5 แมตช์สุดอื้อฉาวสะท้านวงการลูกหนังโลก

5 แมตช์สุดอื้อฉาวสะท้านวงการลูกหนังโลก
มฤคย์ ตันนิยม

กลายเป็นเรื่องฮือฮาไปทั้งประเทศ เมื่อเพจ “บีแหลมสิงห์FanPage” รายงานโดยอ้างอิง Universo Online สื่อของบราซิลว่า ไทยมีการแข่งขันฟุตบอลต้องสงสัยว่าจะล็อคผลอยู่ในท็อป 10 ของโลกของปี 2022 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ Universo Online ระบุว่าพวกเขาได้ข้อมูลนี้มาจาก Sportradar บริษัทเก็บข้อมูลด้านกีฬาระดับนานาชาติ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าเป็นเกมไหน หรือดิวิชั่นอะไร

อย่างไรก็ดี การแข่งขันที่ทำให้ผู้คนรู้สึกคลางแคลงใจ ก็มีมาตลอดในวงการฟุตบอล และไม่ใช่แค่ไทย แต่ยังในทุกภาคส่วนของโลก ตั้งแต่เกมระดับรากหญ้าไปจนถึงนานาชาติ

ด้วยเหตุนี้ Think Curve - คิดไซด์โค้ง จึงขอรวบรวมเกมการแข่งขันสุดอื้อฉาว ที่บางเกม ไม่ว่ามองทางไหนก็บอลมีงานแน่ๆ ส่วนจะมีนัดไหนบ้างนั้น ติดตามได้ที่นี่

ไบรอัน โมเรโน ตัวร้าย กับนายโสมขาว

Photo : AFP

หากพูดถึงเกมสุดอื้อฉาว เชื่อว่าเกมระหว่างเกาหลีใต้ และ อิตาลี น่าจะถูกนึกถึงเป็นลำดับแรกๆ ไม่ว่าจะเป็นจังหวะที่ค้านสายตาแฟนบอลทั้งโลก หรือการตัดสินที่มาจากชายที่ชื่อว่า ไบรอัน โมเรโน

เพราะแค่เพียง 4 นาที ก็มีจังหวะปัญหา เมื่อเกาหลีใต้มาได้จุดโทษ ทั้งที่ไม่ได้เป็นการฟาวล์ที่ขัดเจน แต่โชคยังดีที่ จานลุยจิ บุฟฟอน เซฟลูกยิงของ อัน จ็อง-ฮวัน เอาไว้ได้

แต่วิบากรรมของ อิตาลีเพิ่มเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อหลังจากนั้นพวกเขาโดนแข้งเจ้าภาพไล่อัดอย่างหนัก ทั้ง เจนนาโร กัตตูโซ่ ที่โดนกระโดดเตะ, เปาโล มัลดินี ที่โดนเหยียบหน้า, อเลสซานโดร เดล ปิเอโร ที่โดนศอก ไปจนถึง ฟรานเชสโก โคโค่ ที่ถึงขั้นเลือดออก แต่ก็ไม่มีเสียงนกหวีดออกมาจากปากของโมเรโนเลย

หรือในช่วงครึ่งหลัง ที่อิตาลีนำอยู่ 1-0 แล้ว คิม แทยอง เสี่ยงที่จะโดนไล่ออก หลังไปเจตนาคว้าคอเสื้อของ เดล ปิเอโร ซึ่งตอนนั้นเขาได้ใบเหลืองมาก่อนแล้ว แต่แทนที่แนวรับเจ้าภาพ จะได้รับใบเหลืองที่สอง กลับได้รับเพียงแค่คำตักเตือนแทน และทำให้พวกเขาเหลือผู้เล่น 11 คนเท่ากัน จนตามตีเสมอได้ในช่วงท้ายเกม

แต่ที่ค้านสายตาที่สุด น่าจะเป็นช่วงต่อเวลาพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการที่ โมเรโน ชูใบเหลืองใบที่สองเป็นใบแดงไล่ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ ออกจากสนาม ด้วยข้อหาพุ่งล้ม ซึ่งหากดูจากภาพช้าจะเห็นว่าเขาโดนกระแทกจริงๆ และควรได้จุดโทษมากกว่า

รวมไปถึงประตูของ ดามิอาโน ตอมมาซี ได้หลุดเดี่ยวเข้าไปยิง แต่ถูกริบจากธงล้ำหน้าของผู้ช่วยผู้ตัดสิน และเหมือนเดิมคือเมื่อดูภาพช้า ลูกนี้ไม่ได้ล้ำหน้า

จนสุดท้าย เกาหลีใต้ ก็มาได้ประตูชัยในช่วงท้าย จาก เกมเอาชนะไปได้ จาก อัน จ็อง-ฮวัน ท่ามกลางเสียงก่นด่าไปทั่วโลก

ยิงประตูตัวเองเพื่อเข้ารอบ

แม้เกรนาดา และ บาร์บาดอส อาจจะไม่ใช่ชาติที่คนส่วนใหญ่คุ้นหู แต่ครั้งหนึ่เกมระหว่างสองทีมแห่งอเมริกากลาง ก็ถูกพูดถึงไปทั่วโลก ในฐานะเกมสุดเพี้ยนในประวัติศาสตร์

ย้อนกลับไปในปี 1994 บาร์บาดอส และ เกรนาดา โคจรกันมาพบกันใน ในศึกแคริเบียน คัพรอบคัดเลือก โดยในฝั่งเกรนาดา นำเป็นจ่าฝูง หลังมี 3 คะแนนเท่ากับเปอร์โตริโก แต่มีประตูได้เสียที่มากกว่า พวกเขาขอแค่ชนะในเกมนี้ หรือแพ้ไม่เกินหนึ่งประตูก็จะเป็นฝ่ายเข้ารอบทันที

ทว่าความแปลกประหลาดของทัวร์นาเมนต์นี้ก็คือ ทุกเกมในรอบแบ่งกลุ่มจะไม่มีผลเสมอ หากเสมอกันในเวลาปกติ ต้องต่อเวลาออกไป และถ้าเสมอกันก็ต้องยิงจุดโทษตัดสิน

อย่างไรก็ดี มันกลับตาลปัด เมื่อ บาร์บาดอส ที่รั้งบ๊วยของกลุ่ม เป็นฝ่ายออกนำถึง 2-0 ที่หากสกอร์จบแบบนี้พวกเขาจะเข้ารอบทันที จากประตูได้เสียที่เหนือว่า แต่แล้วนาที 83 สถานการณ์ก็พลิกผัน เมื่อเกรนาดา มาได้ประตูตีตื้น และทำให้พวกเขากลับมาเป็นฝ่ายเข้ารอบแทน

ตอนนั้น บาร์บาดอส ต้องยิงสองประตูเพื่อเข้ารอบในเวลาอันน้อยนิด แต่ก็ไม่สามารถฝ่าแนวรับคู่แข่งไปได้ ทำให้ก่อนหมดเวลาเพียง 3 นาที พวกเขาทำในสิ่งไม่คาดคิด คือส่งบอลคืนหลังไปให้ผู้รักษาประตู ก่อนที่ เทอร์รี เซียลเลย์ จะหวดตูมเดียวเข้าประตูตัวเองเข้าไป เนื่องจากหากเกมเสมอกัน จะต้องต่อเวลาออกไปอีก 30 นาที

และทำให้ในช่วงท้ายเกม กลายเป็นการแข่งขันที่แปลกประหลาด เมื่อ เกรนาดา พยายามเอาคืนด้วยการหาทางยิงประตูตัวเอง แต่บาร์บาดอส ก็รู้ทัน ลงมาป้องกันประตูให้คู่แข่ง จนสุดท้ายเกมเสมอกันในเวลาปกติ 2-2

ก่อนที่ในช่วงต่อเวลาพิเศษ บาร์บาดอส มาได้ประตูชัย ด้วยโกลเด้นโกลด้วยกฎพิเศษ ที่หากยิงได้จะนับเป็น 2  ประตู และทำให้ บาร์บาดอส ผ่านไปเล่นในรอบสุดท้าย ด้วยประตูได้เสียที่เฉือนไปด้วยกฎพิเศษนี้

149-0

Photo : Football Tweet

คุณคิดว่าเกมที่มีผลแพ้ชนะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลสกอร์อยู่เท่าไร ฮังการี 10 -1 เอลซัลวาดอร์ ในฟุตบอลโลก 1982? / ยังไม่ใช่ หรือออสเตรเลีย 31-0 อเมริกันซามัว ในฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือก?/ ก็ไม่ใช่ เพราะที่ถูกต้องคือ 149-0 ฟังไม่ผิดร้อยสี่สิบก้าวประตูจริงๆ

มันเกิดขึ้นในรอบเพลย์ออฟชิงแชมป์ของลีกมาดากัสการ์ ในทวีปแอฟริกา ระหว่าง เอเอส อเดมา และ เอสโอ ลาเอ็มเมียร์เน ที่แข่งแบบพบกันหมด เพื่อหาทีมที่จะคว้าแชมป์ในบั้นปลาย

ตอนนั้น ลาเอ็มเมียร์เน ซึ่งเป็นแชมป์เก่า หมดสิทธิ์ลุ้นแชมป์ เมื่อเกมก่อนหน้าที่พวกเขาทำได้เพียงแค่เสมอกับ ดีเอสเอ อันตานานาริโว 2-2 หลังเสียจุดโทษในช่วงท้ายเกม และทำให้ อเดมา ลอยลำคว้าแชมป์ทันที

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกมระหว่าง ลาเอ็มเมียร์เน กับ อเดมา ไร้ความหมาย ทั้งสองทีมลงเล่นให้ครบตามโปรแกรมเท่านั้น ทว่าเมื่อผู้ตัดสินเป่านกหวีดเริ่มเกม กลายเป็น ลาเอ็มเมียร์เน ที่ตั้งใจยิงประตูตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อประท้วงการตัดสินนัดก่อน

จากคำบอกเล่าของผู้ชมในสนามบอกว่า ทุกครั้งที่เขี่ยลูกเริ่มเล่น ผู้เล่นของจะเอาบอลไปยิงประตูตัวเองชนิดที่คู่แข่งไม่ทันได้แตะบอล และทำได้เพียงแค่ยืนมองเหตุการณ์เท่านั้น ก่อนที่ท้ายที่สุดเกมนัดนี้จะจบลงด้วยผล 149-0

แน่นอนว่าหลังเกม สมาคมฟุตบอลมาดากัสการ์ ได้สั่งลงโทษโค้ชของ ลาเอ็มเมียร์เน เป็นเวลา 3 ปี และผู้เล่นอีก 4 คนในทีมจนจบฤดูกาล รวมถึงห้ามไปดูเกมในสนามอีกด้วย ส่วนผู้เล่นคนอื่นถูกคาดโทษเอาไว้ แต่ผู้ตัดสินไม่ได้ถูกลงโทษ เนื่องจากมองว่าสถานการณ์เกินการควบคุมของเขา

เกมอัปยศฟุตบอลอาเซียน

นี่ถือเป็นหนึ่งในเกมที่สร้างความด่างพร้อยในวงการฟุตบอลอาเซียน รวมถึงไทย กับการแข่งขันชิงแชมป์ภูมิภาคในชื่อไทเกอร์ คัพ 1998

มันคือศึกชิงแชมป์อาเซียนครั้งที่ 2 หลังจากครั้งแรกที่สิงคโปร์ ไทยเป็นฝ่ายคว้าแชมป์ และครั้งที่ 2 ก็ได้เวียดนามที่รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ โดยมี 8 ทีมร่วมชิงชัย

มันคงจะเป็นการแข่งขันปกติ หากเจ้าภาพเวียดนามไม่ออกกฎสุดประหลาด ที่รองแชมป์กลุ่มในรอบแบ่งกลุ่ม จะได้อยู่แข่งต่อที่เมืองเดิม ส่วนแชมป์กลุ่มจะต้องเดินทางไปอีกเมืองที่อยู่ห่างกันมากถึง 1,600 กิโลเมตร

นอกจากนี้ นัดที่ 3 ของรอบแบ่งกลุ่ม หรือนัดตัดสิน แต่ละทีมยังแข่งไม่พร้อมกัน ทั้งที่ตามหลักสากล ต้องลงเล่นในเวลาเดียวกัน เพื่อป้องกันการล็อคผล

ตอนนั้นกลุ่มบีที่เตะก่อน ได้ผู้เข้ารอบทั้งสองทีมแล้ว คือ สิงค์โปร์ แชมป์กลุ่ม โดยมี เวียดนาม เจ้าภาพ ตามมาเป็นอันดับ 2 และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเกมสุดฉาวในประวัติศาสตร์

เพราะจากสถานการณ์ดังกล่าว แชมป์ของกลุ่มเอ นอกจากจะต้องเจอกับเจ้าภาพแล้ว พวกเขายังต้องเดินทางไกลเป็นพันกิโลเมตร ทำให้ไทย และอินโดนีเซีย ต่างคิดตรงกันว่าไม่อยากเป็นแชมป์กลุ่ม

ทำให้เกมในวันนั้น กลายเป็นการแข่งขันที่ไม่อยากมีใครชนะ และมีจังหวะแปลกๆ หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นประตูออกนำของอินโดฯ ที่หลุดเข้าไปยิงง่ายๆ หรือประตูตีเสมอของไทย ผู้รักษาประตูอินโดฯ ก็พุ่งแบบไม่สุด เช่นกันกับจังหวะขึ้นนำของอินโดฯ ที่โกลของไทยเซฟด้วยสายตา รวมถึงช็อตที่ เฮนโดร คาร์ติโก นายด่านของอินโดฯ เลี้ยงบอลจากกรอบเขตโทษ ขึ้นมายิงประตูเอง

แต่ที่น่าเกลียดที่สุดคือในช่วงท้ายเกม ที่สกอร์อยู่ที่ 2-2 ซึ่งหากจบแบบนี้ ไทยจะเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม แต่อินโดนีเซีย กลับแย่งบอลจากไทย แล้วจ่ายบอลไปมาจนถึงกรอบเขตโทษตัวเองหวังจะยิงประตูตัวเอง

และมันก็กลายเป็นภาพที่แปลกประหลาดไม่ต่างจากแคริบเบียนคัพ เมื่อไทยพยายามป้องกันไม่ให้อินโดฯ ยิงประตูตัวเองได้ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล เมื่อบอลไปถึง มูซียีด เอฟเฟนดี้ ซัดบอลตูมเดียวเข้าไปตุงตาข่าย (ฝั่งตัวเอง) และจบการแข่งขันด้วยผล 3-2

หลังเกมนี้ทั้งสองทีมถูกวิจารณ์อย่างหนัก จากผลงานดังกล่าว ทั้งไทยที่โดนเวียดนามขึ้นป้ายด่าว่า “ประเทศไทยน่าไม่อาย” (Thailand be shame) ส่วนอินโดฯ หนักกว่า ถูกถล่มเละจากทั้งอาเซียน รวมถึงคนในบ้านเกิด แถมการแข่งขันนัดนี้ยังโด่งดังไปทั่วโลก เมื่อถูกนำไปฉายในช่องบีบีซี ของอังกฤษ

ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากทั้งสองทีมจะไม่สามารถเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศได้แล้ว หลังจากแพ้ให้กับคู่แข่งในรอบรองฯ พวกเขายังถูกฟีฟ่าสั่งปรับเงิน 40,000 ดอลลาร์ (1.3 ล้านบาท) ส่วนเอฟเฟนดี้ คนยิงประตูตัวเอง ถูกห้ามลงเล่นฟุตบอลระดับนานาชาติตลอดชีวิต (แต่ลงเล่นในลีกได้)

คนหนึ่งขาด คนหนึ่งเกิน

ปิดท้ายกันด้วยเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน ที่ต่างเกี่ยวกันกับเวลาในสนาม และมีที่มาจากผู้ตัดสินเหมือนกัน แม้ว่าจะอยู่คนละทวีปก็ตาม

เคสแรกเกิดขึ้นเมื่อปี 2022 ในแอฟริกัน คัพ ออฟเนชั่น 2021  หรือชิงแชมป์ทวีปแอฟริกา (ที่เลื่อนออกมาจัดด้วยสภาพอากาศ) ในรอบแบ่งกลุ่มระหว่าง มาลี และตูนีเซีย

เมื่อขณะที่ มาลี นำ ตูนีเซียอยู่ 1-0 และเกมดำเนินมาจนถึงนาทีที่ 86 แจนนี ซิคาซเว ผู้ตัดสินชาวแซมเบีย ก็เป่านกหวีดจบการแข่งขัน จนมึนงงกันทั้งสนาม

แม้ว่าเกมจะกลับมาเตะอีกครั้ง โดยให้เหตุผลว่ามีความผิดพลาดในการจับเวลา แต่ในนาทีที่ 89:45 ผู้ตัดสินคนเดิมก็เป่านกหวีดหมดเวลาอีกครั้ง โดยไม่ทดเวลาแม้แต่นาทีเดียว ทั้งที่ระหว่างเกมมีคูลลิ่งเบรก รวมถึงจังหวะเช็ค VAR  ท่ามกลางการประท้วงของทีมสต้าฟตูนีเซีย

ส่วนอีกเหตุการณ์หนึ่งเพิ่งจะเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ในเกมลีกโบลิเวีย ระหว่าง แอตเลติโก้ พัลมาฟลอร์ พบ บลูมมิ่ง ที่มีการทดเวลาในระดับนานเกินไป นั่นคือ 42 นาที

เกมนัดนี้ พัลมาฟลอร์ เจ้าบ้านเป็นฝ่ายออกนำไปก่อนถึง 2-0 ทว่าในนาทีที่ 86 ทีมเยือนก็มาตีตื้นได้ 2-1 แต่กว่าจะได้ก็ต้องเช็ค VAR จนกินเวลาไปรวมกว่า 10 นาที

เรื่องที่เกี่ยวข้อง โจนาธาร เข็มดี : เซนเตอร์พันธุ์ห้าวดาวดวงใหม่ทัพช้างศึก

โจนาธาร เข็มดี : เซนเตอร์พันธุ์ห้าวดาวดวงใหม่ทัพช้างศึก | Think Curve - คิดไซด์โค้ง
หลังจากจบเกมอุ่นเครื่องในศึก โดฮา คัพ ซึ่งทาง ทีมชาติไทย ชุดอายุต่ำกว่า 23 ปี ภายใต้ทำทีมของ “โค้ชหระ” อิสระ ศรีทะโร สามารถไล่ตามตีเสมอได้แบบสุดดราม่า 2-2 จากลูกโขกของ โจนาธาร เข็มดี เซนเตอร์แบ็คลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

จากนั้นในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ฮูลิโอ กูเตียเรซ ผู้ตัดสินเกมนี้ ก็ทดเวลาเพิ่มถึง 30 นาที จนทำให้ บลูมเมอร์ มาตีเสมอได้ในนาทีที่ 90+24 ทว่าต่อจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็เสียเปรียบ เมื่อสองผู้เล่นมาถูกไล่ออกจนเหลือ 9 คน

อันที่จริง บลูมเมอร์ น่าจะเก็บหนึ่งคะแนนไว้ได้ เมื่อสามารถยันเสมอจนถึงนาทีที่ 90+30 แต่ผู้ตัดสินดันไม่ยอมเป่าจบเกม และปล่อยให้เวลาไหลไปจนทำให้ พัลมาฟลอร์ เจ้าบ้านได้ประตูชัยในนาทีที่ 90+38 และเป่านกหวีดจบการแข่งขันในนาทีที่ 90+42

และการทดเวลาแบบไม่ชอบมาพากลของ กูเตียเรซ ก็ทำให้เขา รวมถึงทีมงานผู้ตัดสิน รวมผู้ตัดสิน VAR 6 คน ถูกลงโทษ จากสมาคมฟุตบอลโบลิเวีย ด้วยการห้ามทำหน้าที่ 6 เกม และทำให้เรื่องของเขาโด่งดังไปทั่วโลกจากเหตุการณ์นี้

แหล่งอ้างอิง

https://en.wikipedia.org/wiki/Barbados_4–2_Grenada

https://www.fifa.com/fifaplus/en/articles/explained-why-barbados-got-two-for-one-goal-against-grenada

https://www.theguardian.com/football/2014/jun/01/world-cup-25-stunning-moments-italy-south-korea

https://en.wikipedia.org/wiki/AS_Adema_149–0_SO_l'Emyrne

https://www.thesun.co.uk/sport/6214101/janny-sikazwe-tunisia-mali-referee-afcon-world-cup/

https://www.espn.com/soccer/bolivian-liga-profesional/story/4901790/bolivian-referees-suspended-after-playing-42-minutes-added-time

https://www.blockdit.com/posts/61b5e30856e2ee0cbc22371e

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด

ลีดส์ ยูไนเต็ด, ญี่ปุ่น, มังงะ
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

MOST POPULAR

สนใจโฆษณาติดต่อ