มีแต่ไทยที่ตื่นเต้น ? : ทำไมชาติอาหรับไม่ค่อยสนใจศึก WAFF 2023

มีแต่ไทยที่ตื่นเต้น ? : ทำไมชาติอาหรับไม่ค่อยสนใจศึก WAFF 2023
ชยันธร ใจมูล

WAFF Championship 2023 หรือศึก "ชิงแชมป์แห่งชาติเอเชียตะวันตก" กลายเป็นทีสนใจของแฟนฟุตบอลไทยในเวลานี้ หลังจากทีมชาติไทยถูกรับเชิญให้ไปแข่งขันในรายการนี้จากรับเชิญของเจ้าภาพ ยูเออี

อย่างไรก็ตามเจ้าภาพอย่าง ยูเออี ได้ถอนตัวไปแล้ว เช่นเดียวกับ กาตาร์ และ อิรัก ที่ถอนตัวไปก่อนแล้ว ... ขณะที่เราตื่นเต้นทำไมชาติในภูมิภาคนั้นกลับดูไม่ค่อยสนใจรายการนี้เท่าที่ควร ?  Think Curve - คิดไซด์โค้ง สรุปมาให้คุณแล้ว

แต่ละชาติจริงจังแค่ไหน ?

เพื่อให้เกิดความเข้าใจ จำเป็นต้องแจกแจงก่อนว่าฟุตบอลโซนอาหรับมีการแข่งขันชิงแชมป์ถึง 3 รายการ ได้แก่ FIFA ARAB cup, Arab Gulf cup และ WAFF cup ที่ไทยได้ไปแข่งในครั้งนี้

เราจะแยกย่อยให้ชัด ๆ อีกหน่อยคือ FIFA Arab cup ที่แข่งขันในปี 2021 ก่อนฟุตบอลโลกนั้น เป็นเหมือน ทัวร์นาเม้นต์ที่ FIFA จัดให้ กาตาร์ ได้เตรียมพร้อมก่อนจัดฟุตบอลโลกโดยเฉพาะ เหมือนเป็นการเอามาแทนที่ของ คอนเฟดเดอเรชั่น คัพ เมื่อในอดีต ที่จะเอาแชมป์ของแต่ละทวีปมาเจอกัน แต่ปัจจุบันนั้นได้ยกเลิกทัวร์นาเม้นต์นี้ไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องทำทัวร์นาเม้นต์พิเศษขึ้นมาเพื่อให้เจ้าภาพฟุตบอลโลกได้ลองรันการแข่งขันจริง ๆ ก่อน  

ซึ่งหากจะอิงจากจากการจัดทัพเเล้ว ชาติที่เข้าร่วมอย่าง โมร็อคโค, แอลจีเรีย และ อียิปต์ นั้นไม่ได้ส่งทีมที่ดีที่สุดลงเเข่ง ยกตัวอย่างเช่น โมร็อกโก และ แอลจีเรีย ที่มีนักเตะตัวท็อป ๆ ที่ค้าแข้งในยุโรปนั้นไม่ได้ส่งชื่อนักเตะที่ค้าแข้งในยุโรปมาเล่นในรายการนี้ลยแม้แต่รายเดียว  

รายการต่อมาคือ กัลฟ์ คัพ หรือชื่อเต็ม Arab Gulf Cup Football Federation (AGCFF) โดยในรายการนี้เป็นรายการที่มีชาติสมาชิกทั้งหมด 8 ชาติ ได้แก่ ซาอุดิ อาระเบีย, ยูเออี,กาตาร์,คูเวต,บาห์เรน,อิรัก,โอมาน และ เยเมน ซึ่งรายการ กัลฟ์ คัพ เป็นการจัดแข่งขันกันเองของ Arab Gulf Cup Football Federation (AGCFF) หรือ สหพันธ์ฟุตบอลอาหรับ โดยในรายการนี้ไม่อยู่ในการควบคุมของ AFC

โดยรายการนี้เพิ่งแข่งขันจบลงไปในช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ก็ยังคงเป็นรายการที่เน้นเฉพาะบางทีม ส่วนใหญ่ชาติที่อันดับโลกสูง ๆ อย่าง ซาอุดิ อาระเบีย นั้น ส่งนักเตะที่ไม่เคยเล่นทีมชาติมาก่อน มาลงแข่งขันในรายการนี้ถึง 18 คน ขณะที่ กาตาร์ นั้นก็ขาดกำลังหลักชุดฟุตบอลโลกเกือยกชุด สาเหตุข้างต้นมาจากนักเตะทั้ง 2 ชาติถูกใช้งานอย่างเต็มที่ในฟุตบอลโลก 2022 ที่จบลงไปในช่วงเดือน ธันวาคม ที่ผ่านมา พวกเขาจึงต้องเปิดโอกาสให้นักเตะหน้าใหม่ ๆ มาลงเเข่งขันในรายการนี้แทน ส่วนชาติอื่น ๆ อย่าง บาห์เรน ยูเออี นั้นถือว่าส่งชุดใหญ่มาแข่งทั้งหมด โดยอ้างอิงจากรายชื่อส่วนใหญ่ของพวกเขาที่มีนักเตะที่ติดทีมชาติมาอย่างต่อเนื่องทั้งสิ้น

ส่วนใน WAFF ที่ไทยไปร่วมแข่งขันนี้ ถือเป็นรายการที่ AFC รองรับเพราะว่าเป็นรายการหลักประจำภูมิภาค (เหมือนกับ AFF ของ อาเซียน) ทว่าหากย้อนกลับไปในอดีตกลับพบว่านี่ไม่ใช่รายการที่แต่ละชาติเน้นมากนัก ยกตัวอย่างเช่นการถอนทีมของ กาตาร์ และ อิรัก ในเวลานี้ ขณะที่ชาติเจ้าภาพอย่าง ยูเออี นั้นก็เพิ่งเข้าแข่งขันรายการนี้เป็นครั้งแรก ขณะที่ อิหร่าน ก็ขอแยกตัวไปแข่งขันในโซนเอเชียกลางแทน

ซึ่งเมื่อเราเปิดสถิติย้อนหลังพบว่านับตั้งแต่มีการแข่งขันรายการนี้ครั้งแรกในปี 2000 พบว่ามีหลายครั้งที่ชาติใหญ่ ๆ ในโซนนี้ไม่ได้ส่งทีมเข้ามาแข่งขัน โดยชาติที่ส่งทีมมาแข่งขันรายการนี้ครบทุกครั้งได้แก่ ปาเลสไตน์ และ จอร์เเดน ที่ส่งทีมแข่งขัน 9 ครั้ง ขณะที่มีอันดับในฟีฟ่าแรงกิ้งสูง ๆ อย่าง กาตาร์(2 ครั้ง) ซาอุดิ อาระเบีย(3ครั้ง) บาร์เรน(4ครัง) ดูเหมือนจะไมได้เน้นการแข่งขันในรายการนี้มากนัก ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่า บาห์เรน ทีมแชมป์สมัยล่าสุดของรายการนี้อาจจะใช้งานนักเตะชุดยู 23 มาแข่งขันอีกด้วย

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ได้อะไรบ้าง ? : WAFF2023 โอกาสดีที่ห้ามพลาดของทีมชาติไทย | Think Curve - คิดไซด์โค้ง
ไม่ต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้วสำหรับกำแพงอาเซียน หลังทีมชาติไทยคว้าแชมป์ AFF2022 มาครองได้สำเร็จ และเป็นแชมป์สมัยที่ 7 จากการแข่งขันทั้งหมด 14 ครั้งของทัพช้างศึกและถ้าหากการพัฒนาเปรียบเหมือนกับก้าวเดินขึ้นบันได บันไดขั้นถัดไปที่รออยู่ของทีมชาติไทยนั้นน่าสนใจเป็นอย่างมาก นั่นคือการได้ดวลกับยอดทีมจากประเท…


จากจุดนี้เราจะพบว่าแม้ WAFF จะเป็นรายการที่ได้รับการรับรองจาก AFC และถือว่าทีมที่ได้แชมป์ในทัวร์นาเม้นต์นี้คือแชมป์ของโซนเอเชียตะวันตกอย่างเป็นทางการ เพราะทุกชาติในโซนนี้ได้รับสิทธิ์ในการเข้าแข่งขันกันอย่างครบถ้วน  ทว่าศักดิ์ศรี และ เงินรางวัล ของ WAFF นั้นถือว่าเป็นรอง กัลฟ์ คัพ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลที่ กัลฟ์ คัพ นั้นคือการแข่งขันของภูมิภาคของพวกเขาที่มีการจัดแข่งตั้งแต่ปี 1970 ขณะที่ WAFF เป็นรายการใหม่ที่เพิ่งมาแข่งเอาในปี 2000 อีกทั้งเรื่องของเงินรางวัลนั้น กัลฟ์ คัพ ก็มีรางวัลสูงถึง 1.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 58 ล้านบาทเลยทีเดียว  ขณะที่ WAFF นั้นหากอ้างอิงจากการแข่งขันครั้งล่าสุดในปี 2019 มีเงินรางวัลเพียง 150,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว ๆ 4.9 ล้านบาทเท่านั้น ... นั่นอาจจะเป็นเหตุผลว่าทีมใหญ่ ๆ ในภูมิภาคนี้จึงเน้นที่รายการ กัลฟ์ คัพ มากกว่านั่นเอง

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเน้นหรือไม่เน้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับทีมชาติไทยในฐานะทีมระดับเชิญ เพราะในเกมรอบแบ่งกลุ่มรายการ WAFF 2023 นี้ จะมีการคิดคะแนนฟีฟ่า แรงกิ้งแบบ คูณ10 หรือเทียบเท่ากับ แมตช์อุ่นเครื่องตามปฏิทินฟีฟ่า โดยคิดคะแนนตามหลักการนี้ในช่วงโปรเเกรมรอบแรกทั้ง 3 นัด ขณะที่เกมรอบรองชนะเลิศและรอบชิงชนะเลิศจะได้คะแนนแบบคูณ 5 เพราะถือว่าเป็นแมตช์อุ่นเครื่องนอกปฏิทินฟีฟ่านั่นเอง

แต่สุดท้ายที่สำคัญที่สุดสำหรับเรื่องนี้คือ WAFF 2023  จะได้แข่งขันต่อไปหรือไม่จากสถานการณ์ที่ล่าสุด ยูเออี เจ้าภาพประกาศถอนตัวจากการแข่งขันนี้ก่อนที่ทัวร์นาเม้นต์จะเริ่มเพียง 1 เดือนเท่านั้น ... ซึ่งสถานการณ์ของฝั่งฝ่ายจัดต้องเรียกว่าฝุ่นตลบยังหาคำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ ซึ่งไทยเราในฐานะทีมรับเชิญก็ต้องติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะรายการนี้คือโอกาสดีที่ไม่มีบ่อย ๆ ที่ไทยจะได้เล่นกับชาติที่อันดับโลกเหนือกว่า และมีการคิดคะแนนฟีฟ่า แรงกิ้ง แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยชเ่นนี้

แหล่งอ้างอิง

https://en.wikipedia.org/wiki/Arab_Gulf_Cup_Football_Federation

https://en.wikipedia.org/wiki/2021_FIFA_Arab_Cup

https://en.wikipedia.org/wiki/2023_WAFF_Championship

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด

หัวหน้ากองบรรณาธิการ, คิดไซด์โค้ง-ThinkCurve
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

MOST POPULAR

สนใจโฆษณาติดต่อ