ในขณะที่หลายประเทศดีใจ : ทำไม เวียดนาม ไม่ชอบเทคโนโลยีเช็คล้ำหน้าแบบอัตโนมัติ ?
หลังจากที่มีการประกาศจากทาง AFC ยืนยันว่าใน เอเชี่ยน คัพ 2023 ที่จะแข่งขันกันในต้นปีหน้าจะมีการนำเทคโนโลยีเช็คล้ำหน้าอัตโนมัติแบบที่ใช้ในฟุตบอลโลก 2022 มาใช้ มีหลายประเทศที่ยินดีกับการทำเช่นนี้ แต่ไม่ใช่กับเวียดนาม
โดยเทคโนโลยีล้ำหน้ากึ่งอัตโนมัติใช้กล้องพิเศษ 12 ตัว ซึ่งออกแบบมาเพื่อตรวจสอบตำแหน่งของลูกบอลและผู้เล่นในสนามอยู่เสมอ เทคโนโลยีนี้จะแสดงในรูปแบบ 3 มิติเพื่อตัดสินว่าผู้เล่นล้ำหน้าหรือไม่
FIFA ประมาณการว่าเทคโนโลยีล้ำหน้ากึ่งอัตโนมัติจะช่วยให้ผู้ตัดสินใช้เวลาโดยเฉลี่ยเพียง 20 ถึง 25 วินาทีในการตัดสินใจ เทียบกับ 70 วินาทีในการตรวจสอบ VAR ที่เคยเป็นก่อนหน้านี้
โดยทาง Dantri สื่อของเวียดนามพาดหัวบทความว่า "เวียดนามจะต้องเจอกับการเช็คล้ำหน้าที่สร้างความวุ่นวายในฟุตบอลโลก" และยกกรณีที่พวกเขาเสียจุดโทษให้กับทีมชาติญี่ปุ่นในปี 2019 จากการตัดสินของ VAR (เวียดนาม เพิ่งนำ VAR มาใช้ในลีกของพวกเขาซีซั่นนี้เป็นครั้งแรก)
"เมื่อ 4 ปีที่แล้วในเอเชี่ยน คัพ ปี 2019 มีการใช้ VAR เฉพาะรอบตัดเชือกเท่านั้น และเวียดนามก็ได้เจอกับมันในการแข่งขันกับญี่ปุ่น ... ในเกมนั้นญี่ปุ่นโดนริบประตูจากการทำแฮนด์บอลของ มายะ โยชิดะ แต่ที่สุดแล้ว ญี่ปุ่น ก็มาได้จุดโทษจนได้ เพราะผู้ตัดสินเข้าไปปรึกษาและตัดสินจาก VAR"
สำหรับกรณี VAR ที่เวียดนาม พูดถึงเป็น VAR แบบเก่า แต่ใน เอเชียน คัพ 2023 นี้จะเป็นการใช้เทคโนโลยีเช็คล้ำหน้าเป็นครั้งแรกในการแข่งขันภายใต้การดูแลของ AFC