‘บีจี’ บุกล้างตา ‘นครปฐม’ การดวลกันของสองทีมที่งบประมาณทำทีมต่างกันเกือบ 10 เท่า

‘บีจี’ บุกล้างตา ‘นครปฐม’ การดวลกันของสองทีมที่งบประมาณทำทีมต่างกันเกือบ 10 เท่า
ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

ศึก ไทย ลีก ฤดูกาลนี้ เดินทางมาถึงนัดรองสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากทั้ง 16 สโมสร ขับเคี่ยวทำศึกกันมาอย่างยาวนาน แล้วทุกอย่างกำลังจะได้บทสรุปไม่ว่าจะเป็น ‘ทีมแชมป์’ หรือกลุ่มทีมที่ตกชั้นไปเล่นใน ‘ไทย ลีก สอง’ ซีซั่นหน้า

อีกหนึ่งเกมที่น่าสนใจประจำสัปดาห์นี้ คือการเจอกันระหว่าง นครปฐม ยูไนเต็ด ที่จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ซึ่งแม้ว่่าสถานการณ์ของเจ้าถิ่นจะรอดพ้นการตกชั้นแน่นอนแล้ว แต่ทางฝั่งอาคันตุกะจากปทุมธานี ยังคงหวังที่จะบุกมาเก็บสามแต้ม เพื่อรักษาอันดับ 4 ในตารางต่อไป

PHOTO: BG Pathum United

การเจอกันก่อนหน้านี้ของทั้งคู่ กลายเป็นฝั่ง บีจี ที่พ่ายคารังให้กับ เสือป่าราชา แบบสุดช็อค 1-2 ซึ่งเรื่องตลกร้ายของคู่นี้ในตอนนั้น คือ ตัวกุนซืออย่าง ‘โค้ชธง-ธงชัย สุขโกกี’ ที่คุมทัพ กระต่ายแก้ว อยู่ในขณะนั้น เคยเป็นอดีตกุนซือของ นครปฐม ที่พาทีมเลื่อนชั้นขึ้นมาบนลีกสูงสุดในฐานะแชมป์ในรอบ 14 ปี แถมเป็นโค้ชคนเดียวที่พาทีมประสบความสำเร็จเป็นแชมป์ในลีกรองตั้งแต่ ไทยลีก 4, ไทยลีก 3 และ ไทย ลีก 2

ความน่าสนใจของทั้งสองสโมสรนี้อยู่ที่ความต่างของงบประมาณในการทำทีม, สาเหตุสำคัญที่ทำให้ฟอร์มของเจ้าถิ่นอยู่ดีๆ ก็ดร็อปลงไป, การอำลาทีมของ โค้ชธง ที่ตัดจบไปแบบน่าใจหาย และรวมไปถึงการกลับไปเล่นฟุตบอลอาชีพของซูเปอร์สตาร์ทีมชาติไทยคนหนึ่ง ที่จะได้ไปเล่นในจังหวัดบ้านเกิดอย่างเป็นทางการครั้งแรก เรื่องราวต่างๆ และความพร้อมล่าสุดของทั้งสองทีมจะเป็นเช่นไร? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

งบน้อยแต่เอาอยู่

การเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดของ นครปฐม ยูไนเต็ด เป็นข่าวดีของแฟนบอลและสโมสร แต่นับว่าเป็นความหนักใจเช่นเดียวกัน เนื่องจากพวกเขาก้าวขึ้นมาในฤดูกาลที่เงินสนับสนุนและค่าลิขสิทธิ์ ไทย ลีก กำลังอยู่ในช่วงขาลง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่องบประมาณการทำทีมของสโมสร

สุดท้ายแล้วเหล่าผู้บริหารของทีมสามารถปิดงบทำทีมได้ที่ราว 25 ล้านบาทต่อไป นับว่าเป็นตัวเลขที่ไม่น้อย แต่ก็ไม่มาก โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่การอยู่รอดบนลีกสูงสุดต่อไปให้ได้ ท่ามกลางการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องเสียกุนซือคนเก่ง ‘โค้ชธง-ธงชัย สุขโกกี’ ไปให้กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แต่ยังเหลือขุมกำลังตัวหลักให้ใช้งานได้อยู่

PHOTO : NakhonpathomUnited

การเข้ามาของ อัคบาร์ นาบาส กุนซือชาวสิงคโปร์วัย 48 ปี ที่มารับไม้ต่อจาก โค้ชธง ถือว่าเขาเป็นคีย์แมนคนสำคัญ ที่สามารถปรุงแต่งวัตถุดิบที่มีจำกัดในมือ ให้รีดเร้นศักยภาพสูงสุดออกมาได้ กลายเป็นว่า 4 นัดแรกในการเปิดตัวบนเวที ไทย ลีก ของ นครปฐม ไม่แพ้ให้กับทีมใดเลย เก็บชัยไป 2 นัด และ เสมอ 2 นัด ซึ่งพวกเขาสร้างความประทับใจได้ตั้งแต่เกมเปิดฤดูกาลที่เปิดบ้านเสมอกับ การท่าเรือ เอฟซี ทีมยักษ์ใหญ่แบบสุดมัน 2-2

อย่างไรก็ตามเมื่อผ่านการแข่งขันที่โปรแกรมเริ่มถี่ ด้วยจำนวนผู้เล่นในมือที่มีจำกัด ตัวหลักหน้าเดิมๆ ต้องลงสนามเป็นแกนแทบทุกเกม ไม่ว่าจะเป็น อาทิตย์ เบิร์ก, ทาคุ อิโตะ, เลสลี่ยฺ์ อับโบห์ และ กาฟาร์ ดูโรซินมี่ ความล้าและสภาพร่างกายย่อมตกลงไปทีละน้อย

PHOTO : NakhonpathomUnited

แผนการเล่นของ นาบาส เน้นไปที่การวิ่งเพรสซิ่งหนัก ใช้พลังงานแบบเกินร้อยแทบทุกเกม เอาความใจสู้มาทดแทนคุณภาพของนักเตะที่อาจเป็นรองคู่แข่งร่วมลีก อาศัยเกมรุกที่ดุดันเข้าโจมตีด้วยจำนวนผู้เล่นที่โอเวอร์โหลดขึ้นไปแดนบนพร้อมๆ กันหลายตัว มักจะได้ผลดีเมื่อมีจังหวะที่ขึ้นเกมแล้วได้โอกาสจบสกอร์ แต่แผลใหญ่ของพวกเขาที่เริ่มเผยออกมาให้เห็นในช่วงหลัง คือ การเปลี่ยนเกมจากรุกมาเป็นตั้งรับได้ไม่ดีพอ

แม้ว่า เสือป่าราชา จะเล่นเกมสวนกลับเก่ง แต่ทางฝั่งของพวกเขาก็โดนเล่นงานจากจังหวะ เคาน์เตอร์ แอทแทค ของคู่แข่งแล้วพลาดท่าเสียประตูบ่อยครั้งเช่นกัน ยิ่งพอตัวผู้เล่นตัวหลักออกอาการล้า ตัวเปลี่ยนที่อยู่ในมือมีไม่พอ คุณภาพฝีเท้าห่างชั้นกับตัวจริงพอสมควร ศักยภาพในการเล่นของทีมก็ตกลงไปอย่างที่เห็น จนต้องมาลุ้นหนีตกชั้นช่วงท้ายฤดูกาล ซึ่งสุดท้ายพวกเขาก็ดิ้นรนทำได้ตามเป้าตามงบ ด้วยการอยู่รอดบนลีกสูงสุดได้สำเร็จ

PHOTO : BG Pathum United

การเสีย โค้ชธง ไปให้กับ บีจี ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของทีมก็จริง แต่อย่างน้อยการผันเปลี่ยนเข้าสู่ยุคใหม่ภายใต้กุนซือใหม่อย่าง นาบาส ก็สามารถประคองตัวไปได้ดี แถมอย่างน้อยพวกเขาก็ได้นักเตะอย่าง ณัฐพล วรสุทธิ์ กองกลางจาก บีจี ปทุม กลับมาเล่นให้กับทีมอีกครั้งด้วยสัญญายืมตัวอีกครั้งด้วย

ดาวเตะวัย 27 ปี ที่มีปัญหาเรื่องสายตาที่เป็นโรค ตาขี้เกียจ (Lazy Eye) สร้างชื่อจากผลงานช่วย นครปฐม ในลีกรอง จนฟอร์มไปเตะตา กระต่ายแก้ว ที่คว้าตัวไปร่วมทีมในปี 2021 นับเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในอาชีพของเจ้าตัว ที่เคยถูก บูลลี่ ดูถูกว่าเป็น ‘นักเตะตาเดียว’ หรือ ‘ไอ้บอด’ มาตลอด แต่เขาใช้ผลงานในสนามตอกหน้า จนปูทางไปอยู่กับทีมระดับหัวแถวของลีกสูงสุดได้สำเร็จ ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ บีจี จะเล็งนักเตะเสริมทัพจากลีกรอง

ถึงแม้เส้นทางการค้าแข้งของเขากับ บีจี จะไม่ถึงกับไปได้สวยอย่างที่หวัง แต่การย้ายกลับมาเล่นให้กับ นครปฐม ในซีซั่นนี้ อาจเป็นการช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับ ณัฐพล จากการได้ลงเล่นทุกรายการไป 10 นัด ทำไป 1 แอสซิสต์

PHOTO : NakhonpathomUnited

ภาพรวมการเล่นของ นครปฐม ปีนี้ อาจจะมีช่วงที่ลุ่มๆ ดอนๆ อยู่บ้าง แต่ผลงานที่ประทับใจไม่รู้ลืมของพวกเขาในเกมลีกเกมหนึ่ง คงหนีไม่พ้นการบุกไปคว้าชัยเหนือ บีจี ปทุม ถึงถิ่น 2-1 ซึ่งเป็นเรื่องที่ตลกร้ายยิ่งกว่าที่เกมนั้น กลายเป็นเกมสุดท้ายของ โค้ชธง ที่ได้รับโอกาสคุมทัพ กระต่ายแก้ว

ทุนหนาแต่หาจุดลงตัวไม่เจอ

หากเทียบงบประมาณในการทำทีมต่อหนึ่งฤดูกาลของ บีจี ที่มากกว่า 200 ล้านบาท กับ นครปฐม ความแตกต่างของเม็ดเงินส่วนนั้นห่างกันเกือบ 10 เท่าตัว แต่ผลลัพธ์ที่ทาง กระต่ายแก้ว ได้รับกลับมาในซีซั่นนี้ ต้องยอมรับกันตามตรงว่าน่าผิดหวังอยู่ไม่น้อยทีเดียว

ในช่วงต้นฤดูกาล โค้ชธง มีผู้เล่นระดับท็อปอยู่ในมือมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เฟร็ดดี้ อัลวาเรซ, อีกอร์ เซอร์เกเยฟ, ชนาธิป สรงกระสินธ์, สารัช อยู่เย็น, สองพี่น้องตระกูล ฟานดี้ อย่าง อิ๊กซาน และ อิรฟาน รวมไปถึง ธีรศิลป์ แดงดา ซึ่งนับเป็นผู้เล่นระดับตัวทีมชาติทั้งสิ้น

PHOTO : BG Pathum United

อย่างไรก็ตามการประกอบร่างกันของเหล่าซูเปอร์สตาร์ กลับออกมาไม่ลงตัวแบบที่หลายคนคาดหวัง ไม่ว่าตั้งแต่ยุคที่ โค้ชธง คุมทัพอยู่ หรือแม้แต่เปลี่ยนกุนซือมาเป็น มาโกโตะ เทกุระโมริ ในปัจจุบัน คำถามที่แฟนบอลต่างสงสัย คือ ตกลงแล้วใครคือ 11 ตัวจริงที่ดีที่สุดของ บีจี? แล้วเมื่อไหร่ทีมจะเล่นกันได้แบบไหลลื่นสมกับเป็นทีมใหญ่ที่มีลุ้นแชมป์ลีกสักที

เกมที่ทำให้แฟนบอลผิดหวังมาที่สุดในยุคของ โค้ชธง คือช่วงที่เขาประกาศอำลาทีม หลังจบลีกเลกแรกซึ่งเหลือเกมอีกสองนัดสุดท้าย คือ การเจอกับ นครปฐม ยูไนเต็ด อดีตทีมเก่า และ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่เป็นเกมที่เล่นในบ้านติดกันสองนัด

PHOTO : BG Pathum United

อย่างไรก็ตาม บีจี กลับเปิดหัวสองเกมอำลา โค้ชธง ด้วยการพ่ายให้กับ เสือป่าราชา คาบ้าน กลายเป็นว่าเกมกับ กว้างโซ้งมหาภัย หน้าที่ในการคุมทีมตกเป็นของ ‘โค้ชง้วน-สุรชัย จตุรภัทรพงษ์’ มานั่งแท่นเป็นกุนซือขัดตราทัพ ซึ่งเกมนั้นผลจบลงที่การเสมอกันไป 2-2 แถมทีมเยือนยังเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนกว่าครึ่งชั่วโมง จากการที่ มาร์โก บัลลินี่ ถูกใบแดงไล่ออกจากสนามตั้งแต่นาทีที่ 59 แต่กว่า บีจี จะได้ประตูตีเสมอจาก อีกอร์ เซอร์เกเยฟ ก็ต้องทนรอกันถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

ผลงานอันลุ่มๆ ดอนๆ ของ บีจี ยังคงออกอาการเดิมมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งก็ต้องมารอดูกันว่า พวกเขาจะเจอจุดเปลี่ยนที่ผสมผสานวัตถุดิบในมือได้ลงตัวเมื่อไหร่? การล้างตากับ นครปฐม ด้วยการบุกไปเก็บสามแต้มเพื่อเอาคืนจากความอับอายในเกมเลกแรก อาจเป็นการแก้ตัวให้แฟนบอลมองสโมสรในทิศทางที่บวกมากขึ้น

PHOTO : BG Pathum United

ยิ่งไปกว่านั้นกิมมิคเล็กๆ น้อยๆ ของเกมนี้ คือ การกลับไปเล่นบอลอาชีพอย่างเป็นทางการนัดแรก ในจังหวัดที่เป็นถิ่นฐานบ้านเกิดของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมคเกอร์ดาวเด่นของ บีจี และ ทีมชาติไทย ที่เคยออกไปผจญภัยค้าแข้งในศึก เจ ลีก ให้กับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร และ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ จนได้รับการยอมรับเรื่องฝีเท้าในระดับเอเชียมาแล้ว

ความพร้อมล่าสุด

สภาพความพร้อมล่าสุดของเจ้าถิ่น นครปฐม เกมนี้ ไม่มีปัญหาตัวผู้เล่นบาดเจ็บหรือติดโทษแบน ทุกคนพร้อมลงสนามเป็นกำลังหลักให้กับทีมได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เลสลี่ย์ อับโบห์ กองกลางกัปตันและหัวใจของทีม, ทาคุ อิโตะ แนวรุกความเร็วสูงชาวญี่ปุ่น และ อาทิตย์ เบิร์ก ดาวเตะสาระพัดประโยชน์ดีกรีผ่านการเล่นให้กับทีมชาติไทยชุดใหญ่มาแล้ว

PHOTO : NakhonpathomUnited

สำหรับฟอร์มการเล่นของ เสือป่าราชา 5 เกมหลังสุดไม่ดีเอาเสียเลย คว้าชัยชนะไปได้เพียงเกมเดียว เสมอ 1 นัด และแพ้ไปถึง 3 นัด เริ่มต้นจาก บุกพ่าย สุโขทัย 1-3 (ไทยลีก), แพ้คารังให้กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด 1-2 (ไทยลีก), บุกชนะ ชลบุรี เอฟซี 1-0 (ไทยลีก), แพ้คาบ้านให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 0-2 และเสมอกับ เชียงราย ยูไนเต็ด 0-0 (ไทยลีก)

ส่วนทางฝั่งทีมเยือน บีจี ปทุม ยูไนเต็ด จะยังคงอดใช้งาน อีกอร์ เซอร์เกเยฟ และ เซย์ดีน เอ็นดิอาเย ที่ยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บยาว นอกเหนือจากนั้นไม่มีตัวเจ็บหรือติดโทษแบนเพิ่มเติม ทุกคนพร้อมเป็นกำลังหลักในการลงเล่นเกมนี้ได้ทั้งหมด นำทัพมาโดยสองดาวยิงฟอร์มร้อนอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา และ อิ๊คห์ซาน ฟานดี้ ที่เพิ่งยิงประตูได้ในเกมเปิดบ้านชนะ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ฉิวเฉียด 3-2 นอกจากนี้ เจ-ชนาธิป เพลย์เมคเกอร์ตัวเก่ง พร้อมลงโชว์ทักษะสุดเหนือ และ ลุ้นเบิกสกอร์ ต่อหน้าแฟนบอลในจังหวัดบ้านเกิดของเขาอีกด้วย

PHOTO : BG Pathum United

ฟอร์มการเล่น 5 นัดหลังสุดของทัพ กระต่ายแก้ว ถือว่าอยู่ในระดับที่พอใช้ได้ ชนะ 3 นัด เสมอ 1 นัด และพลาดท่าพ่ายไป 1 นัด ไล่มาตั้งแต่ เสมอ ชลบุรี เอฟซี 1-1 (ไทยลีก), บุกชนะ ราชบุรี เอฟซี 3-0 (ลีกคัพ), เปิดบ้านพ่าย การท่าเรือ 1-3 (ไทยลีก), บุกชนะ ราชบุรี เอฟซี 1-0 (ไทยลีก) และ เปิดบ้านเบียดชนะ ขอนแก่น ยูไนเต็ด 3-2 (ไทยลีก) ลุ้นเก็บชัยเป็นเกมที่สามติดต่อกัน แต่พวกเขาก็มีเกมบอลถ้วยนัดสำคัญรออยู่ในศึก ลีก คัพ ที่เป็นเกมบิ๊กแมตช์ ต้องดวลกับ การท่าเรือ เอฟซี ในอีกสามวันให้หลัง ซึ่งเป็นเพียงรายการเดียวที่พวกเขายังมีลุ้นแชมป์อยู่

ส่วนสถิติการพบกันทั้งหมดของสองทีมนี้ 3 เกม เป็นทาง บีจี ที่ทำได้ดีกว่า ด้วยการเก็บชัยไป 2 นัด ในศึก ลีก คัพ ปี 2018 ที่บุกชนะ 1-0 และลีกคัพปีก่อนที่บุกชนะแบบสุดมัน 3-2 และพลาดท่าพ่ายในเกมล่าสุดในเกมลีกเลกแรกนัดเดียว 1-2

PHOTO : BG Pathum United

ผลลัพธ์ของการเจอกันรอบนี้ของทั้งสองทีมจะออกหน้าไหน คงยังไม่สามารถคาดเดาได้ชัดเจน แต่หากมองจากการพบกันที่ผ่านมาทั้งหมด การันตีได้เลยว่า ‘มีประตูแน่ๆ’ เพราะทั้งคู่ไม่เคยจบเกมด้วยการเสมอกันแบบจืดๆ ไร้สกอร์สักเกมเดียว

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : 

https://www.facebook.com/BGPATHUMUNITED/photos/a.10151734527954974/10159953757459974/?type=3

https://www.thaipbs.or.th/news/content/327515

https://www.sofascore.com/nakhon-pathom-united-bg-pathum-united/hmosYjcc

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด

mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

MOST POPULAR

สนใจโฆษณาติดต่อ