ไหนว่าลุ้นแชมป์ : วิเคราะห์ เมืองทอง อาการหนักเปิดหัวจืดสนิทสองนัดคว้าหนึ่งแต้มแถมลูกได้เสียติดลบ

หลังจากศึก ไทยลีก เข้าสู่โปรแกรมสัปดาห์ที่สอง โปรแกรมบิ๊กแมทช์ประจำวันเสาร์คู่ที่แฟนบอลให้ความสนใจมากที่สุด ย่อมหนีไม่พ้นการเจอกันของสองทีมใหญ่ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ เมืองทอง ยูไนเต็ด

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเป็นน้ำจิ้มก่อนเริ่มเกม ย่อมเป็นเรื่องของโค้ชและนักเตะหลายคนของทั้งสองทีม ที่มีการโยกย้ายสลับฝั่งให้เห็นกันอยู่บ้าง แถมยังเป็นตัวที่มีชื่อเสียงในวงการบอลไทยเสียด้วย อาทิ โค้ชแบน-ธชตวัน ศรีปาน เฮดโค้ชของ บียู ที่เคยคุมทัพกิเลนผยองมาก่อน รวมไปถึง ทริสตอง โด แบ็คขวาดีกรีทีมชาติไทย ที่ย้ายกลับมาเล่นให้กับ เมืองทอง อีกคำรบ

ผลงานของ แข้งเทพ ในเกมแรกนั้นโชว์ฟอร์มร้อนแรง เปิดหัวด้วยการนำเป็นจ่าฝูง หลังบุกไปเอาชนะ อุทัยธานี เอฟซี ขาดลอย 4-1 ส่วนทางฝั่ง กิเลนผยอง คอตกพ่ายคารังในเกมแรกให้กับ เชียงราย ยูไนเต็ด แบบสุดพลิกล็อคคาบ้าน 0-1 เล่นเอาแฟนบอลของทีมหัวเสียไปตามๆ กัน

ดังนั้นชัยชนะในเกมนี้จึงสำคัญกับสองทีมเอามากๆ บียู ลุ้นนำจ่าฝูงต่อ ด้านทีมเยือน เมืองทอง หวังเก็บชัยเกมแรกให้ได้เพื่อเรียกความมั่นใจ แล้วคงไม่มีเกมไหนเหมาะไปกว่าการฝากรอยแค้นให้กับทีมของเฮดโค้ชเก่า ที่เคยมีช่วงเวลาที่หอมหวานกับทีม

อย่างไรก็ตามผลการแข่งขันในเกมที่เตะกัน ณ สนามกีฬาธรรมศาสตร์รังสิต จบด้วยการเสมอกันไปแบบสุดจืด 0-0 ไม่มีประตูเกิดขึ้นแม้แต่ลูกเดียว ซึ่งฝั่งที่ช้ำใจมากกว่าย่อมเป็นทาง เมืองทอง เพราะลงเล่นมาสองเกมยังเบิกสกอร์ไม่ได้สักลูก สาเหตุของฟอร์มการเล่นที่ไม่เป็นไปตามที่หวังคืออะไร? ทำไมจากทีมที่บอร์ดมั่นใจว่าจะลุ้นแชมป์ถึงเล่นบอลแบบไม่มีทรง? ร่วมวิเคราะห์หาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

เป้าหมายมองไกลแต่งบไม่ถึง

แฟนบอลกิเลนผยอง คงต้องรู้สึกแปลกใจกันไม่น้อยกับบทสัมภาษณ์ของ ‘เสี่ยเป้’ รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ที่กล่าวถึงเป้าหมายของทีมในฤดูกาลนี้ ในวันที่เปิดตัวชุดแข่งขันใหม่เอาไว้ว่า

"ในฤดูกาลนี้เมืองทอง ยูไนเต็ด มีเป้าหมายและฝันที่ใหญ่กว่าเดิม ในการกลับมาทวงตำแหน่งแชมป์กลับมาสู่ธันเดอร์โดม สเตเดียม ด้วยปรัชญาฟุตบอลเกมรุกที่เป็นดีเอ็นเอของเรา ภายใต้การคุมทีมของโค้ช มาริโอ ยูรอฟสกี้"

"วันนี้นับเป็นอีกหนึ่งวันที่สำคัญสำหรับสโมสรเพื่อส่งสัญญาณบอกว่าทีมพร้อมแล้ว สำหรับการเดินหน้าคว้าความสำเร็จมาสู่สโมสรฯ ซึ่งที่ผ่านมาเราได้มีการวางแผนเตรียมทีมอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเสริมทัพผู้เล่นชั้นนำทั้งชาวไทยและต่างชาติ, การผลักดันผู้เล่นดาวรุ่งฝีเท้าดีขึ้นสู่ชุดใหญ่ เพื่อให้สโมสรมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม"

อย่างไรก็ตามผู้เล่นหน้าใหม่ที่ เมืองทอง คว้าตัวเข้ามาเสริมทัพ เพื่อฝากความหวังในการลุ้นแชมป์กลับเป็น ฌ็อง โคล้ด บิลล็อง เซนเตอร์แบ็คชาวแคเมอรูนที่แทบไม่มีเกมในซีซั่นที่แล้ว, สุวิทย์ ไปพรมราช กับ ณัฐวัฒน์ โทบ้านซ้ง ในตำแหน่งแบ็คซ้ายสองรายที่ดีกรีเรื่องฝีเท้ายังมีข้อกังขา และ ทริสตอง โด แบ็คขวาหน้าเดิม

รวมไปถึง สเตฟาน เชโปวิช กองหน้าตัวเก๋าจากลีกออสเตรเลียที่ยิงไม่ถึงสองหลักในซีซั่นก่อน และสุดท้ายคือ กัน-ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร กองกลางทีมชาติไทยชุดใหญ่ ที่ยังมีปัญหาอาการบาดเจ็บที่เข่ารบกวน ยังต้องลุ้นว่าหายแล้วจะเล่นได้เหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่? แต่กล้าเสี่ยงเซ็นมาวัดดวงไว้ก่อน พร้อมจ่ายค่าเหนื่อยกินเปล่าให้จนกว่านักเตะจะฟิตสมบูรณ์

แต่พอลงสนามมาแล้วสองเกม ปรากฏว่า ตัวที่ทำผลงานได้ดีมีไม่ถึงครึ่งจากที่ซื้อมาใหม่ แม้โปรไฟล์จะดูหรูตามหน้าเสื่อ อย่างไรก็ตามบอร์ดบริหารกิเลนผยอง ปิดดีลมาแต่ละรายด้วยราคาที่จำกัด ตามงบประมาณที่มีอยู่ในมือแบบพอเพียงเพราะ ยังหาสปอนเซอร์ใหญ่มาหนุนหลังไม่ได้ดังคาด แถมยังไใช้โควต้าต่างชาติไม่ครอบอีกด้วย

ผลลัพธ์ที่ได้ออกมา คือ การเล่นเกมรับที่ยังมีจุดบอดจากแบ็คสองฝั่ง กองกลางที่หวังพึ่งดาวรุ่งคุณภาพยังไม่ดีพอ และ กองหน้าตัวจบสกอร์ที่เปลี่ยนมาเป็น เชโปวิช ที่ยังเล่นไม่เข้ากับเพื่อนเท่าไหร่ ทำให้การเข้าทำของทีมฝืดสนิท กลายเป็นว่าทุกอย่างช็อตไปหมด

มองแต่อนาคตไม่สนปัจจุบัน

ปัญหาของ เมืองทอง ที่แฟนบอลทราบกันดีตั้งแต่ฤดูกาลก่อน คือ เครื่องร้อนช้า กว่าที่ผลงานจะติดเครื่องได้ ต้องเซ่นสังเวยเวลาในการปรับจูนทีมในเลกแรกไปเกินครึ่งทาง จนทางกุนซือย่าง มาริโอ เกือบจะถูกปลดออกไปจากตำแหน่ง โชคยังดีที่ได้ มิลอส โจซิช โค้ชจอมเก๋ามาคอยสนับสนุนและให้คำแนะนำในฐานะผู้ช่วย

การที่พวกเขาเปลี่ยนตัวผู้เล่นหลักในแทบทุกแดน ย่อมทำให้ต้องวนกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ ในเรื่องของการสร้างทีมเวิร์คตั้งแต่ศูนย์ แถมสภาพทีมในตอนนี้ก็ยังไม่ใช่ทีมที่สมบูรณ์เต็มร้อย เหมือนกำลังทำทีมรอจอมทัพอย่าง ธนวัฒน์ ที่ไม่รู้ว่าจะหายเจ็บกลับมาเมื่อไหร่

ดังนั้นสตาฟฟ์โค้ชและผู้บริหารทีม อาจมองภาพที่ไกลเกินตัวไปสักหน่อย ทั้งที่การทำทีมฟุตบอลควรอยู่กับปัจจุบัน แล้วปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทีมที่จะก้าวไปเป็นแชมป์ได้นั้นต้องผืดพลาดทำแต้มหล่นน้อยที่สุด มีความคงเส้นคงวาที่สุด

ทางด้าน มาริโอ เมื่อเห็นบอร์ดบริหารออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเป้าหมายใหญ่ จึงจำเป็นต้องรับลูกไปตามน้ำแบบเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็มีแอบเซฟตัวเองไว้เป็นนัยเอาไว้ว่า

"ฤดูกาลนี้นับเป็นฤดูกาลที่ 4 ของผมแล้ว ถ้าไม่มีผู้เล่นทุกคนก็ไม่มีตนมาจนถึงวันนี้ เรายังคงมีผู้เล่นที่พร้อมท้าชนกับทีมอื่นๆ ได้ จะพยายามคงวิธีการเล่นและมาตรฐานการเล่น พร้อมทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม"

"เป้าหมายหลักคือการคว้าแชมป์ให้ได้สักรายการ แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก ไม่อยากคาดหวังสูงเกินไป ค่อยๆ ลุยไปทีละเกม สู้ให้เต็มที่ที่สุด"

แน่นอนว่าคนที่เป็นโค้ชคอยวางแท็คติกและทำทีม คือ มาริโอ ย่อมรู้และเข้าใจศักยภาพของทีมทุกซอกทุกมุม จึงพยายามสร้างแรงกระตุ้นพร้อมกับแบ่งรับแบ่งสู้ไปพร้อมๆ กัน หากเกิดความผิดพลาดเรื่องผลงานการเล่นในสนาม

ซึ่งในตอนนี้ต้องยอมรับว่าฟอร์มของ เมืองทอง นั้นน่าห่วงจริงๆ จากผลลงานการลงสนามสองนัด เก็บไปได้เพียงแต้มเดียว แถมยังยิงประตูไม่ได้สักลูก ดังนั้นเรื่องเป้าหมายที่จะเป็นแชมป์ บอร์ดบริหารและสตาฟฟ์โค้ชอาจจะต้องปัดตกไปก่อน แต่สิ่งที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน คือ การกู้ศรัทธา

พยายามเรียกความมั่นใจของนักเตะกลับมาให้ได้ด้วยการเก็บชัยชนะเกมแรก หากมัวแต่ไปมองอนาคต รองความหวังแบบลมๆ แล้งๆ โอกาสที่ภาพฝันที่วางไว้จะเป็นจริง ก็ไม่ต่างกับการ พูดไปเรื่อย เหมือนหลายฤดูกาลที่ผ่านมาที่ควรนำมาเป็นบทเรียนได้สักที น่าเป็นห่วง มาริโอ ที่อุตส่าห์ตัดสูทมาหลายตัวว่า อาจไม่ได้ใส่ครบก่อนจบฤดูกาลแน่ๆ

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : การชมเกมถ่ายทอดสด

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ประทุม ชูทอง : นักสู้มืออาชีพแห่งโลกบอลเดินสาย
เปิดใจ ‘เบ็ค-สมเกียรติ คุณมี’ : ทำไมตัวท็อป ‘ฟ็อกซ์ฮันท์’ ถึงเลือกเส้นทางบอลเดินสาย ?
‘ผักบุ้ง PBDS’ : หญิงแกร่งแห่งวงการฟุตบอลเดินสาย
‘ใหญ่ นิลวงษ์ ’: โค้ชจอมเลื่อนชั้นแห่ง T3 ที่คุมทีมเดินสายที่ชนะ 100%
สโมสร ‘แตงโม’ : ตำนานแชมป์เงินล้านบอลเดินสายสองปีติดทีมเดียวในประเทศไทย
ศราวุฒิ มาสุข : กับชีวิตใหม่ในเส้นทางฟุตบอลเดินสาย

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด