ไม่วิ่งก็นิ่งอยู่บ้าน : กอนซาโล่ รามอส หอกยุคใหม่ที่กำลังทำให้ โรนัลโด้ เห็นสัจธรรมที่แท้จริง

ไม่วิ่งก็นิ่งอยู่บ้าน : กอนซาโล่ รามอส หอกยุคใหม่ที่กำลังทำให้ โรนัลโด้ เห็นสัจธรรมที่แท้จริง
ธัญเทพ สังขะพงศ์

เฟอร์นันโด ซานโตส เฮดโค้ช ทีมชาติโปรตุเกส ตัดสินใจอย่างกล้าหาญที่จะดร็อป คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายกับสวิตเซอร์แลนด์ในฟุตบอลโลก 2022 เขาหันไปหา “กอนซาโล่ รามอส” กองหน้าเบนฟิก้าวัย 21 ปีแทน

และรามอส ใช้เวลาไม่นานในการตอบแทนความไว้ใจของผู้จัดการทีม ด้วยลูกยิงที่สุดคมจากมุมแคบในนาทีที่ 17 ของการแข่งขัน และสามารถทำแฮตทริกแรกของตัวเองบนเวทีระดับโลกได้สำเร็จ

Think Curve - คิดไซด์โค้ง จะพาทุกท่านมารู้จักกับกองหน้าดาวรุ่งจากเบนฟิก้าที่ก้าวเท้าขึ้นมาแทน “คริสเตียโน่ โรนัลโด้”

โมร็อกโกสไตล์ : ศิลปะเเห่งการตั้งรับของโค้ชที่เพิ่งคุมทีมได้แค่ 3 เดือน | Think Curve - คิดไซด์โค้ง
หลังจากเสมอกันในเวลา 120 นาที 0-0 โมร็อกโก เอาชนะการดวลลูกจุดโทษกับ สเปน ไป 3-0 เเละผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ เป็นอีกหนึ่งการพลิกล็อกช็อคโลก ที่จะถูกพูดถึงไปอีกหลาย ๆ ปี x

ส่งตรงจากเบนฟิก้า

กอนซาโล่ รามอส เริ่มต้นเส้นทางความฝันของเขาในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับทีมเยาวชนของ โอลฮาเนนเซ่ สโมสรระดับท้องถิ่นในปี 2009 จากนั้นเขาได้ย้ายมาอยู่ ลูเล่ ในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะปักหลักอยู่กับศูนย์ฝึกเยาวชนของ เบนฟิก้า ในปี 2019 ในวัย 13 ปี

มาร์โค รามอส อดีตนักเตะของฟาเรนเซ่ กล่าวถึงลูกชายว่า “ถึงแม้ผมจะไม่เคยเห็นเขาลงเล่น แต่ผมรู้ถึงข้อบกพร่องทางฟุตบอลจากเขาได้”

เขาได้รับโอกาสในการประเดิมสนามกับ เบนฟิก้าชุดสำรอง ในช่วงต้นปี 2019 โดยการลงเป็นตัวสำรอง แต่ด้วยพัฒนาการที่เป็นไปอย่างก้าวกระโดดและผลงานการเล่นที่ยอดเยี่ยม เขาซัดไป 16 ประตู 6 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 37 นัด สิ่งนี้ทำให้เขาได้รับโอกาสถูกเรียกตัวติดทีม เบนฟิก้าชุดใหญ่ ในช่วงกลางปี 2020

Photo : Sky Sports

และในนัดประเดิมสนามในลีกสูงสุด พรีเมร่า ลีกา โปรตุเกส เขาถูกเปลี่ยนลงมาในนาทีที่ 85 ก่อนเด็กหนุ่มคนนี้ใช้เวลาเพียง 8 นาที (รวมทดเวลา) ในการทำ 2 ประตู เป็นการประเดิมสนามนัดแรกและแจ้งเกิดในเวลาเดียวกัน และเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาพร้อมแล้วที่จพเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมชุดใหญ่

นอกจากนี้เขายังเป็นกำลังหลักให้กับทีม เบนฟิก้าชุดเยาวชน ที่พาทีมไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศในศึก ยูฟ่า ยูธ ลีก ในฤดูกาล 2019-20 อีกด้วย แม้พวกเขาจะพ่ายแพ้ให้กับ เรอัล มาดริด ไปแบบเฉียดฉิว 2-3 และเชื่อไหมล่ะว่า 2 ประตูที่ เบนฟิก้า ทำได้นั้นมาจากเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้อีกแล้ว และทำให้เขาครองตำแหน่งดาวซัลโวร่วมของทัวร์นาเมนต์ที่ 8 ประตู และทาง เบนฟิก้า ไม่รอช้ารีบจับเจ้าหนุ่ม รามอส ต่อสัญญาใหม่ทันทีถึงปี 2025

แม้การของของ โรมัน ยาเร็มชุค ดาวยิงตัวเก่งทีมชาติยูเครน จะทำให้โอกาสการลงเล่นของ รามอส โดนจำกัดมากขึ้น แต่เมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นโดยมีการแต่งตั้งกุนซือคนใหม่อย่าง เนลสัน เวริสซิโม่ ที่เคยเป็นโค้ชของ รามอส ในทีมชุด บี ทำให้เขาได้รับโอกาสลงเล่นมากขึ้น มีฟอร์มการเล่นที่ดีและสม่ำเสมอ ทำให้เขากลายเป็นอาวุธหลักของกุนซือคนใหม่ในทันที

Photo : Stretty News

การประเดิมสนามในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2021-22 ของเขา เบนฟิก้าสามารถผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศได้อย่างเหนือความคาดหมาย แม้พวกเขาต้องไปเยือนถิ่นแอนฟิลด์ของลิเวอร์พูล แต่พวกเขาสามารถเก็ยผลเสมอมาได้ 3-3 และหนึ่งในชื่อผู้ทำประตูนั่นก็คือ กอนซาโล่ รามอส

ประตูแรกที่เขาทำได้ในเวทีใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่มีอายุน้อยที่สุดอันดับ 2 บนหน้าประวัติศาสตร์ของ เบนฟิก้า ที่ทำประตูได้ในรายการนี้ ด้วยวัยเพียง 20 ปี 297 วัน แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายเขาจะแพ้ให้กับทีมหงส์แดงด้วยผลสกอร์รวม 4-6

และในซีซั่นนี้เป็นฤดูกาลแจ้งเกิดของเขาจริงๆ เพราะ รามอส ได้ก้าวขึ้นสู่กองหน้าเบอร์ 1 แทน ดาร์วิน นูนเญซ และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยการซัดไปแล้วถึง 10 ประตู กับอีก 6 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 18 นัดรวมทุกรายการ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นการทำแฮตทริกแรกของเขาในการเป็นนักเตะอาชีพ จากนัดที่ถล่ม มิดทิลแลนด์ 4-1 ในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบคัดเลือก รอบที่ 3

สารพัดประโยชน์ ดุดัน ไม่เกรงใจใคร!

ถึงแม้ รามอส จะเล่นเป็นตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้าก็จริง แต่เขายังสามารถยืนได้หลายตำแหน่งในแนวรุก ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหน้าต่ำ ที่ทำหน้าที่คล้ายๆกับเป็นมิดฟิล์ดตัวรุก ที่คอยสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อน เขามีการเคลื่อนที่ที่ดี การครองบอล รวมไปถึงการจ่ายบอลในระยะใกล้และไกลที่ยอดเยี่ยม

การเล่นกับ เบนฟิก้า เขามักลงมาเชื่อมเกมในแดนกลางอยู่บ่อยๆและเขาก็ทำได้ดีกับโปรตุเกส เขาเป็นผู้เล่นที่มีชีวิตชีวาในกรอบเขตโทษ เขาสามารถเคลื่อนที่ไปมาเพื่อหาช่องในการรับบอลในกรอบเขตโทษได้อย่างยอดเยี่ยม เขามีวิธีการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาด และเขาใช้ระยะเวลาในการจบสกอร์ที่รวดเร็ว

และด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งและด้วยความหนาของมัดกล้าม เขาจึงสามารถรับแรงปะทะและหวังผลได้ในการเล่นลูกกลางอากาศ ส่วนเรื่องของการทำประตูก็หวังผลได้ทั้งในกรอบเขตและนอกกรอบด้วยพลังการยิงที่รุนแรง

Photo : Diario de Noticias

รามอส เก่งมากเรื่องการเล่นแบบเพรสซิ่ง ในช่วงที่เล่นกับ เบนฟิก้า เขาทำหน้าที่คล้าย ๆ กับที่ เจมี่ วาร์ดี้ ทำกับ เลสเตอร์ นั่นคือการเป็นคนนำเพรสซิ่งให้กับทีม และหลายคน เบนฟิก้า มักจะชิงบอลได้ในแดนคู่แข่ง และได้ประตูจากจุดนั้น ยกตัวอย่างเช่นเกมกับ ดินาโม เคียฟ ที่แนบคลิปไว้ที่นี่ (คลิก)

เช่นเดียวกันในเกมกับ สวิตเซอร์แลนด์ ที่ รามอส ทำได้ดีกว่า โรนัลโด้ ในวัย 38 ปีแน่นอน คือการวิ่งไล่บีบตลอดทั่งเกม ทุก ๆ การวิ่งของเขาสร้างโอกาสให้ทีมได้จริง ๆ นอกจากนี้วิธีการเล่นกับมิดฟิลด์ หรือที่เรียกว่าการ "เชื่อมเกม" ของ รามอส นั้นถ้าใครได้เห็นก็คงต้องบอกว่า ทำได้ดีกว่า โรนัลโด้ อย่างชัดเจน เพราะเขามักจะวิ่งลงมาต่ำ หาที่ว่าง เพื่อให้เพื่อนจ่ายบอลได้ง่ายขึ้น จากนั้นเขาก็แค่เล่นง่าย ๆ แปะ - ป้าย จังหวะเดียว และพลิกตัวกลับไปเป็นกองหน้าตัวเป้า เพิ่มออพชั่นในการโจมตี ทำให้นักเตะคนอื่น ๆ มีช่อง มีจังหวะได้เติมขึ้นมาสร้างเกมรุกได้ดียิ่งกว่าเดิม

และด้วยเรื่องสภาพร่างกายของ โรนัลโด้ คนเราถึงจะดูเเลตัวเองดีเเค่ไหน เเต่ใครล่ะจะเอาชนะสังขารได้ ? การตอบสนองของกล้ามเนื้อ การกลับตัว การเคลื่อนที่ มันไม่เหมือนเดิม อีกต่อไปแล้ว คนเเก่ที่ดูเเลตัวเองดี มันหมายถึงจะสุขภาพดี เเต่การใช้งานกล้ามเนื้อไม่มีทางทำได้เหมือนเดิม

Photo : Football.London

ความเกรงใจก็อาจเป็นส่วนหนึ่ง เพราะ โรนัลโด้ บางทีเขาทำให้การตัดสินใจของเพื่อนร่วมทีมเลือกที่ไว้ใจ เขาเเละฝากบอลไปให้ เเต่พอทำได้ไม่เหมือนเดิม มันกลายเป็นทำลายจังหวะของทีมตัวเองมากกว่า

จุดนี้ โรนัลโด้ อาจจะต้องพบความจริงบางอย่างที่ว่าตอนนี้เขาอาจจะไม่ใช้ทางเลือกที่ดีที่สุดของทีมชาติโปรตุเกสในแนวรุกอีกเเล้ว … สัจธรรมของเวลายังคงใช้ได้เสมอ เมื่อคลื่นลูกใหม่มา นั่นหมายความใกล้ถึงเวลาเข้าฝั่งของคลื่นลูกเก่าอย่าง โรนัลโด้ แล้ว

หลังจบเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่โปรตุเกสสามารถเอาชนะสวิตเซอร์แลนด์ไปได้ 6-1 ในเกมนี้ รามอส สามารถทำแฮตทริกได้และเป็นแฮตทริกแห่งสถิติมากมาย

Photo : The Mirror

3 ประตูของ รามอส เป็นแฮตทริกแรกในฟุตบอลโลกครั้งแรกของเขา ทำให้เขากลายเป็นนักเตะคนแรกที่สามารถทำแฮตทริกได้ในฟุตบอลโลกครั้งแรกของตัวเอง นับตั้งแต่ที่ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ทำไว้ในฟุตบอลโลก 2002

และนี่เป็นแฮตทริกแรกในฟุตบอลโลกรอบน็อคเอาท์นับตั้งแต่ โทมัส สครูฮาวี่ ทำได้ในฟุตบอลโลก 1990 อีกด้วย

แถมเขายังเป็นกลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ทำแฮตทริกในฟุตบอลโลกรอบน็อคเอาท์ รองจากตำนานแซมบ้าอย่าง เปเล่

อย่างที่ทราบกันดีว่าสโมสรในโปรตุเกสถือเป็นแหล่งขุมทรัพย์ชั้นดีของสโมสรยักษ์ใน 5 ลีกดังของยุโรป และหนึ่งในนั้นคือ เบนฟิก้า

หลังจากที่พวกเขาปล่อยศูนย์หน้าค่าตัวแพงอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ ให้ลิเวอร์พูล และบางทีในช่วงตลาดหน้าหนาวที่กำลังจะมาถึงนี้ พวกเขาอาจต้องเสียศูนย์หน้าตัวเก่งอีกคนที่ชื่อ กอนซาโล่ รามอส ก็เป็นได้

แหล่งอ้างอิง

https://twitter.com/ESPNFC/status/1600228676645359644?ref_src=twsrc%5Egoogle%7Ctwcamp%5Eserp%7Ctwgr%5Etweet

https://theathletic.com/3976061/2022/12/06/goncalo-ramos-cristiano-ronaldo-portugal/

https://www.transfermarkt.com/goncalo-ramos/profil/spieler/550550

แชร์บทความนี้
Content Creator - คิดไซด์โค้ง-ThinkCurve
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ