‘แบงค็อก’ น่ากลัวแค่ตายยาก! สุดท้ายลำบากเพราะแต้มหล่น
เกม บิ๊ก แมทช์ ศึก ไทย ลีก ประจำวันอาทิตย์ ณ สนาม บีจี สเตเดี้ยม ระหว่าง ‘กระต่ายแก้ว’ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เปิดบ้านรับการมาเยือนของ ‘แข้งเทพ’ แบงค็อก ยูไนเต็ด ถือเป็นเกมสำคัญที่ส่งผลต่อการลุ้นแชมป์ลีกปีนี้ของทั้งสองทีมได้เลย เพราะสถานการณ์ในตอนนี้กลายเป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่าที่เร่งเครื่องแซงขึ้นไปเป็นจ่าฝูงแบบโดดๆ เรียบร้อย
ในช่วงเลกแรกผลงานของ แบงค็อก ยูไนเต็ด ถือว่าร้อนแรงเป็นอย่างมาก ผงาดนำเป็นจ่าฝูงแบบเดี่ยวๆ แต่พอเจอโปรแกรมหนักๆ ถี่ๆ เข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ อาการเดิมๆ ที่แก้ไม่หายก็กลับมาอีกครั้ง ด้วยการออกลูกสะดุดเสมอในเกมที่ควรจะเก็บสามแต้มได้ ระหว่างนั้นคู่แข่งที่ตามมาเงียบๆ ทำแต้มไล่มาจนหายใจรดต้นคอ
บีจี ที่รั้งอยู่อันดับ 4 ของตาราง แม้ว่าจะลุ้นแชมป์ยาก หากต้องพูดกันตามตรงจากฟอร์มที่ยังกระท่อนกระแท่น แต่ยังไงพวกเขาก็ต้องสู้ด้วยศักดิ์ศรีของทีมใหญ่ ที่ไม่สามารถยอม แบงค็อก ได้ง่ายๆ ต่อหน้าแฟนบอลในรังเหย้าของตัวเอง ซึ่งเดินทางมาให้กำลังใจจนเต็มความจุสนาม
รูปเกมของทั้งสองทีมในนัดนี้ตีเกรดเป็นความมันระดับ 5 ดาว แต่ทำไมต่างฝ่ายต่างกำชัยได้แค่ทีมละครึ่งเดียว? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
บีจีใส่สุดตั้งแต่ครึ่งแรก
โค้ชมากประสบการณ์ชาวญี่ปุ่นอย่าง เทกุ เกมนี้มีเซอร์ไพรส์ ด้วยการจัดระบบการเล่นออกมาในรูปแบบแผน 4-3-3 แผงหลังทุกคนสามารถยืนเป็นเซนเตอร์แบ็คได้หมด เหมือนจะบอกเป็นนัยๆ ว่าเกมนี้ แนวรุกของ แบงค็อก คงไม่ได้เจาะเกมรับของพวกเขาง่ายๆ
แผงกลางสามคมก็อัดแน่นมาด้วยตัวผู้เล่นดีกรีระดับ ทีมชาติไทย ไม่ว่าจะเป็น พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล, กฤษดา กาแมน รับหน้าที่เป็นตัวตัดเกม ส่วนทาง สารัช อยู่เย็น เป็นตัวขับเคลื่อนที่มีบทบาททั้งเกมรุกและเกมรับ เรียกได้ว่าแทบเป็นแผงกลางตัวจริงทัพช้างศึกได้เลย
ส่วนแนวรุกแดนบนสามคน เทกุ อาจจะจัดมาแบบขัดตาแฟนบอลสักหน่อย เพราะจับเอาเพลย์เมคเกอร์สองคนทั้ง เมสซี่เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์ ยืนฝั่งซ้าย ดานิโล่ อัลเวส ดาวยิงตัวเก๋าชาวบราซิล ยืนเป็นหน้าเป้า ส่วนทาง เฟร็ดดี้ อัลวาเรซ ที่ถนัดเท้าซ้ายไปยืนริมเส้นฝั่งขวา
แผนอันลึกล้ำของ เทกุ เกมนี้ คือ การอาศัยสภาพความฟิตของนักเตะที่ได้เปรียบ เพรสซิ่งแนวรับของ แบงค็อก ตั้งแต่แดนบน เข้าถึงบอลไว เล่นหนัก เล่นดุ ปล่อยให้ทางทีมเยือนครองเกมต่อบอลไปตามถนัด ส่วนลูกทีมของเขารอแค่จังหวะในการดักตัดบอล แล้วค่อยหาจังหวะเข้าทำเน้นๆ
การวาง ชนาธิป และ เฟร็ดดี้ ไว้ตรงข้ามเท้าที่ตัดเองถนัด เพื่อหวังให้ทั้งสองคนที่เป็นตัวรุกที่เปิดบอลได้แม่น ครอสบอลแบบโค้งเข้าหาประตู รอจังหวะให้ ดานิโล่ โฉบเข้ามาชาร์จลุ้นทำประตู
ส่วนทางฝั่งทีมเยือน โค้ชแบน-ธชตวัน ศรีปาน ก็มาแบบเหนือเมฆ ด้วยการเก็บตัวหลักไว้บนม้านั่งสำรองหลายคน ไม่ว่าจะเป็น วานเดอร์ หลุยส์, รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก และ วิลเล่น โมต้า เหมือนครึ่งแรกจะตั้งใจมายื้อยันเสมอในครึ่งแรก แล้วค่อยไปส่งตัวจริงลงมาบดในครึ่งหลัง
ด้วยคุณภาพผู้เล่นที่แตกต่างกันบวกกับการเร่งจังหวะเกมของ บีจี ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าถิ่น จะเป็นฝ่ายออกนำไปก่อน 2-0 ตั้งแต่ยังไม่ถึง 15 นาทีแรก จากประตูของ เซดีน เอ็นดิอาย และ ดานิโล่ อัลเวส ซึ่งเป็นลูกโหม่งทั้งสองลูก
ยิ่งไปกว่านั้นฟอร์มของ ชนาธิป ที่ถึงแม้จะดูมุมไหน สภาพร่างกายก็ยังไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็เพียงพอที่จะปั่นป่วนแนวรับของ แข้งเทพ จนเสียกระบวนกันไปหลายต่อหลายจังหวะ แต่ก็แลกมาด้วยการเปลืองพลังงานที่แทบจะหมดก็อก
แล้วเมื่อฝั่งผู้เล่น บีจี เร่งเครื่องสู้สุดใจแบบไม่ผ่อน อาการแผ่วก็เริ่มโชว์ออกมาให้เห้นในช่วงท้ายครึ่งแรก แถมทาง แบงค็อก เองก็มีจังหวะโชคดีไม่น้อย จากการรอดใบแดงของ วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ที่เหมือนจะไปชักศอกใส่ เฟร็ดดี้ อัลวาเรซ แต่ผู้ตัดสินตัดสินใจแจกแค่เหลือง
ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก ปกเกล้า อนันค์ จอมทัพเงาของ บียู ก็กลายมาเป็นผู้จุดประกายความหวังให้กับทีมด้วยการยิงตีไข่แตกให้ แข้งเทพ ไล่ตามเจ้าบ้านมาห่างแค่สกอร์เดียว 2-1 นั่นคือ สัญญาณเตือนเบาๆ ว่า เดี๋ยวครึ่งหลังเจอกัน!
การคัมแบ็คของ แบงค็อก
จากการใส่พลังงานแบบหมดแม็กของผู้เล่น บีจี ในครึ่งแรก แล้วใช้ตัวหลักลงมาแบบเต็มสูบ จนแทบไม่เหลือไพ่ตายเอาไว้แก้เกมบนม้านั่งสำรอง รูปเกมของเจ้าถิ่นก็ค่อยๆ ยวบลงไปหลังจากเสียงนกหวีดเป่าเริ่มต้นเกมครึ่งหลังของผู้ตัดสินดังขึ้น
ทางฝั่ง แบงค็อก ที่เล่นเหมือนออมแรงไว้ กลายเป็นทีมที่ครองเกมได้เหนือกว่าเรื่อยๆ โค้ชแบน ก็ทยอยส่งตัวหลักลงมาบดหวังทวงประตูคืนให้ได้ เริ่มจากการส่ง รุ่งรัฐ และ โมต้า ลงมาประจำการในแนวรุกตั้งแต่ช่วงต้นครึ่งหลัง
ความพยายามปนโชคของ แบงค็อก ก็มาสำฤทธิ์ผลจากลูกเตะมุม ที่ทาง โมต้า ใช้หัวไหล่กึ่งท่อนแขนด้านบนเช็ดบอลจากเสาแรกเข้ากลางมาถึง วิศรุต อิ่มอุระ จิ้มบอลเข้าประตูไปให้ทางอาคันตุกะ แข้งเทพ ตีเสมอได้สำเร็จเป็น 2-2 ในนาทีที่ 70
พอใกล้จะเข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย วานเดอร์ หลุยส์ ไพ่ตายก็ถูกส่งลงมา เพื่อหวังเป็นตัวพลิกเกมพาทีมคว้าสามแต้มในขณะที่แนวรุกของฝั่ง บีจี ช็อตจยต่อเกมกันไม่ติด ยิ่งไปกว่านั้นแนวรับก็เริ่มทยอยหมดแรง มีอาการเจ็บรบกวน จนต้องมีการเปลี่ยนตัวสำรองลงไป แล้วกลายเป็นว่าการจัดระเบียบนั้นก็เสียกระบวนไปหมด
ช่วงท้ายเกมต้องยอมรับตามตรงว่า โอกาสการเข้าทำของ บียู ทีมเยือนนั้นจะแจ้งมากกว่า มีโอกาสได้ประตูชัยหลายต่อหลายครั้ง แต่ยังดีที่แนวรับและผู้รักษาประตูของ กระต่ายแก้ว ช่วยกันกางตำรารับแบบสุดกู่เอาตัวรอดไปได้อย่างหวุดหวิด แต่ท้ายเกมเจ้าถิ่นก็ต้องมาโชคร้ายเพิ่มเติม เมื่อทางตัวสำรองอย่าง ชนานันท์ ป้อมบุปผา ไปโดนใบแดงไล่ออกไปในช่วงทดเจ็บ ก่อนที่เกมจะจบลงไปด้วยสกอร์ 2-2 แบ่งกันไปทีมละแต้ม
ผลเสมอของทั้งสองทีมระหว่าง บีจี กับ บียู ไม่ได้เป็นผลดีต่อฝั่งใดเลย เพราะทีมที่กำลังแอบยิ้มมุมปากอยู่ คือ การท่าเรือ เอฟซี ที่เร่งเครื่องจนขึ้นไปยึดตำแหน่งรองจ่าฝูงแล้ว ส่วนทีมที่สามารถฉีกยิ้มกว้างๆ รอหยิบชิ่นปลามันอย่างถ้วยแชมป์ไปครอง คงไม่มีทีมไหนนอกจาก ‘บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด’ ที่กวาดสามแต้มเป็นว่าเล่นด้วยฟอร์มสุดโหดตั้งแต่เปิดเลกสอง
ยิ่งเกมในอาทิตย์หน้า ปราสาทสายฟ้า จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ แบงค็อก ที่สภาพนักเตะกำลังกรอบแบบสุดๆ จากการเดินทาง หากแชมป์เก่าเก็บสามแต้มได้ตามแผน เผลอๆ อาจเป็นการตัดตัวเลือกลุ้นแชมป์ลีกตั้งแต่ไก่โห่เลยก็เป็นไปได้
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : การชมเกมถ่ายทอดสด