‘อาทิตย์ เบิร์ก’ : จากอดีตผู้เล่นเยาวชนทีมชาตินอร์เวย์ สู่แข้งชุดใหญ่ทีมชาติไทย

‘อาทิตย์ เบิร์ก’ : จากอดีตผู้เล่นเยาวชนทีมชาตินอร์เวย์ สู่แข้งชุดใหญ่ทีมชาติไทย
ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

ชื่อของ อาทิตย์ เบิร์ก อาจไม่ใช่นักเตะที่แฟนบอลชาวไทยคุ้นหูกันนัก หากย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ในสมัยที่ทาง นครปฐม ยูไนเต็ด เล่นอยู่ในลีกรองอย่าง ไทยลีก สอง

แต่พอต้นสังกัดของเขาคว้าแชมป์มาครองได้แบบเหนือความคาดหมาย แฟนบอลที่อาจได้ตามชมตามเชียร์อยู่บ้างก็พอคุ้นหูกับชื่อของเขามากขึ้น ในฐานะที่เป็นกำลังสำคัญให้กับ เสือป่าราชา จากการลงสนามไปมากถึง 33 เกม ยิงไป 4 ประตู กับทำอีก 1 แอสซิสต์ แถมยังพร้อมลงเล่นให้ทีมได้หลากหลายตำแหน่งตั้งแต่กลางรับยันไปถึงกองหน้าตัวเป้า

ความเป็นจริงแล้วโปรไฟล์ของ อาทิตย์ ค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อย เพราะมีประสบการณ์ในการเล่นฟุตบอลในยุโรป และเคยมีชื่อติดทีมชาติเยาวชนชุดอายุต่ำกว่า 16 ปีของประเทศนอร์เวย์มาแล้ว ก่อนจะย้ายไปค้าแข้งอยู่ในแดนลุงแซม ‘สหรัฐอเมริกา’ แล้วล่าสุดมาลงเอยที่ประเทศไทยที่แสนไกลปืนเที่ยง

เส้นทางการค้าแข้งอันโลดโผนของเขามีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร? เขาเปลี่ยนตัวเองจากนักเตะโนเนมจนกลายเป็นที่รู้จักได้อย่างไร? จริงหรือไม่ที่เคยปะทะกับแข้งดังระดับโลกอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ และ มาร์ติน โอเดการ์ด มาแล้ว? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

ลูกครึ่งยุโรปหัวใจไทย

จากข้อมูลตามอินเตอร์เน็ตที่สามารถค้นหาได้ มีการบ่งบอกเอาไว้แค่ว่า อาทิตย์ เป็นนักเตะลูกครึ่ง มีคุณพ่อเป็นชาวนอร์เวย์ และคุณแม่เป็นคนไทย เติบโตอยู่ที่ยุโรปตั้งแต่อายุยังน้อย แล้วรู้จักกีฬาฟุตบอลจากการเริ่มต้นเล่นกับเพื่อนในโรงเรียน

เขาโชคดีที่ประเทศที่เป็นถิ่นฐานการออกสตาร์ทอาชีพนั้นให้ความสำคัญกับฟุตบอล มีอคาเดมี่กระจายอยู่ทั่วประเทศในหลายเมือง ซึ่งตัวของอาทิตย์ก็ได้เข้าฝึกฟุตบอลอย่างจริงจังที่แรกกับ สตาเบ็ค ที่นับว่าเป็นศูนย์ฝึกที่ใหญ่ลำดับต้นๆ ในแถบสแกนดิเนเวีย

เวลาว่าง อาทิตย์ เคยซึมซับวัฒนธรรมการเป็นคนไทยอยู่บ้าง เพราะคุณยายมักจะพาเขาไปวัดไทยในประเทศนอร์เวย์อยู่เป็นประจำ ซึ่งเขามองว่าเป็นสถานที่อันงดงาม เลยถูกเลี้ยงดูมาแบบวัฒนธรรมผสมผสานทั้งการเป็นคนยุโรปและคนไทยไปพร้อมๆ กัน

จากคำบอกเล่าคร่าวๆ ของ อาทิตย์ ฝีเท้าของเขาถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของเด็กที่นั่น เป็นตัวหลักและได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมเยาวชนเกือบทุกชุด เคยปะทะกับแข้งฝีเท้าระดับโลกมาแล้ว อาทิ มาร์ติน โอเดการ์ด (อาร์เซน่อล) และ เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) ซึ่งตัวของเขามองว่าทั้งคู่ฉายแววฝีเท้าโดดเด่นเกินอายุมาตั้งแต่ตอนนั้น จึงไม่แปลกที่จะไปยืนอยู่หัวแถวของวงการในตอนนี้

อย่างไรก็ตามแม้จะเคยมีชื่อติดทีมชาตินอร์เวย์ ชุดอายุต่ำกว่า 16 ปีมาแล้ว แต่ตัวของเขาก็เจอจุดเปลี่ยนของการเป็นนักเตะอาชีพ ตามที่เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า

“ผมเคยร่วมฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ของหลายสโมสรในนอร์เวย์บ่อยครั้ง (เบรุม, ลิน และ ไอเอฟ เรดี้) แต่มีนักเตะที่เก่งกว่าผมขวางหน้าอยู่หลายต่อหลายคน ซึ่งผมก็ไม่ได้รับสัญญาอาชีพกับทีมชุดใหญ่ จึงเริ่มมองหาโอกาสที่จะเป็นนักบอลอาชีพต่อไป”

“ผมมองเห็นความเป็นไปได้ในการเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ในระหว่างที่ไปศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย จนได้โอกาสลงเล่นเกมลีกที่นั่นพร้อมกับเรียนไปด้วย เพียงแต่มันเป็นเรื่องยากที่จะแจ้งเกิดได้เหมือนนักเตะชื่อดังอย่าง เวย์น รูนี่ย์ หรือ เดวิด เบ็คแฮม เนื่องจากปัจจัยที่เป็นนักเตะต่างชาติ”

แน่นอนว่าลีกต่างแดนย่อมต่างกับลีกในบ้านเกิด การจะใช้โควต้านักเตะต่างชาติให้คุ้ม ย่อมต้องยอมลงทุนไปกับนักเตะจากชาติที่มีศักยภาพสูงหรือขึ้นชื่อในเรื่องของการเล่นฟุตบอล รวมไปถึงผู้เล่นที่มีดีกรีการันตีฝีเท้ามาแล้ว

อาทิตย์ เลยได้มีการพูดคุยกับเพื่อนที่เป็นชาวฟิลิปปินส์ ถึงการมองหาลีกฟุตบอลในแถบเอเชียลงเล่น ซึ่งเขามีสัญชาติไทยเป็นทุนอยู่แล้ว จึงเริ่มหาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับลีกฟุตบอลที่เป็นบ้านเกิดของคุณแม่ ก่อนจะได้รับการติดต่อจากเพื่อนของ ‘เสี่ยโหน่ง’ พาณุวัฒน์ สะสมทรัพย์ ให้ลองมาตามฝันต่อที่นี่

ติดทีมชาติเพราะบทบาทจำเป็น

ช่วงระหว่างที่ อาทิตย์ ตัดสินใจลาจากประเทศสหรัฐฯ มาทดสอบฝีเท้า พร้อมกับเล็งที่จะย้ายสังกัดมาเล่นในประเทศไทย ปรากฎว่าไปตรงกับช่วงที่เกิดวิกฤติโควิด-19 ระบาดอยู่แบบพอดิบพอดี การดำเนินการต่างๆ เลยเป็นไปได้ด้วยความยากลำบากในช่วงปี 2021

แต่มีเพียงหนึ่งทีมที่เล็งเห็นศักยภาพลึกๆ ในตัวของเขา นั่นก็คือ นครปฐม ยูไนเต็ด สโมสรในศึก ไทยลีก สอง ภายใต้การทำทีมของ ‘โค้ชธง-ธงชัย สุขโกกี’ ซึ่งต้องการตัวของเขามาอยู่กับทีมแบบจริงจัง ผลักดันทุกอย่างจนเกือบทันเส้นตายวันสุดท้าย โชคร้ายที่เอกสารจากฟีฟ่านั่นส่งมาไม่ทัน ส่งผลให้เขาลงทะเบียนลงสนามในเลกแรกของฤดูกาลดังกล่าวไม่ทัน

อาทิตย์ ทำได้เพียงร่วมฝึกซ้อมกับทีม, เรียนรู่แท็คติก และ ทำความเข้าใจปรับการเล่นเข้ากับเพื่อนร่วมทีมไปก่อนเท่านั้น ตัวของเขามองว่ารูปแบบการเล่นฟุตบอลในประเทศไทยนั้นต่างกับยุโรป ตรงที่เน้นเรื่องของความเร็วความคล่องตัวของผู้เล่น, ใช้ผู้เล่นที่มีความสามารถเฉพาะตัวสูง และ การทรานสิชั่น เป็นหลัก

ซึ่งเขามองว่าการที่ลงทะเบียนไม่ทันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับเขา แต่เป็นเรื่องดีเสียอีกที่มีเวลาปรับตัวไปทีละเล็กทีละน้อยจนเข้าใจ หากต้องลงเล่นอย่างทันท่วงทีในเลกแรก ผลงานของเขาอาจไม่ออกมาดีอย่างที่เห็น

อันที่จริงแล้ว อาทิตย์ ชื่นชอบในการเล่นเป็นกองกลางตัวรับหรือตัวรุกเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นตำแหน่งถนัดของเขาที่เล่นมาตั้งแต่แรกเริ่ม บทบาทของเขามักจะถูกจับไปเล่นเป็นกองกลางหมายเลข 8 หรือ 10 หน้าที่หลักเป็นการอาศัยจุดเด่นของตัวเอง เล่นเป็นมิดฟิลด์ ‘บ็อกซู ทู บ็อกซ์’ วิ่งขึ้นสุด-ลงสุดทั้งรุกและรับ

โดยตัวของ อาทิตย์ ได้อธิบายถึงหน้าที่ของเขากับ นครปฐม ตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มว่า

“ผมได้รับตำแหน่งหน้าที่ให้ วิ่งเพื่อทีม ทำประตูให้ทีม ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ดีที่ตัวผมมีคุณค่าและเพื่อนร่วมทีมเห็นค่าในทักษะนั้น โค้ชเชื่อมั่นในตัวผม ทำให้ทีมมีผลงานที่ดี”
“ผมชอบวิ่ง ชอบเล่นเกมรับแต่ก็พยายามจะเล่นเกมรุกมากขึ้น แต่พอครึ่งฤดูกาลหลังมีผู้เล่นตำแหน่งกองหน้าบาดเจ็บ บางครั้งเลยถูกจับไปเล่นเป็นกองหน้าจำเป็นตามคำสั่งที่โค้ชต้องการ แม้ผมไม่ใช่กองหน้าธรรมชาติก็ยังสามารถทำประตูได้บ้าง ซึ่งถ้าผมเล่นตำแหน่งโดยธรรมชาติอาจยิงได้มากกว่านี้”

อาทิตย์ มองว่าความเข้าใจแท็กติกของผู้เล่นและเคมีที่เล่นร่วมกันได้ของผู้เล่นแต่ละคนเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นเขาจึงพยายามศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของการปรับตัวกับภาษาและวัฒนธรรมที่แตกต่าง เพื่อหวังว่าจะกลมกลืนกับคนที่นี่ได้อย่างรวดเร็วที่สุด แล้วความฝันสูงสุดที่ตั้งเป้าจะไปถึงให้ได้ คือ “การติดทีมชาติไทย”

ฝันที่เป็นจริง

แม้ว่าการประกาศรายชื่อ ทีมชาติไทยชุดใหญ่จำนวน 23 คนสุดท้าย เพื่อไปลุยโปรแกรมอุ่นเครื่องตามปฏิทิน ฟีฟ่า เดย์ ยังทวีปยุโรปที่มีคิวต้องพบกับ ทีมชาติจอร์เจีย และ เอสโตเนีย วนวันที่ 12 กับ 17 ตุลาคมที่จะถึงนี้ จะเจอเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนบอลทัพช้างศึกอย่างหนาหูว่า ‘ไม่ใช่ชุดที่ดีที่สุด’

แต่สำหรับ อาทิตย์ เองแล้วเขาอาจไม่ได้มองเช่นนั้น เพราะมีชื่อของเขาติดไปด้วยแบบเซอร์ไพรส์ จากผลงานการเปิดตัวอันร้อนแรงบนเวที ไทยลีก ครั้งแรก แล้วกดไป 4 ประตู จากการลงสนามในลีก 4 เกม ซึ่งเหยื่อรายล่าสุด คือ ตราด เอฟซี ช่วงดึกคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

อาทิตย์ กล่าวถึงการติดธงทีมชาติไทยชุดใหญ่เป็นครั้งแรกเอาไว้ว่า

"ผมทั้งเซอร์ไพรส์มีความสุขมากเลยครับที่ถูกเสนอชื่อทั้งที่ยังอยู่ในช่วงต้นฤดูกาลด้วย แต่ผมเชื่อมั่นเสมอว่ามีดีพอที่จะเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติได้ ครอบครัวของผมก็แฮปปี้มากๆ เหมือนกัน ทุกคนภูมิใจมาก"

"ผมมีความสุขและภูมิใจมากๆ กับความสำเร็จครั้งนี้ ที่ผมได้มีชื่อติดทีมชาติชุดใหญ่ มันแสดงให้เห็นว่าที่ผมก้มหน้าก้มตาทำงานหนักมาตลอดจนถึงตอนนี้มีคนเห็นมันอยู่และทำให้ผมมีแรงจูงใจที่จะแvสดงฝีเท้าให้เห็นว่าผมคู่ควรกับทีมชาติไทย”

ดาวยิงจาก นครปฐม ยูไนเต็ด เข้าอกเข้าใจแฟนบอลไทยเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นกังวลเรื่องการขาดตัวหลักไปหลายคนในทีมชุดนี้ แต่ส่วนตัวเขาเชื่อว่า นี่จะเป็นเวทีให้นักเตะใหม่ได้โชว์ศักยภาพในเกมสำคัญ แล้วจะกลายเป็นบทพิสูจน์สำคัญว่าจะดีพอในการเป็นขุมกำลังช่วยทีมชาติลุยศึก ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้าหรือไม่?

แหล่งข้อมูลอ้างอิง :

https://thinkcurve.co/exclusive-epidaicch-aathity-ebirk-chaangsuekhnaaaihmhnuengediiywcchaaknkhrpthm-yuuainetd/

https://www.youtube.com/watch?v=QsNJKv70YUs

https://www.siamsport.co.th/football-thailand/thaileague-1/31993/

แชร์บทความนี้
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

MOST POPULAR

สนใจโฆษณาติดต่อ