเวลาใช้ชีวิตท่องเที่ยวที่กรุงฮานอยตอนกลางวัน 1 วัน เต็มๆ
เเละสังเกตให้ดีๆ พยายามหาไฟล์ทที่บินรวดเดียวถึงโดยที่ไม่มีจุดเเวะพักเพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง เพื่อที่จะเป็นการประหยัดเวลาในการเดินทาง เพราะจาก กรุงเทพ ไป ถึง ฮานอย ใช้เวลาบินราวๆ 2 ชั่วโมง เท่านั้นเอง เเละ อยู่ในไทม์โซนของเวลาเดียวกัน
ส่วนเรื่องที่พัก มันขึ้นอยู่กับงบในกระเป๋าของเพื่อนๆเเล้วว่า อยากพักที่โรงเเรมระดับไหน เพราะเวียดนามถือเป็นประเทศที่เป็นมิตรต่อนักท่องเที่ยว มีโรงเเรมให้เลือกพักมากมายตั้งเเต่โรงเเรมหรูระดับห้าดาวไปจนถึงโรงเเรมธรรมดา หรือ โฮสเทลต่างๆ เเต่ควรจะจองไปก่อนจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปหาตอนไปถึง เเละเลือกหาที่พักที่ใกล้สนามฟุตบอลเข้าไว้ เพื่อที่จะสะดวกต่อการเดินทาง โดยเราจะตีไปว่าค่าเฉลี่ยที่พักเเบบไม่หรูเกินไปและไม่ลำบากเกินไป จะตกอยู่คืนละ ไม่เกิน 1500 บาท
เเละที่สำคัญต้องไม่ลืมเเลกเงินเวียดนามไปด้วย โดยเวียดนามนั้นใช้สกุลเงิน ด่อง อัตราการเเลกเปลี่ยนสกุลเงินในปัจจุบันนั้น อยู่ที่ 1 บาท เท่ากับ ประมาณ 700 ด่อง ใครจะใช้เงินอย่างไรก็วางแผนการเเลกเงินไปดีดีล่ะ
กรุงฮานอย
ฮานอย เมืองหลวงของ ประเทศเวียดนาม ที่ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของประเทศ เสน่ห์ของบ้านเมืองเก่าแก่ทำให้ที่นี่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
เมื่อมาถึงกรุงฮานอยเเน่นอนว่าเป้าหมายของเราคือการดูฟุตบอลเเต่ในเมื่อฟุตบอลยังไม่ทำการเเข่งขันเราก็ควรจะออกไปท่องเที่ยวดูบ้านเมืองเขาเสียหน่อยให้คุ้มกับที่เดินทางมาเเล้ว เเล้วที่ฮานอยมีอะไรให้ทำบ้าง?
1.พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติเวียดนาม
พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติเวียดนาม หรือ Vietnam Fine Arts Museum เป็นอาคารเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในกรุงฮานอย ภายในเป็นแหล่งรวบรวมงานศิลปะตั้งแต่ยุคเก่ามาจนถึงยุคใหม่ ซึ่งนอกจากจะได้ชื่นชมศิลปะที่มีอยู่มากมาย ภายนอกยังดูร่มรื่น ตัวอาคารสวยงาม เหมาะแก่การเก็บภาพประทับใจ
2.โรงละครหุ่นกระบอกน้ำ
ซึมซับประวัติศาสตร์เวียดนามในอีกรูปแบบหนึ่งกับ โรงละครหุ่นกระบอกน้ำ (Thăng Long Water Puppet Theater) ที่จะพาให้พวกเราไปชมศิลปะการแสดงอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติ ซึ่งบอกเล่าถึงประเพณี วัฒนธรรม และความเป็นอยู่ของชาวเวียดนาม
3.อ่าวฮาลอง
อ่าวฮาลอง (Hạ Long Bay) ขึ้นชื่อเรื่องทัศนียภาพอันงดงามของท้องทะเลสีฟ้ามรกต และเกาะหินปูนน้อยใหญ่ที่ตั้งเรียงรายบนอ่าวอย่างน่าอัศจรรย์ จึงทำให้ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ
เเถมประวัติของอ่าวนี้ ถือว่า ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ตำนานกล่าวไว้ว่า ในอดีตระหว่างที่เวียดนามกำลังสู้รบกับกองทัพจีนที่จะบุกเข้ามายังดินแดนแห่งนี้ เทพเจ้าก็ได้ส่งมังกรมาช่วยปกป้องแผ่นดินเวียดนามด้วยการด่ำดิ่งสู่ท้องทะเล พร้อมกับปล่อยอัญมณีขึ้นมาเป็นเกาะต่างๆ เพื่อเป็นเกราะกำบังไม่ให้ข้าศึกเข้ามาโจมตีได้ และเวียดนามก็สามารถปกป้องแผ่นดินได้สำเร็จ และรวบรวมแผ่นดินเป็นอันหนึ่งอันเดียวนับแต่นั้นมา
เเละถ้าใครยังไม่หนำใจสามารถเดินตลาด ฮาลอง ไนท์มาร์เก็ต ต่อในตอนกลางคืนได้อีก ที่อยู่ใกล้ๆ กับอ่าวฮาลอง เป็นตลาดกลางคืนของเมืองฮาลอง มีของขายหลากหลายชนิด งานแฮนด์เมด งานศิลปะพื้นเมืองท้องถิ่น ของฝากของที่ระลึกที่มีให้เลือกหลากหลาย
4.ถนน 36 สาย หรือ 36 เฝอเฟือง
ถ้าใครเป็นสายช้อปปิ้ง ถือว่าพลาดไม่ได้เลยกับที่ ถนน 36 สาย เป็นย่านโบราณที่มีชื่อเสียงทางด้านงานหัตถกรรมและสินค้าพื้นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของกรุงฮานอย ซึ่งปัจจุบันมีประวัติยาวนานกว่า 600 ปี ที่เรียกชื่อแบบนี้ เนื่องมาจาก 36 อาชีพอันเก่าแก่ที่ทำมาค้าขายกันในย่านนี้ เป็นย่านค้าขายที่คึกคักด้วยสินค้านานาชนิดทั้งของกิน เสื้อผ้า และของที่ระลึกที่เป็นทั้งผ้าไหม กระเป๋า หรือเครื่องเงินที่มีลวดลายปราณีตสวยงามมากมาย โดยจะแบ่งออกเป็นถนนสายต่างๆ ทั้ง 36 สาย เช่นถนนเสื้อผ้าก็จะเป็นเสื้อผ้าทั้งสาย ให้ผู้มาเที่ยวฮานอยสามารถเดินเลือกซื้อเลือกชมกันอย่างเต็มที่
5. โบสถ์เซนต์โจเซฟ
โบสถ์เซนต์โจเซฟ โบสถ์คริสต์เก่าแก่ที่มีความคลาสสิคด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอกอธิค สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งมีต้นแบบมาจากโบสถ์นอร์ทเธอดามในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส หลังจากที่ฝรั่งเศสได้เข้ามายึดครองเวียดนาม เป็นโบสถ์สำคัญของเมืองฮานอยที่ยังคงมีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนามาจนถึงปัจจุบัน และเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของฮานอยที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน
6.ทางรถไฟฮานอย
เป็นเส้นทางรถไฟสายเก่าที่วิ่งตัดผ่านตึกอาคารใจกลางเมือง เป็นภาพสุดคลาสสิกที่หาชมได้ยาก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะรอไปถ่ายรูปยามขบวนรถไฟเข้ามาเพื่อเก็บรูปภาพสวยๆ เรียกว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่น่าไปสัมผัสเป็นอย่างมาก
นี่เป็นเพียงเเค่ตัวอย่างสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจต่างๆของกรุงฮานอยที่เราหยิบยกขึ้นมา ยังมีอีกหลายๆที่ ที่เรายังไม่ได้กล่าวถึงเพื่อนๆสามารถหาข้อมูลเเละไปศึกษาเส้นทางกันเองได้
หรือถ้าใครไม่ใช่สายท่องเที่ยวตามเเลนด์มาร์ก ก็สามารถออกไปชมเมืองหาคาเฟ่นั่งคูลๆ ถ่ายรูป สโลว์ไลฟ์ ก็ย่อมได้ เพราะ ฮานอย ถือว่าเป็นเมืองหนึ่งที่มีคาเฟ่คูลๆให้นั่งชิลเยอะมาก เพื่อนๆสามารถเลือกกันได้ตามใจชอบ เรื่องการเดินทางในเมืองก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะ มี เเท็กซี่ เเละ เเกร็บ คอยบริการตลอดเวลา
เเต่เเน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดของทริปนี้ก็คงจะเป็นการไปเอาใจช่วยเชียร์ทีมชาติไทยที่สนามกีฬาแห่งชาติ หมี ดิ่ญ ในวันที่ 13 มกราคม ตอน 19.30 เพราะฉะนั้นโปรเเกรมการท่องเที่ยวควรจะเป็นสำหรับวันที่ 12 เเละ 14 มกราคม ส่วนวันที่ 13 มกราคม เป็นเวลาของทีมชาติไทย
ในวันที่ 13 มกราคม เราควรจะตื่นสบายๆ กินอาหารเช้าเเละจิบกาเเฟนิดหน่อย ที่คาเฟ่ในเมือง เพื่อเตรียมความพร้อมเเละเก็บเเรงไว้สำหรับการเดินทางไปสนามบอล เพราะถึงเเม้ ฟุตบอลจะเตะกันตอนเย็นในเวลา 19.30 เเต่เราควรออกเดินทางก่อนเเละไปถึงสนามราวๆ สี่หรือห้าโมงเย็น
เพราะการเเข่งขันนัดนี้ของทีมชาติเวียดนามถือเป็นวาระเเห่งชาติเลยก็ว่าได้ ทุกคนจะพากันเเห่ไปที่สนาม เพื่อหวังจะได้ดูทีมชาติลงทำการเเข่งขัน การไปก่อนจะช่วยให้เราเลี่ยงรถติดได้ในช่วงเวลาที่ใกล้จะทำการเเข่งขัน
ค่าตัวเข้าชมเกมการเเข่งขันมีหลายราคาไล่ตั้งเเต่ 1 ล้านด่อง (1,400 บาท), 8 แสนด่อง (1,140 บาท), 6 แสนด่อง (860 บาท) และ 4 แสนด่อง (470 บาท) เพื่อนๆสามารถเลือกราคาเเละโซนได้ตามสไตล์เเละงบของตัวเอง เเต่ควรจะหาตั๋วสำหรับเข้าชมเกมไปก่อน เพราะเราคาดว่า ราคาบัตรหน้าสนามจะพุ่งสูงขึ้นมากกว่านี้อีกเท่าตัวเเน่นอน ในวันเเข่งขัน
สรุปค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
ถ้าเราลองเอาทั้งหมดมาคำนวนคร่าวๆ ค่าเครื่องบินตีเป็นตัวเลขกลมๆที่ราวๆ 15,000 บาท ค่าที่พักสองคืนคิดเป็นประมาณ 3,000 บาท ค่าตั๋วชมฟุตบอล 1,400 บาท (ตั๋วเเพงสุด) ค่าเดินทาง ค่าท่องเที่ยว ค่ากิน เเบบฟินๆ ตีเป็นตัวเลขกลมๆสองวัน น่าจะอยู่ที่ราวๆ 5,000 บาท เบ็ดเสร็จโดยรวมเเล้วตัวเลขจะอยู่ที่ไม่เกิน 25,000 บาท เพียงเท่านี้เราก็สามารถไปดูฟุตบอลที่เวียดนามได้เเล้ว
ทั้งนี้ทั้งนั้นนี่เป็นเพียงตัวเลขคร่าวๆที่เราลองคิดขึ้นคำนวนขึ้นมาเท่านั้น เพราะเเน่นอนเเต่ละคนย่อมมีสไตล์การท่องเที่ยวเป็นของตัวเอง ใครสะดวกเเบบไหน เน้นหรือชอบอะไร ก็สามารถเลือกท่องเที่ยวกันได้อย่างตามใจชอบ เเต่เราคาดว่าไม่น่าจะเกิน 25,000 บาท ก็จะสามารถทำให้ ทริปดูฟุตบอลที่เวียดนามของทุกคนกลายเป็นทริปที่สนุกสนาน สะดวกสบายเเละเป็นทริปแห่งความทรงจำที่ดีอีกทริปหนึ่งในชีวิตการดูบอลของพวกคุณ
เเหล่งอ้างอิง
https://www.trip.com/flights/bangkok-to-hanoi/airfares-bkk-han/
https://www.thaiairways.com/flights/en-th/flights-from-bangkok-to-hanoi
https://travel.trueid.net/detail/Bz3a0PaeYRX5
https://www.wonderfulpackage.com/article/v/31/
https://www.mushroomtravel.com/page/best-spot-hanoi-vietnam/