‘BG ทำถึง!!’ กลยุทธ์การตลาด ที่หวังผลได้จริงกับวงการฟุตบอลไทย

แม้ว่าสถานการณ์อนาคตของฟุตบอล ไทยลีก ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องของค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในรายได้หลักของการนำมาบริหารจัดการทำทีม สำหรับบอร์ดบริหารของสโมสรต่างๆ ที่จะนำมาจับจ่ายใช้สอยเพื่อต่อยอดให้ทีมไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำคัญของทัพกระต่ายแก้ว ‘บีจี ปทุม ยูไนเต็ด’ ที่มีคุณ ปวิณ ภิรมย์ภักดี นั่งแท่นเป็นประธานสโมสรอยู่ในขณะนี้

แฟนฟุตบอลไทย คงเห็นกันไปอย่างชัดเจนแล้วว่า การเสริมทัพของ บีจี ปทุม ในฤดูกาลที่กำลังจะเปิดอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนนั้น ‘ดุดัน’ กว่าปีก่อนๆ แบบเทียบแทบไม่ติด ผู้เล่นหน้าใหม่ทั้งตัวไทยชั้นนำ และ ตัวต่างชาติที่มีดีกรีไม่ธรรมดา ตบเท้าเข้าทีมกันแทบทุกสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็น กาคุโตะ โนสึดะ กองกลางดีกรีทีมชาติญี่ปุ่น, ลาร์ส เฟลเวค ยอดดาวยิงทีมชาติแอฟริกาใต้, คริสเตียน โกมิส กองหลังร่างโย่ง, ศิวกรณ์ เตียตระกูล และ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ เป็นต้น

การตัดสินใจออกจากสภากรรมการของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ทำให้แฟนบอลสามารถอนุมานหน้าที่สำคัญของคุณ ปวิณ ได้มากขึ้นชัดเจน ทั้งเรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่หยุดชะงัก, ช็อปรวมสินค้าไทยลีกที่มีแผนกระจายสินค้าฟุตบอลให้ได้รับความนิยมโดยทั่ว และยังไม่นับรวมถึงการหาสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุนรายการแชมป์ชนแชมป์อย่าง ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์ คัพ ซึ่งการเดินหน้าเรื่องแผนธุรกิจต่างๆ นั้นกลับมางอกเงยที่ บีจี แทนอย่างที่เห็น

กลยุทธ์การตลาดต่างๆ ที่ บีจี วางเอาไว้ในระยะยาวคืออะไร? โมเดลแบบนี้จะสร้างประโยชน์ใดให้กับวงการฟุตบอลไทยบ้าง? ร่วมติดตามไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

กล้าลงทุนเพื่ออนาคต

การเปิดอัฒจันทร์ฝั่งที่ 4 ของสโมสร บีจี ปทุม เมื่อช่วงปลายฤดูกาลที่แล้ว คงเป็นตัวอย่างเรื่องของแผนงานเบื้องต้นของเหล่าผู้บริหารได้เป็นอย่างดีว่า ‘จริงจัง’ กับการทำสโมสรฟุตบอลในประเทศไทยขนาดไหน เพราะถึงจะรู้ดีว่า มันเป็นเรื่องยากที่แฟนบอลไทยจะเข้ามาชมเต็มความจุทุกนัด แต่การสวนกระสด้วยการเพิ่มจำนวนที่นั่งนั้นแปลว่า ต้องมีแผนงานสักอย่างมารองรับค่าใช้จ่ายที่ลงทุนไป ซึ่งเป็นการวางกลยุทธ์ไว้ล่วงหน้า

เกมอุ่นเครื่องฉลองครบรอบ 114 ปีของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 21 กรกฎาคม นั้นอาจเป็นการเจรจาที่จบลงภายในสิบกว่าวันแบบเร่งด่วนก็จริง แต่ด้วยความช่วยเหลือจากทางพันธมิตรทางธุรกิจและฟุตบอลอย่าง Stiebel Eltron และสโมสร เซเรโซ โอซาก้า ก็ทำให้เกมนี้เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย

ก่อนหน้านี้แผนที่จะเชิญ เสือเหลือง ทีมชื่อดังแห่งศึก บุนเดสลีก้า เยอรมัน นั้นมีการส่งตัวแทนจากสโมสร บีจี ไปทาบทามเอาไว้ล่วงหน้าแล้วถึงความเป็นไปได้ แต่แผนงานจริงๆ อาจขึ้นขึ้นช่วงหลังจบฤดูกดาลหน้า หรือเป็นช่วงปรีซีซั่น แต่ด้วยอุบัติเหตุบางอย่างกับสโมสร ดอร์ทมุนด์ ที่ผิดแผน เลยทำให้ตัวเลือกที่มีการพูดคุยกันเอาไว้ก่อนหน้านี้อย่าง บีจี มาแรงแซงทางโค้งขึ้นมา แล้วด้วยการเตรียมเอกสารสำคัญเบื้องต้นภายใน 48 ชั่วโมง การดำเนินการขั้นต่อๆ ไปจึงผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

แล้วเมื่อเปิดขายบัตรก็ได้รับการตอบรับจากแฟนฟุตบอลดังคาด จนปัจจุบันจำนวนบัตรที่เหลือนั้นมีจำนวนเพียงแค่หลักร้อยใบเท่านั้น ซึ่งถ้ามองจากสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าเกมนี้จะจัดขึ้นในปีนี้หรือปีหน้า โอกาสที่จะได้รับการตอบรับแบบเดียวกันย่อมเป็นไปได้สูง เพราะสโมสรอย่าง ดอร์ทมุนด์ คงไม่ได้เดินทางมาโชว์ฝีเท้าในประเทศเราบ่อยๆ

“มองในมุมของการทำธุรกิจ ถ้าจะคุยวันนี้ ต้องคุยเรื่องฤดูกาลหน้าแล้ว ปีนี้เนี่ย..ทำใจเดินกะเผลกเหอะ ถ้าเกิดยังมองปีต่อปีอยู่ก็จบ ในฐานะที่เป็นสโมสร ก็อึดอัดพอสมควร และถ้าแฟนบอลอึดอัดเนี่ย แล้วเจ้าของสโมสรแต่ละสโมสร จะไม่อึดอัดเหรอ“

“เพราะฉะนั้นอย่างที่บอกสุดท้ายแล้ว มันต้องมองข้างหน้าให้ชัดเจน มองเป็นสเต็ป ถ้ามองปีต่อปี…ตายครับ”

หลังจากมีสแตนด์ครบทั้ง 4 ด้านตามแผนที่วางไว้ การมองถึงการสร้างหลังคาคลุมสนามก็เป็นความคิดที่ทาง คุณ ปวิณ มองเอาไว้ในอนาคตเช่นกัน แต่ต้องการเอาเงินทุนไปลงกับแผนงานที่สร้างรายได้ก่อน ทุกอย่างต้องเดินงานแบบเป็นขั้นเป็นตอนตามแผนงานที่เหมาะสมที่วางไว้ ซึ่งถ้านับรวมสิ่งอำนวยความสะดวกตอนนี้ หากผ่านเกณฑ์ที่ทางตัวแทนจากสโมสร ดอร์ทมุนด์ ให้ผ่านแบบไม่มีข้อโต้แย้ง ก็แปลว่ามาตรฐานโดยรวมอยู๋ในเกณฑ์ที่สากลยอมรับแน่นอน ยกตัวอย่าง วีไอพี บ็อกซ์ หรือ เมกา สโตร์ ร้านขายของที่ระลึกตามแบบสโมสรชั้นนำทั่วโลกพึงมี

แน่นอนว่าการลงทุนของ บีจี กับโปรเจ็คท์ต่างๆ ต้องมองหาช่องทางในการคืนทุน แต่จะมาจากไหนบ้างล่ะ?

แพลนเรื่องของชุดแข่งที่เปิดตัวไปตั้งแต่ฤดูกาลก่อน จำนวนประมาณ 4 หมื่นตัวเป็นอย่างน้อยที่ถูกผลิตขึ้นมา ที่เปิดขา่ยในราคาที่จับต้องได้ 1,100 บาท ยังไม่นับรวมถึงการขายตั๋วเข้าชมรายเกมราคา 100,160, 200, 220 และ 250 บาท นับรวมเกมในบ้านในลีกที่การันตีอย่างน้อย 15 แมตช์ หากขายหมดหรือเกินครึ่งทุกเกมก็สร้างมูลค่าได้ไม่น้อย ยังไม่นับรวมการขายอาหารและเครื่องดื่มต่อเกมอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นไม้เด็ดของ บีจี คือ ‘ตั๋วปี’ หลากหลายราคา เริ่มตั้งแต่ 2,299, 3,099, 3,399, 9,999 และ 13,999 บาท ซึ่งถ้าหารเฉลี่ยต่อนัดตกเกมละไม่ถึง 1 พันบาท แต่สิ่งที่ได้มูลค่าคุ้มเกินกว่าที่จ่ายเกือบหนึ่งเท่าตัว ยิ่งไปกว่านั้นคือการที่สามารถจ่ายผ่านบัตรเครดิตได้ ด้วยโปร 0% 6 เดือนอีกต่างหาก ซึ่งตัดเรื่องค่าธรรมเนียม 3% ออกไปด้วย

กรณีนี้หมายความว่าหากมีแฟนบอลซื้อตั๋วปี บีจี ผ่านโปรบัตรเครดิตค่ายใดก็ตาม ทางสโมสรจะได้รับเงินก้อนนั้นทั้งก้อนทันที เนื่องจากเป็นการซื้อที่ทางสถาบันการเงินออกเครดิตให้กับผู้ถือบัตรก่อน แล้วไปไล่เก็บค่างวดเอาทีหลัง แล้วอาจช่วยให้แฟนบอลตัดสินใจใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น เพราะไม่จำเป็นต้องควักเงินสดทั้งก้อนเหมือนแต่ก่อน อำนวยความสะดวกให้แฟนบอลที่ไม่พร้อมใช้จ่ายเงินก้อนใหญ่ สามารถเข้าถึงการซื้อตั๋วปีได้ง่ายขึ้น แถมยังได้รับสิทธิพิเศษแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

ต่อยอดไม่มองแค่ในประเทศ

การเดินเกมของ บีจี ในเรื่องของการขยายฐานแฟนบอลไม่จบลงเพียงแค่นั้น เนื่องจากตอนนี้มีการเปิดช่องยูทูป BG SPORTS ขึ้นมาเพิ่มเติมนอกจากช่องหลักอย่าง BG CHANNEL ที่เป็นช่องทางหลักเพื่อกระจายสื่อและข่าวสาร รวมไปถึงการถ่ายทดสดแมตช์การแข่งขันของสโมสร

แนวทางของ BG SPORTS คือ การถ่ายทอดสดการแข่งขันรายการชั้นนำ ซึ่งทางสโมสรซื้อลิขสิธิ์เข้ามาเพิ่มเติม แถมมีการบรรยายเป็นภาษาอังกฤษเพื่อความเป็นสากลอีกด้วย โดยจะถ่ายทอดแมตช์พิเศษครบรอบ 114 ปีของสโมสร โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่เป็นเกมอุ่นเครื่องที่จะแข่งขันกันในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการซื้อลิขสิทธิ์รายการใหญ่อย่าง ไดเรคท์ทีวี ซอคเกอร์ แชมเปี้ยนส์ ทัวร์ 2024 ที่มีสโมสรชั้นนำอย่าง เรอัล มาดริด, แมนตเชสเตอร์ ซิตี้, บาร์เซโลน่า, เชลซี และ เอซี มิลาน เข้าร่วมแข่งขัน และการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ เกมเหย้าของ ทีมชาติอาร์เจนติน่า, ทีมชาติบราซิล และ ทีมชาติโคลอมเบีย

การเดินเกมครั้งนี้ของ บีจี ไม่ได้หวังแค่การเพิ่มฐานแฟนบอลในประเทศไทยเพียงอย่างเดียว แต่ยังกระจายไปถึงชาติอื่นๆ ทั่วโลกที่สามารถเข้าถึงได้ทั่วโลกอีกด้วย โดยที่ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชมใดๆ ในช่วงแรก แต่ในอนาคตหากเป็นรายการสำคัญอื่นๆ ที่มีค่าใช้จ่ายมากขึ้น อาจเปิดระบบ Pay Per View ขึ้นมาก็เป็นไปได้ หรือจะมาในแนวทาง Content For Subscriber only ก็เป็นไปได้เช่นกัน

การเดินกลยุทธ์การตลาดแบบนี้ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่มองการไกลและอ่านเกมขาด สามารถเพิ่มมูลค่าของทรัพย์สินตัวเอง ด้วยการลงทุนไปก่อนแล้วค่อยตีกินในระยะยาวภายหลัง แต่เรื่องตลกร้าย คือ แฟนบอลไทยจะไม่ได้เห็นการวางกลยุทธ์แบบนี้ในการบริหาร ‘ฟุตบอลไทย’ ในภาพใหญ่ที่กำลังมีปัญหาในตอนนี้

แหล่งข้อมูลอ้างอิง :

https://www.youtube.com/watch?v=lgbxfDpKcTU&t=6621s

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด