บ่อเกิดซูเปอร์สตาร์ : ทำไมสวีเดนถึงเป็นสรวงสวรรค์ของคนชอบเล่นฟุตบอล ?

บ่อเกิดซูเปอร์สตาร์ : ทำไมสวีเดนถึงเป็นสรวงสวรรค์ของคนชอบเล่นฟุตบอล ?
วิสูตร ดำหริ

สวีเดนอาจจะเป็นประเทศเล็กๆ ที่มีประชากรแค่ราวๆ 10 ล้านคน แต่ทำไมพวกเขาถึงพัฒนานักเตะฝีเท้าดีออกมาได้ไม่เคยขาด พวกเขาสนับสนุนนักกีฬาอย่างไร หาคำตอบไปพร้อม Think Curve - คิดไซด์โค้ง ที่นี่

หากจะให้ลองไล่ชื่อประเทศที่ถือเป็นยักษ์ใหญ่ในแวดวงฟุตบอล เชื่อว่าหลายคนคงไม่ได้นึกถึงสวีเดนเท่าไหร่นัก พวกเขามีลีกในประเทศที่ไม่ได้แข็งแกร่ง และมักจะเป็นลูกไล่ของสโมสรจากประเทศอื่นๆ เสมอ เวลาเจอกันบนเวทียุโรป

อย่างไรก็ดี ในเกมระดับทีมชาติ พวกเขาถือเป็นชาติที่แข็งแกร่งเอาเรื่อง มีเกียรติประวัติด้านความสำเร็จที่ยาวนาน และมีนักเตะซูเปอร์สตาร์ประดับวงการอย่างสม่ำเสมอ เรียกได้ว่าประเทศไหนโคจรมาเจอสวีเดน ก็ล้วนแล้วแต่ต้องหืดจับทุกครั้งไป

ขุนพลไวกิ้งผลิตนักเตะอย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, เฮนริก ลาร์สสัน หรือเฟรดริก ลุงเบิร์ก อย่างไร แม้มีจำนวนประชากรเพียงน้อยนิด และไม่ได้มีลีกที่แข็งแกร่งระดับแถวหน้าเหมือนชาติอื่นๆ 

รัฐสวัสดิการ : จุดเริ่มต้นของทุกอย่าง

ประการเเรกเลยคือเมื่อลืมตาดูโลกเหล่าเด็ก ๆ ชาวนอร์เวย์ หรือกลุ่มชาติสแกนดิเนเวียน (นอร์เวย์, สวีเดน, ฟินแลนด์, เดนมาร์ก และ ไอซ์แลนด์) จะได้รับสิ่งหนึ่งทันทีนั่นคือคำว่ารัฐสวัสดิการ

รัฐสวัสดิการ คือ การที่รัฐบาลจัดสวัสดิการให้แก่ประชาชนของตนโดยวิธีการต่าง ๆ  โดยรัฐจะเป็นคนดูแลจัดหาสวัสดิการพื้นฐานที่จำเป็นให้ครอบคลุมประชาชน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงทั้งการศึกษา การรักษาพยาบาล และคุณภาพชีวิตในด้านต่าง ๆ

กล่าวคือเมื่อลืมตาดูโลกพวกเขาจะถูกดูแลโดยรัฐอย่างเต็มที่จนถึงวันที่พวกเขาจากโลกใบนี้ไป พูดแบบนี้คงจะเห็นภาพยากไปหน่อย เพื่อให้เข้าใจง่ายกว่าและเข้ากับหัวเรื่องนั่นก็คือเด็ก ๆ ทุกคน จะได้รับการดูเเลเรื่องของค่าใช้จ่ายในสิ่งที่เป็นพื้นฐานสำหรับการใช้ชีวิตจากรัฐ อย่างเช่น ค่าเทอม ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด ทำให้เเต่ละครอบครัวไม่ต้องดิ้นรนเพื่อหารายได้มาสนับสนุนปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้

เเละรายได้ขั้นพื้นฐานของเเต่ละอาชีพมีค่าเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ที่มากพอสำหรับการดำรงชีวิตประจำวัน ทำให้เด็ก ๆ ไม่มีข้อจำกัดหรือความกดดันในการเลือกประกอบอาชีพ… สามารถเลือกประกอบอาชีพในสิ่งที่ตัวเองถนัด เเละโฟกัสไปที่สิ่งนั้นได้เลย อย่างเช่น นักฟุตบอล เป็นต้น

เอเลียส ดอเลาะ กองหลังทีมชาติไทยที่เติบโตในดินแดนไวกิ้ง เคยให้สัมภาษณ์ผ่านทาง Main Stand ถึงจุดเริ่มต้นในชีวิตการเป็นนักฟุตบอลของเขา ซึ่งทางสวีเดนให้การสนับสนุนเรื่องกีฬาอย่างเต็มที่

“ผมเริ่มเล่นฟุตบอล ตั้งแต่อายุประมาณสัก 5-6 ขวบครับ ก็เล่นสนุกแบบเด็กๆทั่วไป เตะบอลกับพี่ชายบ้าง เตะบอลกับเพื่อนบ้าง

“อันที่จริง ตอนผมเป็นเด็ก ผมไม่ได้เล่นแค่ฟุตบอลนะ ผมเล่นฟลอร์บอล ผมเล่นแบดมินตัน ผมเล่นปิงปองด้วย เพราะเมืองขนาดเล็กของผม มีสโมสรกีฬา มีสนามกีฬาที่หลากหลาย ฟุตบอล ฟลอร์บอล วอลเลย์บอล คุณสามารถเล่นกีฬาอะไรก็ได้ ที่คุณอยากจะเล่นในสวีเดน

“ผมคิดว่า สวีเดนเป็นประเทศที่มีความพร้อมมาก ที่จะสนับสนุน ให้ประชาชนเล่นกีฬา และมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลพยายามทำทุกทาง ให้คนสวีเดนได้มีโอกาส ได้เล่นกีฬา อย่างมีคุณภาพ โดยเท่าเทียมกัน ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ หรือผมที่อาศัยในเมืองขนาดเล็ก”

พื้นที่สาธารณะ : แหล่งบ่มเพาะทรัพยากรชั้นดี

นอกจากรัฐสวัสดิการที่สนับสนุนให้ทุกคนได้มีโอกาสเล่นกีฬา กุญแจสำคัญที่สุดของการพัฒนานักเตะของสวีเดน อยู่ที่พวกเขามีพื้นที่ให้เล่นฟุตบอลได้เยอะมาก ว่ากันว่า ทุกๆ 3 กิโลเมตร จะมีพื้นที่สาธารณะให้คนได้ใช้งาน ซึ่งรวมถึงการเล่นฟุตบอลด้วย

การมีพื้นที่ให้เล่นฟุตบอลได้อย่างเหลือเฟือนี้เอง ทำให้สวีเดนมีแหล่งบ่มเพาะนักเตะฝีเท้าดี ตั้งแต่ก่อนจะเข้าระบบอคาเดมีใดๆ ทำให้แมวมองจากสโมสรต่างๆ สามารถเลือกเฟ้นหาดาวรุ่งที่มีศักยภาพน่าสนใจได้อย่างไม่มีขีดจำกัด

ไม่เพียงมีสนามให้เล่นฟุตบอล ประเทศสวีเดนยังมีอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานสำหรับทีมฟุตบอลทุกระดับ แม้กระทั่งทีมท้องถิ่นในเมืองเล็กๆ ที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก

“ทีมฟุตบอลเล็กๆ ในเมืองของผม ผมกล้าพูดว่า เรามีอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน สิ่งอำนวยความสะดวก ที่พร้อมเพรียง สนามฟุตบอลของเราดีมากๆ มีสนามหญ้าจริง ไว้ใช้เล่นในฤดูร้อน มีสนามหญ้าเทียม ไว้เล่นในฤดูหนาว” เอเลียส ดอเลาะ กล่าว

“สโมสรกีฬาเหล่านี้ พวกเขาไม่ได้รวย อันที่จริงค่อนข้างจะจนด้วยซ้ำ แต่ว่าเรามีรัฐบาลประจำท้องถิ่น แบ่งเป็นเทศบาล กระจายอยู่ทั่วประเทศ พวกเขาจะคอยให้การสนับสนุน ประชาชนในทุกด้าน ถ้าคุณอยากสร้างสโมสรกีฬาเพื่อส่วนรวม หรือมีกิจกรรมอะไรที่อยากทำ คุณสามารถไปของบประมาณ จากเทศบาลได้”

ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อบวกกับแผนงานอย่างจริงจังของสมาคมฟุตบอลสวีเดน ที่จะจัดให้มีการเข้าแคมป์เก็บตัวเพื่อพัฒนาฝีเท้าเยาวชนในแต่ละเขตทั่วประเทศ และเฟ้นหาเอานักเตะที่ดีที่สุดของแต่ละเขตมาเข้าแคมป์ใหญ่ระดับประเทศ รวมถึงมีการแข่งขันกันในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี ทำให้พวกเขามีซูเปอร์สตาร์ประดับวงการลูกหนังอย่างต่อเนื่องไม่มีขาดสาย 

ความสำคัญของพื้นที่สาธารณะ

แน่นอนว่าเมื่อคุณมีพื้นที่สาธารณะ คุณจะมีผู้คนมาใช้งานมันให้เกิดประโยชน์อยางแน่นอน 

โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก ๆ เยาวชนทั้งหลายซึ่งเป็นวัยที่ต้องการพื้นที่กว้าง ๆ ให้พวกเขาได้โลดเเล่น เอาโลกแห่งความฝันมาจินตนาการใช้ในโลกแห่งความจริง 

ไม่ว่าพวกเขาจะมีปลายทางไปถึงขั้นที่จะเป็นนักเตะระดับโลกหรือไม่ แต่กีฬาและกิจกรรมเหล่านี้จะบ่มเพาะให้พวกเขากลายเป็นคนที่มีคุณภาพ อย่างน้อยที่สุดพวกเขาจะรู้จักความมีน้ำใจนักกีฬา การพบปะการเข้าสังคม การให้การยอมรับกับคนอื่น ๆ 

แน่นอนว่าถ้าเด็ก ๆ โตไปและมีคุณสมบัติเหล่านี้ ต่อให้พวกเขาไม่ได้เป็นนักฟุตบอล พวกเขาก็จะเป็นคนที่ดี มีคุณภาพ และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ หรืออย่างน้อยที่สุดคือการพัฒนาสังคม สิ่งแวดล้อม รอบ ๆ ตัวของพวกเขา ซึ่งมันก็มีประโยชน์อย่างมากแล้ว 

ซึ่งจากกิจกรรมเล็ก ๆ เหล่านี้มันทำให้พื้นที่สาธารณะ คือการลงทุนที่ให้ประโยชน์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว  

แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ต้องช่วยกันผลักดันทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ เอกชน หรือแม้แต่ผู้คนในชุมชน ที่จะหันหน้าเข้าหากัน เพื่อสร้างบุคลากรระดับคุณภาพของชาติในอนาคต 

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นถึงความสำคัญของพื้นที่สาธารณะต่อการพัฒนาวงการฟุตบอลสวีเดน ทำให้ทาง บิ๊กวันกรุ๊ป ผู้จัดจำหน่ายขนม และของเล่นลิขสิทธิ์ชั้นนำของโลก เล็งเห็นถึงความสำคัญของโครงการ 'Dream Stadium…สนามแห่งฝัน' และให้การสนับสนุนมาตั้งแต่ในซีซันแรก รวมถึงให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องมายังซีซันสอง โดยหนึ่งในนั้นคือสนามเอื้ออาทรเศรษฐกิจ 3 จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นที่ตั้งของบิ๊กวันกรุ๊ป

นางสาวปวิตรา ทัศวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบิ๊กวันกรุ๊ป กล่าวถึงการกลับมาร่วมงานกับทาง Think Curve - คิดไซด์โค้ง อีกครั้งใน 'Dream Stadium…สนามแห่งฝัน' ซีซันสองว่า “หลังจากความร่วมมือกับทาง Think Curve - คิดไซด์โค้ง ในโครงการ 'Dream Stadium…สนามแห่งฝัน' ซีซั่นแรก เราเห็นว่า การปรับปรุงสนามในพื้นที่ชุมชนต่างๆ เหล่านี้ มีประโยชน์ต่อคนในพื้นที่อย่างมาก โดยเฉพาะเด็กๆ

“ขณะเดียวกันแต่ละพื้นที่แต่ละชุมชน ก็จะมีสนามหรือพื้นที่สาธารณะที่สวยงามไว้ใช้งาน สิ่งเหล่านี้ถูกสะท้อนให้เห็นผ่านรอยยิ้มที่มีความสุขของเด็ก ๆ และบิ๊กวันกรุ๊ปเองมีนโยบาย และปรัชญาในการสานฝันและสร้างความสุขให้กับเด็ก ๆ และต้องการเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณภาพชีวิตของเด็ก ๆ ดีขึ้นมาโดยตลอด

“โครงการนี้ไม่เคยทำให้ทางเราผิดหวังเลย ภาพที่เกิดขึ้นจริงมันมากกว่าที่เราคิดไว้ ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะเป็นเพียงจุดเล็กๆ ที่สนับสนุนและส่งเสริมโครงการ แต่พอมาเห็นรอยยิ้มของเด็กๆ วันนี้แล้ว เป็นสิ่งที่ตอบแทนกลับมาแบบเกินคาดจริงๆ“

“สาเหตุที่เลือกสนามแห่งนี้เป็นเพราะ บิ๊กวัน กรุ๊ป ทำธุรกิจอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร เคยมีการนำขนมมาแจกชุมชนแห่งนี้ จึงมีความคิดที่อยากจะทำอะไรสักอย่างที่เป็นประโยชน์ให้กับพื้นที่แห่งนี้“

"Dream Stadium…สนามแห่งฝัน” ซีซั่น 2 คือโครงการที่ Think Curve - คิดไซด์โค้ง ร่วมมือกับ SC Asset, Big One Group, สโมสรฟุตบอลบีจี ปทุม ยูไนเต็ด, สีทาบ้าน TOA , แบรนด์เสื้อผ้ากีฬา Volt และบริษัท ธานนอส จำกัด นำลายเส้นแบบถูกลิขสิทธิ์ของ อ.โยอิจิ ทาคาฮาชิ ผู้วาดกัปตันซึบาสะ มาใช้เพื่อปรับปรุงสนามฟุตบอลในท้องถิ่นทั่วกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อส่งมอบแรงบันดาลใจให้กับน้องๆ ทุกคนที่มีฝันกับฟุตบอล เป็นเหมือน "เพื่อน" ที่จะนำพาพวกเขาเติบโตเป็นคนที่มีคุณภาพของสังคมไทยต่อไป

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด

ฟุตบอล, อนิเมะ, กาแฟ
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

MOST POPULAR

สนใจโฆษณาติดต่อ