ไทจานี่ ไรจ์นเดอร์ส : ชายผู้หักอกอินโดนีเซีย เพื่อก้าวสู่ฟุตบอลระดับสูงสุด
ทีมชาติอินโดนีเซีย กลายเป็นที่กล่าวขวัญถึงทั่วทั้งทวีป จากผลงานอันยอดเยี่ยมในรายการระดับนานาชาติช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา พวกเขาเป็นชาติเดียวจากอาเซียนที่ผ่านเข้ารอบ 3 ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย และล่าสุดเพิ่งสร้างประวัติศาสตร์โค่นขาประจำฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายอย่าง ซาอุดิอาระเบีย เป็นครั้งแรก 2-0
เหตุผลสำคัญที่ทำให้ เดอะ การูด้า พัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนต่อกรกับทีมชั้นแนวหน้าของเอเชียได้แบบไม่รอง นั่นก็คือนโยบายการดึงแข้งลูกครึ่ง/ลูกเสี้ยวจากยุโรป เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมชาติ
ปัจจุบัน อินโดนีเซีย มีนักเตะจากยุโรปอยู่ในทีมมากมาย นำโดย เจย์ อิดเซส ที่เล่นอยู่ใน กัลโช่ เซเรีย อา กับ เวเนเซีย, เควิด ดิกส์ แนวรับจาก เอฟซี โคเปนเฮเก้น ที่ผ่านการดวลกับสูดยอดกองหน้าของยุโรปในเกม UCL มาแล้ว, กองกลางจาก สวอนซี ซิตี้ อย่าง นาธาน โจ-อา-ออน และอีกหลายคนที่เล่นในลีกเนเธอร์แลนด์ส
แต่ใช่ว่า อินโดนีเซีย จะสมหวังกับการทาบทามแข้งจากยุโรปเข้าทีมเสียหมด มีหลายครั้งพวกเขาต้องพบกับความผิดหวังเพราะนักเตะปฏิเสธ แต่คงไม่มีครั้งไหนที่พวกเขารู้สึกเสียดายไปมากกว่า ไทจานี่ ไรจ์นเดอร์ส ที่ตอนนี้ยกระดับฝีเท้าจนกลายเป็นกองกลางระดับท็อปของยุโรปไปแล้ว
เห็นแววตั้งแต่ยังไม่ดัง
นโยบายสร้างทีมชาติด้วยแข้งลูกครึ่งได้รับความเห็นชอบจาก ชิน แท-ยง เฮดโค้ชชาวเกาหลีใต้ ซึ่งตระหนักดีกว่าทรัพยากรนักเตะในประเทศไม่เพียงพอที่จะพาทีมไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ เขาจึงเริ่มกระบวนการสเกาท์นักเตะในยุโรป และไปสะดุดกับชื่อของ ไทจานี่ ไรจ์นเดอร์ส ที่เล่นอยู่กับ อาแซด อัคมาร์
ตอนนั้น ไรจ์นเดอร์ส ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ไม่มีดีกรีอะไรติดตัว เป็นแค่นักเตะที่เพิ่งก้าวขึ้นมาเล่นในลีกอาชีพได้ไม่กี่ปี แต่ ชิน แท-ยง ชื่นชอบฝีเท้าของเขาในปี 2022 หลังจากตามดูฟอร์มมาสักระยะ เขาจึงเริ่มติดต่อทาบทามหมายกล่อมนักเตะมาร่วมทีมชาติอินโดนีเซียให้ได้
ทว่า อินโดนีเซีย ก็ต้องอกหัก เพราะ ไรจ์นเดอร์ส ตอบปฏิเสธกลับมา เขายังไม่สนใจสวมเสื้อ เดอะ การู้ด้า ในเวลานี้ ซึ่ง ฮาซานี่ อับดุลกานี่ เจ้าหน้าที่ของ สมาคมฟุตบอลอินโดนีเซีย ที่นั่งในบอร์ดบริหารของฟีฟ่า ได้เปิดเผยเรื่องนี้ว่า
"ผมเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนร่วมงานในยุโรป ไทจานี่ ไรจ์นเดอร์ส ไม่สนใจลงเล่นกับ ทีมชาติอินโดนีเซีย แต่หวังว่าครั้งหน้าเขาจะสนใจนะ เขาไม่ได้ให้เหตุผลอะไร เขาบอกแค่ว่ายังไม่ใช่เวลานี้"
แม้ว่าจะไม่มีการระบุเหตุผล แต่เป็นที่เชื่อว่า ไรจ์นเดอร์ส ต้องการติดทีมชาติเนเธอร์แลนด์สมากกว่า เขามองอาชีพของตัวเองไปไกลกว่าการเล่นกับอินโดนีเซีย เขาจึงอยากกลับไปโฟกัสกับการทำผลงานกับสโมสร และรอคอยโอกาสจากทีมอัศวินสีส้มก่อน
การตัดสินใจของ ไรจ์นเดอร์ส ถูกต้องสุด ๆ เพราะในช่วงซัมเมอร์ปี 2023 เขาก็มีชื่อติดทีมชาติเนเธอร์แลนด์ส ลุยศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก อย่างที่ตั้งใจไว้ และเส้นทางค้าแข้งของเขาก็ไม่หยุดเท่านั้น เพราะมันได้ทะยานขึ้นไปอีกระดับ เมื่อได้เซ็นสัญญาซบยอดทีมของยุโรปอย่าง เอซี มิลาน ในช่วงเวลาเดียวกัน
สู่ดาวเด่นมิลาน
ตอนนั้น ไทจานี่ ไรจ์นเดอร์ส เนื้อหอมมาก ไม่เพียงแค่ เอซี มิลาน ที่ไล่ล่าตัวเขา เพราะ บาร์เซโลนา ได้ติดต่อเข้ามาหาเขาเช่นกัน ในฐานะตัวตายตัวแทนของ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ที่กำลังจะโบกมือลาทีม
บาร์ซาจริงจังถึงขั้นส่ง เดโก้ ผอ.กีฬาของทีม เข้ามาคุยกับ มาร์ติน ไรจ์นเดอร์ส ผู้เป็นพ่อ ซึ่งใคร ๆ ก็คิดว่าเขาไม่น่าปัดข้อเสนอจากยอดทีมแห่งลาลีก้า แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า พ่อของไรจ์นเดอร์ส เลือกที่จะตอบปฏิเสธ เพราะคิดว่าโปรไฟล์นักเตะที่บาร์ซาตามหา ไม่ตรงกับคุณสมบัติของลูกชาย
"ผมพูดคุยกับ เดโก้ โดยตรง เรารู้สึกดีใจนะที่ทีมอย่าง บาร์เซโลนา แสดงความสนใจเข้ามา แต่พวกเขากำลังมองหาตัวแทนของบุสเก็ตส์"
"ผมเลยบอกลูกชายไปว่าลูกไม่ได้มีคุณสมบัติแบบนั้น ลูกไม่ใช่นักเตะประเภทที่บาร์ซากำลังมองหา ผมจึงแนะนำให้ลูกปฏิเสธบาร์ซา เพราะเกรงว่าจะเอาอาชีพไปทิ้งที่นั่น"
นั่นทำให้ ไทจานี่ ไรจ์นเดอร์ส ได้ย้ายมาเล่นกับ เอซี มิลาน เพราะที่นี่เขาจะได้ใช้จุดเด่นวิ่งสอดขึ้นไปทำประตูในเขตโทษได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าปีแรกของเขากับทีมจะเริ่มต้นอย่างกระท่อนกระแท่น เพราะอย่าลืมว่าเขาต้องใช้เวลาปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่หมด ไหนจะสไตล์การเล่นที่แตกต่างจากลีกดัตช์อย่างสิ้นเชิง แต่พอได้เวลาลงสนามบ่อย ๆ เขาก็เริ่มปรับตัวเข้ากับจังหวะของทีมได้ จนสามารถทำผลงานได้น่าพอใจ จนฤดูกาลแรกด้วยการทำ 4 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ จาก 50 เกม
มาถึงฤดูกาลนี้ ไรจ์นเดอร์ส ยกระดับผลงานตัวเองขึ้นไปอีกขั้น ทำไปแล้ว 6 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ จาก 16 เกม มีส่วนร่วมกับ 9 ประตู มากกว่าฤดูกาลที่แล้วทั้งฤดูกาลอีก ฟอร์มการเล่นของเขาร้อนแรงสุด ๆ จนถูกยกให้เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในลีกอิตาลีเวลานี้ และเป็นตัวหลักของทีมชาติเนเธอร์แลนด์สอีกต่างหาก ซึ่งต้องให้เครดิตกับพ่อของเขาด้วยที่ให้คำแนะนำจนพาตัวเขามาสู่จุดนี้
รวมถึงการตัดสินใจปฏิเสธทีมชาติอินโดนีเซียของเขา เพราะถ้าวันนั้น ไทจานี่ ไรจ์นเดอร์ส ตอบตกลงเล่นกับ เดอะ การูด้า ชีวิตค้าแข้งของเขาในทุกวันนี้ อาจไม่ได้เป็นอย่างนี้ก็ได้ ใครจะไปรู้
ไม่ได้พี่ ก็เอาน้อง
หากดูพัฒนาการของ ไทจานี่ ไรจ์นเดอร์ส ที่เติบโตจนกลายเป็นนักเตะระดับแถวหน้าของยุโรปไปแล้ว เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ที่ อินโดนีเซีย จะรู้สึกเสียดายกับการปล่อยเพชรเม็ดนี้หลุดมือไป แต่พวกเขาก็ยังไม่ลดความพยายามในการดึงคนตระกูลไรจ์นเดอร์สเข้ามาร่วมทีมชาติ
เมื่อคนพี่ไม่สำเร็จ คราวนี้ สมาคมฟุตบอลอินโดนีเซีย จึงหันไปทาบทามไรจ์นเดอร์สคนน้องอย่าง เอเลียโน ที่เล่นอยู่ในลีกดัตช์กับ ซโวลล์ บ้าง ซึ่งอย่างที่เราทราบกันดีว่า เอเลียโน ไรจ์นเดอร์ส ตอบตกลงมาเล่นกับทีมชาติอินโดนีเซีย และลงสนามช่วยทีมไปแล้วในเกมคัดบอลโลก 2026
ไทจานี่ ไรจ์นเดอร์ส พูดถึงเส้นทางของน้องชายที่เลือกเล่นกับทีมชาติอินโดนีเซียว่า "มันพิเศษมาก น้องชายของผมเล่นกับอินโดนีเซีย ผมรู้สึกภูมิใจกับเขา เราโตมาด้วยกัน ดังนั้นการเห็นเขาลงเล่นกับอินโดนีเซีย จึงทำให้ผมรู้สึกดีมาก ๆ"
"แม้ว่าเราจะเลือกเส้นทางต่างกันในเวทีระดับทีมชาติ แต่เรายังมีสัมพันธ์พิเศษเชื่อมกันผ่านฟุตบอล ผมสนับสนุนเขาเต็มที่ การได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้นั้นพิเศษมาก"
เราก็ต้องดูกันต่อไปว่า เอเลียโน ไรจ์นเดอร์ส จะสามารถเติบโตไปเป็นยอดนักเตะอย่าง ไทจานี่ ไรจ์นเดอร์ส หรือไม่ ซึ่งถ้าทำได้ อินโดนีเซีย ก็เหมือนกับถูกรางวัลแจ็คพอต แต่ถ้าทำไม่ได้ อินโดนีเซีย ก็ได้นักเตะเกรดยุโรปเข้ามาเสริมทีมอยู่แล้ว เรียกว่างานนี้ ทีมชาติอินโดนีเซีย ได้ทั้งขึ้นได้ทั้งร่อง
ข่าวและบทความล่าสุด
RELATED BY AUTHOR