แข้ง ‘บางเกริก X H3’ เปิดอก ‘บอล 6 คนชิงแชมป์โลก’ งานหนักกว่าแข่งบอลเดินสายเงินล้านหลายเท่า
แน่นอนว่า ‘บางเกริก X H3’ ซึ่งเป็นตัวแทนทีมชาติไทยไปลุยศึก WMF 2023 ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) มีการคัดเลือกขุมกำลังนักเตะตัวหลักทั้งชุดมาจาก ‘นักฟุตบอลเดินสาย’ ที่หลายคนตระเวนเล่นในรายการชั้นนำในบ้านเรามามากมาย เก็บประสบการณ์บอลเงินแสนและเงินล้าน มานับไม่ถ้วน
อย่างไรก็ตามศึก ฟุตบอล 6 คน ชิงแชมป์โลกครั้งนี้ นับเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับทุกคนเป็นครั้งแรก ในการลงสนามบนเวทีอย่างเป็นทางการ แถมไม่ใช่เล่นเป็นแค่ตัวแทนสโมสรอีกต่อไป แต่ครั้งนี้พวกเขาคือตัวแทนทีมชาติ ที่ภาระความกดดันย่อมหนักอึ้งไปอีกระดับ
ทางทีมงาน Think Curve - คิดไซด์โค้ง ซึ่งได้มีโอกาสสัมภาษณ์ส่วนตัวกับ ‘ปืน-บัญชา หุ่นไทย’ ถึงความเข้มข้นของบอลรายการนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับ บอลชิงเงินหลักล้านในประเทศไทย ซึ่งก็ได้รับคำตอบจากทั้งตัวนักเตะและบิ๊กบอสออกมาว่า
“มันคนละเรื่องเทียบกันไม่ได้เลย ที่นี่คือเวทีรวมนักเตะระดับโลกของจริง ทีมของพี่ก็มีตัวที่เคยได้แชมป์บอลเงินล้านมา ยังยอมรับตั้งแต่วันที่เจอกับ สาธารณรัฐเช็ก เลยว่าตามเขาไม่ทันเรื่องสปีดบอล เราช้ากว่าเขาถึง 2-3 จังหวะ ทั้งที่เราคิดว่าเราซ้อมกันมาหนักและดีแล้วนะ”
“เด็กพวกนี้ถ้าผ่านรายการนี้ไปทุกคนจะเก่งขึ้นแน่ เพราะรายการนี้สอนอะไรให้กับพวกเขาหลายอย่าง ถ้าเจอทีมอ่อนกว่าต้องห้ามออมมือ ไม่มีผ่อนเกม ยิงได้มากเท่าไหร่ต้องยิง ไม่ใช่ติดนิสัยเล่นบอลเดินสายบ้านเรา พอยิงขาดก็ผ่อนเกมเซฟตัว ที่นี่เขาโฟกัสกับเกมทุกนาทีไม่มีปล่อยจนกว่ากรรมการจะเป่าหมดเวลา”
นอกจากนี้ ปืน มองว่าผลงานของ ทีมชาติไทย ในฟุตบอลรายการนี้ อาจไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ หากมีการสนับสนุนจากฝ่ายอื่นๆ และมีการเตรียมความพร้อมมากกว่านี้ เนื่องจากขนาดพวกเขาพยายามบริหารจัดการกันเอง อันดับโลกล่าสุดที่คิดคร่าวๆ น่าจะขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 27-28 แล้ว
การจัดตั้งสมาคมหรือจัดให้มีการแข่งขันลีกอย่างเป็นทางการจะช่วยเรื่องนี้ได้ เพราะนักเตะจะได้มีเวทีลับฝีเท้าในการแข่งขันรูปแบบนี้จนคุ้นชินเหมือนชาติอื่นๆ การให้ความร่วมมือของนักเตะก็สำคัญเพราะขนาดทาง คาซัคสถาน ยังเรียกอดีตนักฟุตซอลทีมชาติที่ไม่ติดธง 6 เดือน ตามเกณฑ์มาลงแข่งให้ ซึ่งผลงานก็ยอดเยี่ยมอย่างที่เห็น
ยิ่งไปกว่านั้นหากมีภาครัฐเข้ามาช่วยส่งเสริมหรือดูแลอย่างจริงจังแบบ ญี่ปุ่น ซึ่งพวกเขาเริ่มเข้ามาในแข่งในกรายการนี้ตั้งแต่ครั้งก่อนพร้อมกับไทย แต่ครั้งนี้เขาสามารถพัฒนาเยาวชนอายุไม่เกิน 21 ปี ที่เป็นตัวระดับมหาวิทยาลัย มาแข่งขันในนามทีมชาติได้แล้ว แถมหลายคนยังมีสังกัดเป็นทีมในศึก เจ ลีก อีกแล้วด้วย
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าการพัฒนาและความจริงจังของผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเรา เกี่ยวกับการส่งเสริมกีฬาฟุตบอลนั้นเทียบกับชาติอื่นๆ ยังไม่ได้ ดังนั้นหากจะหวังให้ผลงานทะลุไปไกลแบบก้าวกระโดดทั้งที่ไม่มีหน่วยงานส่งเสริม คงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมากๆ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : การสัมภาษณ์ส่วนตัว
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
‘บางเกริกxH3’ ทีมตัวแทนหนึ่งเดียวของไทย : สู้ศึกฟุตบอล 6 คนชิงแชมป์โลก