บาสเซล จราดี้ : "โควต้าเอเชีย" ดีกรียุโรป ตัวรุกคนใหม่ของ "บียู"

หลังจากที่ แบงค็อก ยูไนเต็ด มีข่าวหลุดออกมาว่า บอร์ดบริหารกำลังตามหาแนวรุกคนใหม่เข้ามาเสริมทัพ ดีกรีอาจจะมาจากลีกยุโรปหรือเป็นตัวสัญชาติบราซิล เพื่อมารับหน้าที่สร้างสรรค์เกมรุกให้กับทีมต่อไป

กลายเป็นว่าชื่อของดาวยิงหลายราย อาทิ โจนาธาน โบลิงกิ หรือนักเตะที่เอเย่นต์ยื่นโปรไฟล์เข้ามาให้พิจารณา สรุปแล้วหวยไปออกที่โควต้าเอเชียก่อนเป็นอันดับแรก แต่ดีกรีนั้นไม่ธรรมดาเพราะเคยผ่านการเล่นในลีกยุโรปมาแล้ว นั่นก็คือ บาสเซล จราดี้ ที่เพิ่งจะแยกทางกับ อปอลลอน ลิมาสโซล สโมสรในลีกไซปรัสเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

ทำไมสตาร์ลูกหนังรายนี้ถึงเป็นโควต้าเอเชีย? เส้นทางการค้าแข้งในยุโรปของเขาเป็นเช่นไร? ปูมลึกปูมหลังของเขามีที่มาจากไหน? เคยผ่านการค้าแข้งกับทีมดังใดมาบ้าง? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

เติบโตในทวีปยุโรป

อย่างที่ทราบกันดีว่าประเทศเลบานอน มีปัญหาภายในทั้งเรื่องเศรษฐกิจ, การเมือง และเชื้อชาติศาสนา อันเป็นเรื่องปกติของชาวอาหรับในแถบตะวันออกกลาง ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็มีปัญหาและผลกระทบที่ตามมาแตกต่างกันออกไป

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่ชาวเลบานอนบางส่วน จึงเลือกที่จะย้ายถิ่นฐานออกไปใช้ชีวิตอยู่นอกประเทศ เช่นเดียวกับครอบครัวของ จราดี้ ที่พ่อและแม่ของเขาเป็นชาวเลบานอนแท้ๆ แต่เลือกไปตั้งถิ่นฐานใหม่อาศัยอยู่ในประเทศเดนมาร์ก ซึ่งเขาก็เกิดและเติบโตที่แดนโคนม

จราดี้ เริ่มฝึกฟุตบอลอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 7 ขวบ กับสโมสร B.93 แล้วสามารถไต่เต้าไล่ระดับจนได้เดบิวต์ลงสนามกับทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จ ในศึกดิวิชั่นสอง ประเทศเดนมาร์ก ในเกมที่เหย้าที่พ่ายให้กับ LFA แบบขาดลอย 2-4 ช่วงปลายเดือนเมษายนปี 2011

อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าภาคภูมิใจของ จราดี้ คือ ตัวเขาเป็นนักเตะคนแรกที่ได้ลงประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ หลังสโมสรครบรอบ 100 ปี แม้ว่าเกมแรกของเขาจะไม่น่าจดจำ แต่เกมนัดถัดมาเขาสามารถทำได้ 1 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ พาทีมเอาชนะ อวาตาร์ ไปได้ด้วยสกอร์ 4-2

ถึงแม้ว่าต้นสังกัดของเขาจะไม่รอดพ้นการตกชั้น แต่ผลงานของ จราดี้ ที่ยิงไป 8 ประตูจากการลงเล่น 33 นัดให้กับทีม ก็ดีพอจะดึงความสนใจจากสโมสรที่ใหญ่ขึ้นอย่าง โอเดนเซ่ บีเค (ต้นสังกัดปัจจุบันของ นิโคลัส มิเคลสัน แบ็คขวาทีมชาติไทย) และ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ทีมดังจากประเทศอังกฤษ ให้ไปลองทอดสอบฝีเท้า

สุดท้ายแล้วเป็นทาง อคาเดมิสก์ โบลด์คลับ ทีมในระดับดิวิชั่น 1 แดนโคนม ที่คว้าตัวเขาไปร่วมทีมในช่วงปี 2012 แล้วเพียงแค่ฤดูกาลแรกของเขากับทีมใหม่ จราดี้ ก็แจ้งเกิดได้ทันทีด้วยการทำไป 8 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ ส่งผลให้เขากลายเป็นดาวซัลโวประจำทีมในฤดูกาลนั้น

ผลงานของ จราดี้ ไปเตะตาสโมสร นอร์ดเจลแลนด์ สโมสรในลีกสูงสุดเข้าอย่างจัง จนตัดสินใจคว้าตัวไปร่วมทีม แต่กลับไม่ได้โอกาสลงสนามมากนัก ได้ลงเล่นรวมๆ ไปแค่ 4 เกมให้กับทีมชุดใหญ่ แต่อย่างน้อยก็ได้ประสบการณ์ลงสนามในถ้วยระดับทวีปอย่าง ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก รอบเพลย์ ออฟ มาประดับเกียรติยศส่วนตัว

ก้าวออกนอกเซฟโซน

ด้วยฝีเท้าที่เป็นดาวรุ่งพรสวรรค์สูง จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่ทาง จราดี้ จะถูกทางทีมชาติเดนมาร์ก เรียกตัวไปติดทีมชาติชุดเยาวชนตั้งแต่รุ่นอายุต่ำกว่า 16 ปี ยาวไปจนถึงรุ่นอายุต่ำกว่า 21 ปี แต่หลังจากที่เขาไม่ประสบความสำเร็จกับ นอร์ดเจลแลนด์ เขาก็เลือกที่จะย้ายไปเผชิญความท้าทายใหม่ๆ กับ สตรอมก็อดเซ็ด ในลีกฟุตบอลประเทศนอร์เวย์

ช่วงแรกของ จราดี้ ต้องเล่นในทีมสำรองเพื่อพิสูจน์ตัวเองไปก่อน แต่ผลงานของเขาก็ถือว่าใช้ได้ เมื่อกดไป 9 ประตู จากการลงสนามทั้งหมด 16 เกม แต่พอถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ฟอร์มของเขาก็ทรงๆ ทรุด ไม่มีช่วงเวลาที่น่าประทับใจมากนัก จนถูกปล่อยให้ทาง ลีลล์สตอรม ยืมตัวไปใช้งานในปี 2016

ฤดูกาล 2017 จราดี้ ถือว่าระเบิดฟอร์มได้น่าประทับใจที่สุดกับ สตรอมก็อดเซ็ด ด้วยการกดไป 10 ประตู กับทำอีก 7 แอสซิสต์ จนมีชื่อเข้าชิงนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลจากการเลือกของแฟนบอล แล้วชื่อของเขาก็เข้าไปถึงรอบ 4 คนสุดท้าย แต่แล้วซีซั่นต่อมาก็กลับมาฟอร์มฝืดเหมือนเดิม ทำไปได้แค่ 2 ประตูเท่านั้น

ต่อมา จราดี้ ก็เลือกจะย้ายไปผจญภัยในลีกโครเอเชีย ด้วยการเซ็นสัญญากับ ไฮดุ๊ก สปลิท ในปี 2018 อยู่โยงกับทีมจนถึงปี 2021 แม้ผลงานรวมๆ จะไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ เพราะได้ลงสนามไป 73 เกม แต่กลับยิงได้แค่ 5 ประตู

หลังจากแยกทางกับ ไฮดุ๊ก สปลิท ในปี 2021 ก็เป็นทาง อปอลลอน ลิมาสโซล ในลีกไซปรัสที่ดึงตัวเขาไปร่วมทีม โดยเกมนัดประเดิมสนามของเขาเป็นจุดเริ่มต้นที่ดูเหมือนจะสวยสดงดงาม หลังยิงประตูแรกได้ทันที แต่ทีมต้องพ่ายให้กับ ซิลิน่า ในศึก ยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอร์เรนซ์ ลีก แบบขาดลอย 1-3 ก่อนจะมายิงได้ในเกมเยือนที่พบกับคู่แข่งทีมเดิม แล้วเสมอกันไปด้วยสกอร์ 2-2

ต่อมาเขาก็ยิงประตูแรกในลีกให้กับ อปอลลอน ได้ในเกมที่เอาชนะ เอทนิกอง แอชน่า 4-2 มีชื่อติดเข้าชิงผู้เล่นยอดเยี่ยมในตำแหน่งกองหน้า 11 คนสุดท้าย ด้วยการยิงไป 3 ประตู จากการลงสนาม 22 เกม ซึ่งต้นสังกัดของเขาสามารถคว้าแชมป์ลีกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ฤดูกาล

ฤดูกาล 2022/23 เป็นปีสุดท้ายของเขากับ อปอลลอน คว้าแชมป์ ไซปรัส ซูเปอร์ คัพ เป็นการส่งท้าย พร้อมฝากผลงาน 3 ประตู จากการลงสนามทุกรายการ 24 เกม ไว้ให้แฟนบอลได้จดจำ แล้วสถานีต่อไปของเขาก็ดูจะน่าสนใจไม่น้อย เพราะคาดว่าจะเป็น แบงค็อก ยูไนเต็ด สโมสรในศึก ไทย ลีก

ปัญหาบนเวทีทีมชาติ

จากการที่ จราดี้ มีพ่อ-แม่เป็นชาวเลบานอน แล้วยังไม่เคยถูกทางเดนมาร์ก เรียกตัวไปติดทีมชาติชุดใหญ่ ส่งผลให้เขาสามารถเปลี่ยนใจมาเล่นให้กับ เลบานอน ได้แบบไม่ผิดกฎของฟีฟ่า แล้วถูกเรียกตัวครั้งแรกในเดือนสิงหาคม ปี 2015

จราดี้ เบิกสกอร์แรกให้กับทีมชาติเลบานอน ได้ในเกมอุ่นเครื่องกับ อิรัก แต่สุดท้ายพ่ายไปด้วยสกอร์ 2-3 ซึ่งทางสมาคมฟุตบอลประเทศเลบานอน ก็พยายามจะพัฒนาศักยภาพทีมชาติ ด้วยการเรียกตัวผู้เล่นที่อยู่นอกประเทศมารับใช้ชาติ

อย่างไรก็ตาม จราดี้ ก็ไปมีปัญหากับเฮดโค้ชทีมชาติอย่าง มิโอแดรก ราดูโลวิช หลังปฏิเสธการนั่งเป็นตัวสำรอง จนถูกตัดชื่อออกจากทีมในเกมกับ ซาอุดิอาระเบีย ในศึกชิงแชมป์เอเชียปี 2019 แล้วถูกตัดชื่อออกจากทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวทันที

หลังจากนั้นทั้ง จราดี้ และ อูมารี่ ก็ปฏิเสธการเรียกตัวมาติดทีมชาติเลบานอน ในเกมที่พบกับ เกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นโปรแกรมสำคัญในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก โซนเอเชีย 2022 แต่สุดท้ายแล้วก็จัดการเคลียร์ใจกันได้ หลังทั้งคู่ออกมาแถลงการณ์ขอโทษกับเหตุการณ์ดังกล่าว แล้วมีชื่อกลับมาเป็นตัวเลือกในโผอีกครั้ง

แน่นอนว่า จราดี้ อาจมีแพสชั่นที่แรงกล้า อยากลงเล่น อยากมีส่วนร่วมกับทีมทุกเกม ไม่ได้เดินทางมาเป็นเพียงแค่ตัวสำรอง

ด้วยสไตล์การเล่นที่เต็มไปด้วยเทคนิค มีความคล่องตัวสูง เก็บประสบการณ์ค้าแข้งในลีกเขี้ยวๆ ในยุโรปมาแล้ว เชื่อเหลือเกินว่า จราดี้ จะเข้ามาเติมเต็มแนวรุกให้กับ แข้งเทพ ได้อย่างน่าสนใจแน่นอน เพียงแต่เรื่องของแพสชั่นที่แรงจัด คงต้องมีเพลาๆ กันลงบ้างให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม