แก้ได้คือยอดโค้ช : สิ่งที่โค้ชอ้นต้องเผชิญกับงานใหม่ที่ ท่าเรือ มีอะไรบ้าง ?

แก้ได้คือยอดโค้ช : สิ่งที่โค้ชอ้นต้องเผชิญกับงานใหม่ที่ ท่าเรือ มีอะไรบ้าง ?
ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

การประกาศคว้าตัว โค้ชอ้น-รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค และ ธัญญะ วงศ์นาค เข้ามารับตำแหน่งเฮดโค้ชและผู้จัดการทีมตามลำดับ ความเป็นจริงทาง มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ มีความคิดที่จะจีบสองหัวเรือจาก โปลิศ เทโร เข้ามาทำงานในถิ่น แพท สเตเดี้ยม นานแล้ว แต่จังหวะเวลายังไม่ลงตัวและเหมาะสม แล้วเคยเล็งไปไกลถึงขั้นจะเทคโอเวอร์สโมสรเลยด้วยซ้ำ

PHOTO : การท่าเรือ เอฟซี

อย่างไรก็ตามเมื่อทาง มังกรโล่ห์เงิน เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับสโมสร เรื่องของผู้บริหารทีมและแนวทางการดำเนินงาน จังหวะเวลาที่เหมาะที่ควรก็มาถึงพอดี จากการที่ โค้ชอ้น ประกาศลาทีม หลังตอบแทนบุญคุณของผู้บริหารชุดเก่าอย่าง ไบรอัน แอล. มาคาร์ จนไม่เหลืออะไรติดค้าง ดังนั้นเขาจึงสามารถมองหาความก้าวหน้าใหม่ๆ ในอาชีพของตัวเองได้ จึงเป็นที่มาของการเปิดตัวกับทีมใหม่อย่างที่แฟนบอลเห็นกันไป

ค่าเหนื่อยของ โค้ชอ้น ตกอยู่ที่เดือนละ 3 แสนบาท พร้อมกับสามารถดึงทีมงานที่ไว้เนื้อเชื่อใจจากทีมเก่ามาช่วยได้ รวมไปถึงงบประมาณการเสริมทัพที่มากขึ้นตามสถานะการเงินของสโมสร ล้วนเป็นความเปลี่ยนแปลงในอาชีพครั้งใหญ่ ซึ่งมาพร้อมกับความกดดันที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน

โดยทาง เจ-วรปัฐ อรุณภักดี ได้กล่าวถึงจุดเด่นในการทำงานของ โค้ชอ้น ผ่านทางช่อง Think Curve - คิดไซด์โค้งเอาไว้ว่า

“โค้ชอ้น ค่อยๆ สั่งสมประสบการณ์กับ โปลิศ เทโร ทำทีมที่มีข้อจำกัดเรื่องการเงิน แต่สามารถบริหารจัดการทีมให้หนีตกชั้นได้ไม่เหนื่อยถึงสองฤดูกาล บางช่วงขึ้นไปอยู่หัวตาราง จนบางทีมยังต้องอายกับผลงาน”

PHOTO : GOAL

“เขาสามารถหยิบจับนักเตะมาปั้นเป็น โครงสร้างและแนวทางการทำทีมชัดเจน แม้ว่าระบบอาจจะยังไม่นิ่ง แต่รู้ว่าจะปรับเปลี่ยนวิธีการที่เหมาะสมในการรับมือกับคู่แข่งที่แตกต่างแบบไหน”

อย่างไรก็ตามการทำงานกับ การท่าเรือ เอฟซี นั้นแตกต่างออกไป แล้วถ้าหวังจะมองถึงการพาทีมประสบความสำเร็จในการไปถึงตำแหน่งแชมป์รายการต่างๆ ตัวของ โค้ชอ้น จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องสำคัญต่างๆ ซึ่งทาง เจ-วรปัฐ ได้วิเคราะห์เอาไว้ว่า

“นักฟุตบอลของ การท่าเรือ มีดีกรีที่ดีกว่าแตกต่างกับนักเตะของ โปลิศ เทโร แต่ละคนรับค่าเหนื่อยที่สูงมาก ชีวิตอยู่สบายแล้วไม่จำเป็นต้องดิ้นรนอะไร เลยทำให้ผลงานสะท้อนออกมาในสนามอย่างที่เห็น มีลูปที่ฟอร์มหลุดจนผู้บริหารใจไม่นิ่ง เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดตัวผู้เล่น พอผลงานออกมาไม่ดี ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงโค้ชแบบที่ผ่านๆ มา ถ้าผู้บริหารยังเปลี่ยนจุดนี้ไม่ได้ โค้ชอ้น ก็อาจจะทำงานได้ตรงตามเป้าหมายได้ยาก”
PHOTO : การท่าเรือ เอฟซี
“ประเด็นต่อมาในเรื่องของการสร้างทีมสปิริตก็สำคัญ เพราะแทบต้องรื้อกันใหม่หมด รวมไปถึงเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานภายในสโมสร เรื่องสนามซ้อมที่ต้องจัดการเช่าหรือสร้างใหม่ให้เป็นของทีมอย่างแท้จริง เพื่อประโยชน์ในการพัฒนานักฟุตบอลให้ครบถ้วนทุกองค์ประกอบ ซึ่งเรื่องเงินย่อมไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นโอกาสจะไปเทียบเคียงกับทีมใหญ่อื่นๆ ที่มีความพร้อมมากกว่าคงเป็นไปได้ยาก”

อีกหนึ่งเรื่องสำคัญเป็นประเด็นเรื่องของการเสริมทัพ ทั้งนักเตะไทยและต่างชาติที่อาจไม่ตรงกับการต้องการใช้งานของโค้ช ผู้บริหารต้องมอบอำนาจให้ โค้ชอ้น ได้เสนอแนะและปรับจูนตามแนวทางของเขา มันจะช่วยลดเรื่องค่าใช้จ่าย แล้วได้นักเตะตรงตามสเปคที่โค้ชต้องการใช้ หากใครย้ายมาแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ความรับผิดชอบในส่วนนั้นก็จะตกเป็นของทางโค้ช แล้วทางผู้บริหารจะไม่ต้องมารับหน้าในส่วนนี้แบบที่เคยเป็นมา

สุดท้ายเรื่องของการสร้างเยาวชนให้เกิดความสมดุลย์อย่างจริงจัง ก็ควรจะทำให้เป็นแนวทางชัดเจนสักที เพื่อประหยัดงบประมาณค่าใช้จ่าย ให้นักเตะดาวรุ่งที่มีศักยภาพได้มีเกมเล่น เมื่อมีทั้งการซื้อและการสร้างควบคู่ไปด้วยกัน ถ้าวางโครงสร้างไว้ดีทั้งระบบจะสามารถต่อยอดให้กับทีมได้ในระยะยาว เป็นการแก้ปัญหาแบบยั่งยืนไม่ใช่ฉาบฉวย ซึ่งเชื่อว่าทาง โค้ชอ้น คงมองถึงจุดนี้ไว้แล้วเช่นกัน

PHOTO : การท่าเรือ เอฟซี

อำนาจการบริหารจัดการในส่วนต่างๆ ระหว่างประธานสโมสรและเฮดโค้ช ต้องมีการแบ่งสัดส่วนกันให้ชัดเจน ตามการพูดคุยที่มีการตกลงกันไว้ล่วงหน้า พร้อมกับการให้ระยะเวลาในการปรับจูนทีมให้เหมาะสม ถ้าเปลี่ยนแปลงทุกประเด็นสำคัญตามที่แยกย่อยออกมาได้ โอกาสที่สโมสร การท่าเรือ จะพัฒนาไปอีกระดับนั้นมีความเป็นไปได้แน่นอน เพราะศักยภาพนักเตะภายในทีมนั้นสู้กับทีมอื่นๆ ได้อยู่แล้ว

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : 

https://www.facebook.com/kidsidekong/videos/1494816931088249/

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

‘เดวิด คิสต์’ ผู้สานต่อโปรเจ็คท์ U20 บลูล็อคสไตล์จิงโจ้

แชร์บทความนี้
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ