‘บีจี’ บุกเยือน ‘ราชบุรี’ ชี้ชะตาลุ้นผ่านเข้ารอบรองถ้วย ‘ลีก คัพ’ ความหวังเดียวในการลุ้นแชมป์ฤดูกาลนี้
โปรแกรมศึก ลีก คัพ ช่วงกลางสัปดาห์ รอบ 8 ทีมสุดท้าย มีเกมที่น่าจับตามองไม่น้อยอีกหนึ่งเกมระหว่าง ราชบุรี เอฟซี เปิดบ้านรับการมาเยือนของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ซึ่งจะลงเตะกันในวันพุธที่ 24 เมษายน เวลา 18.30 นาฬิกา ณ สนาม มิตรผล สเตเดี้ยม จังหวัดราชบุรี ถิ่นของ ราชันมังกร
สถานการณ์ของทั้งสองทีมในบอลลีกเวลานี้ ต้องยอมรับกันตามตรงว่า ต่างฝ่ายต่างไม่มีอะไรให้ลุ้นอีกต่อไปแล้ว นอกจากการทำอันดับให้ดีที่สุดก่อนจบฤดูกาล ซึ่งในเวลานี้เจ้าบ้าน ราชันมังกร รั้งอยู่อันดับที่ 6 ส่วนทางฝั่งทีมเยือน บีจี รั้งอยู่อันดับที่ 4
ดังนั้นถ้วย ลีก คัพ ที่ต่างฝ่ายต่างทะลุเข้ามาถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ย่อมกลายเป็นความหวังหนึ่งเดียวของทั้งสองทีม ในการลุ้นประสบความสำเร็จเป็นแชมป์สักรายการในซีซั่นนี้ อย่างน้อยก็ให้แฟนบอลได้ชื่นใจว่า การลงทุนของทีมที่มุ่งมั่นอย่างเต็มที่นั้นไม่สูญเปล่า
ความพร้อมล่าสุดของทั้งสองทีมเป็นอย่างไร? สถิติการเจอกันก่อนหน้านี้ออกหน้าไหนบ้าง? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
เจ้าบ้านยังไม่ฟื้น
ราชันมังกร ภายใต้การคุมทัพของ การ์ลอส เปนญา กุนซือชาวสเปน วัย 40 ปี ยังคงทำผลงานได้ตามมาตรฐานด้วยการใช้งบประมาณที่จำกัด ดังนั้นความคาดหวังของแฟนบอลจึงไม่ถึงกับกดดันทีมมากนัก เพราะรู้ดีว่าขุมกำลังของพวกเขานั้นสามารถไปได้ไกลประมาณไหน
การคว้านักเตะแต่ละคนที่เหมือนจะดับไปแล้ว มาชุบชีวิตด้วยการให้โอกาสพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง คือ แนวทางของ ราชบุรี ที่น่าชื่นชม เพราะชื่อของนักเตะอย่าง กรวิชญ์ ทะสา อดีตดาวรุ่งอนาคตไกล ที่ย้ายจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด กลับไปอยู่กับ บีจี แล้วไม่ประสบความสำเร็จ กลายเป็นอีกหนึ่งดีลที่ช่วยให้ ‘เจ้าซัน’ กลับมาเล่นได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง
รวมไปถึงในรายของ จักรพันธ์ แก้วพรม กองกลางสายคลาสสิคตัวเก๋าวัย 35 ปี ที่แยกทางกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาคมแดนกลางให้กับ ราชบุรี ก็เป็นดาวเตะอีกหนึ่งราย ที่แฟนบอลหลายคนอาจมองว่าเขา ‘หมดสภาพ’ ไปแล้ว แต่การที่ ราชบุรี ยังเห็นคุณค่าในตัวของเขาอยู่ ก็เป็นการเสี่ยงดวงที่ถูกต้องอีกครั้ง ด้วยการรับบทบาทจอมทัพของทีมอยู่ในเวลานี้
ผลงานการลงเล่น 5 นัดหลังสุดของ ราชบุรี ยังอยู่ในช่วงที่ไม่ฟื้นฟอร์มแกร่งเต็มตัว มีเกมที่น่าจดจำอย่างการเอาชนะ แบงค็อก ยูไนเต็ด 1-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายศึก ลีก คัพ, บุกพ่าย สุโขทัย 0-1 (ไทย ลีก), แพ้คาบ้านให้กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด 1-2 (ไทย ลีก), บุกเอาชนะ ชลบุรี เอฟซี 1-0 (ไทย ลีก) และนัดล่าสุดพ่ายแบบเละเทะให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-4 (ไทย ลีก) สรุปแล้วชนะไป 2 เกม และแพ้ไปถึง 3 เกม
ส่วนสภาพความพร้อมของทีมนัดนี้จะขาดดาวเตะที่ติดโทษแบนอย่าง ปาร์ค จุน-ฮอง, มาเตอุส ลิม่า และ กฤษณนน ศรีสุวรรณ รวมไปถึงผู้เล่นที่มีอาการบาดเจ็บอยู่อย่าง จักรพันธ์ แก้วพรม และ โชติภัทร พุ่มแก้ว แต่ยังโชคดีที่จะได้ตัว เจสซี่ เคอร์แรน ตัวริมเส้นทีเด็ดกลับมาช่วยทีม
ส่วนตัวหลักที่เป็นขุมกำลังที่เชื่อใจได้อย่าง ไทรอน, โจนาธาร เข็มดี และ กรวิชญ์ ทะสา ยังพร้อมลงสนามเพื่อลุ้นคว้าชัยให้กับทีมได้ทั้งหมด แน่นอนว่าแฟนบอลที่เข้ามาให้กำลังใจในสนาม มิตรผล สเตเดี้ยม จะให้ยลฝีเท้าของสตาร์เหล่านี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะถ้าหวังจะผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ต้องจัดชุดเต็มแบบไม่มีกั๊กในการลุ้นคว้าชัย
ทีมเยือนต้องเอาแชมป์
บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ภายใต้การกุมบังเหียนของ มาโกโตะ เทกุระโมริ กุนซือชาวญี่ปุ่น ที่เข้ามาทำทีมในช่วงเลกที่สอง ยังคงทำผลงานได้ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่นัก เมื่อเทียบกับขุมกำลังที่อุดมไปด้วยสตาร์ทั้งไทยและต่างชาติล้นทีม
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า เทกุซัง นั้นโชคร้ายไม่น้อย เพราะเจอปัญหาอาการบาดเจ็บของผู้เล่นตัวหลักเล่นงาน จนไม่เคยได้ส่งผู้เล่นแบบเต็มศักยภาพลงสนามเลยสักนัดเดียว พอตำแหน่งนี้ตัวหลักหายเจ็บกลับมา กลายเป็นว่าตำแหน่งอื่นเข้าโรงหมอแทน ทำให้การประสานงานของทีมขาดความต่อเนื่อง ยังไม่มีชุดผู้เล่นที่เป็น 11 ตัวจริงที่ดีที่สุดสักที
ฟอร์มการเล่นโดยรวม 5 นัดหลังสุด ก็ยังคงออกลูกลุ่มๆ ดอนๆ เริ่มจากการบุกไปเอาชนะ ชลบุรี เอฟซี 4-1 ในเกม ลีก คัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย, บุกพ่าย ตราด เอฟซี 1-2 (ไทย ลีก), เสมอกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-1 (ไทย ลีก), บุกชนะ เชียงราย ยูไนเต็ด 3-2 (ไทย ลีก) และเปิดบ้่านเสมอกับ ชลบุรี เอฟซี 1-1 (ไทยลีก) สรุปแล้วชนะไป 2 นัด เสมอ 2 นัด และแพ้ 1 นัด
สภาพความพร้อมของทีมในเกมนี้ เทกุซัง จะขาดตัวผู้เล่นที่ติดโทษแบนอย่าง กฤษดา กาแมน, สารัช อยู่เย็น และ ชนภัช บัวพันธ์ (ติดทีมชาติยู-23) รวมไปถึง วาริส ชูทอง ที่กลับมาจากเกมทีมชาติไทยชุดเล็ก มาช่วยทีมไม่ทันเช่นกัน
นอกจากนี้ตัวผู้เล่นที่บาดเจ็บอยู่อย่าง เซย์ดีน เอ็นดิอาเย และ อีกอร์ เซอร์เกเยฟ ก็ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บยาว อยู่ในช่วงพักฟื้นที่ต้องใช้เวลารอคอยอีกนานพอสมควรกว่าจะกลับมาลงเล่นได้ ทำให้สภาพทีมตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่าเกือบพิการเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เทกุซัง ยังจะสามารถใช้งานตัวหลักอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติไทย, วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ ปราการหลังตัวแกร่ง, เฟร็ดดี้ อัลวาเรซ, สองพี่น้องตระกูล ฟานดี้ อย่าง อิรฟาน กับ อิคห์ซาน และ ธีรศิลป์ แดงดา ดาวยิงตัวเก๋า คอยประคองทีมได้อยู่
เกมนัดนี้สำหรับ บีจี ถือว่าเป็นเกมนัดสำคัญที่พลาดไม่ได้เช่นกัน แม้จะต้องออกไปเยือนทีมแกร่งอย่าง ราชบุรี แต่ก็ต้องจัดเต็มสูบอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะนี่คือถ้วยเดียวที่เหลืออยู่ในการลุ้นเป็นแชมป์สักรายการให้ได้ในซีซั่นนี้
สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม
การพบกัน 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีมนี้รวมทุกรายการ ปรากฎว่า เป็นทางทีมเยือน บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่ทำได้ดีกว่าชัดเจน ด้วยผลงานชนะ 3 นัด เสมอ 1 นัด และแพ้ 1 นัด ไม่พ่ายให้กับ ราชบุรี มาแล้วทั้งหมด 3 เกมติดต่อกัน
อย่างไรก็ตามหากวัดกันที่การเจอกันที่สนาม มิตรผล สเตเดี้ยม 5 เกมหลังสุด เป็นทาง ราชบุรี เจ้าถิ่นที่ทำได้ดีกว่า ด้วยผลงานชนะ 3 นัด เสมอ 1 นัด และแพ้ไป 1 นัด
มองตามสถานการณ์ของทั้งสองทีมในช่วงเวลานี้ อ่านทางได้ยากว่าฝั่งไหนจะทำผลงานได้ดีกว่ากัน เพราะถึงแม้ดูตามหน้าเสื่อว่า บีจี จะมีศักยภาพทีมที่เหนือกว่า แต่ทางฝั่ง ราชบุรี หากได้เล่นในสนามเหย้าที่มีแฟนบอลคอยหนุนหลังและส่งเสียงเชียร์ พวกเขาก็ไม่ยอมใครง่ายๆ เช่นกัน
ดังนั้นรูปเกมนัดนี้ที่จะออกมา รับรองได้เลยว่า ต่างฝ่ายต่างต้องใส่กันเต็มร้อย เพื่อหวังหลุดรอดเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ต่ออายุเรื่องความหวังในการเป็นแชมป์รายการเดียวที่เหลืออยู่ แล้วอาจจะเป็นหนึ่งในสองทีมนี้ก็ได้ ที่จะได้ชูถ้วยแชมป์ในบั้นปลาย
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
https://www.sofascore.com/ratchaburi-bg-pathum-united/hmosToJ