‘บีจี’ เปิดรังรับ ‘เทโร’ เกมล้างแค้นส่งท้ายสู่ ‘ไทยลีก สอง’

‘บีจี’ เปิดรังรับ ‘เทโร’ เกมล้างแค้นส่งท้ายสู่ ‘ไทยลีก สอง’
ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มดีขึ้นเรื่อยๆ หลังกลางสัปดาห์เพิ่งเอาชนะในเกม บิ๊ก แมตช์ เหนือการท่าเรือ เอฟซี ในศึก รีโว่ ลีก คัพ แบบฉิวเฉียด 2-1 เตรียมตัวรอชิงชนะเลิศกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งรายการนี้เป็นรายการเดียวที่ทั้งสองฝ่ายมีลุ้นจะประสบความสำเร็จด้วยการเป็นแชมป์ฤดูกาลนี้

ส่วนทางฝั่ง โปลิศ เทโร ผู้มาเยือนนั้นจะลงเล่นเป็นเกมส่งท้ายบนลีกสูงสุดซีซั่นนี้ หลังตกชั้นไปอย่างเป็นกทางการก่อนหน้านี้ ต้องไปเริ่มต้นกันใหม่ในการสร้างทีมเพื่อลงแข่งขันใน ไทยลีก สอง ฤดูกาลหน้า ซึ่งต้องยอมรับตามตรงว่าไม่ง่ายหากหวังลุ้นคว้าโควต้าเลื่อนชั้น เพราะทีมใหญ่อย่าง ชลบุรี เอฟซี ก็กอดคอลงไปด้วย ยังไม่นับสโมสรหน้าเดืมๆ ในลีกรอง ที่มีขับเคี่ยวกันอย่างเมามันอยู่เป้นประจำ

PHOTO : BG Pathum United

การเจอกันก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าช่วงหลังจะเป็นฝ่าย โปลิศ เทโร ที่บุกมาทำแสบกับ กระต่ายแก้ว ทั้งในบอลลีกและบอลถ้วย ทั้งที่สภาพทีมและศักยภาพนักเตะแตกต่างกันแบบคนละชั้น แต่กลายเป็นว่าเรื่องของการวางแท็คติก รวมไปถึงการผสมผสานผู้เล่นนั้นมีความลงตัวไม่เหมือนกัน

เกมนัดนี้จึงมีความหมายกับทางเจ้าถิ่นพอสมควร ในเรื่องของการหวังล้างแค้นเป็นการส่งท้ายคู่ปรับอย่าง เทโร ให้ช้ำใจเล่นๆ ก่อนจะลงไปเริ่มต้นฤดูกาลหน้าใน ไทยลีก สอง แล้วถ้าหวังจะกลับมาทำแสบกันอีกครั้ง ก็ต้องรอลุ้นกันอีกนานที่ไม่สามารถกำหนดได้ว่าเมื่อไหร่?

PHOTO : BG Pathum United

เกมที่ทาง บีจี พลาดท่าพ่ายให้กับ เทโร แบบแสบสันนั้นคือเกมใด? ทางฝั่ง บีจี มีช่วงเวลาใดที่เคยถล่มเอาชนะคู่ปรับทีมนี้? เรื่องราวดราม่าที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเกมสุดดราม่าที่มีตัวละครเป็นสองรุ่นพี่รุ่นน้องในทีมชาติไทยนั้นคือใคร? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

เคยถล่มก่อนจมคารัง

ย้อนกลับไปในยุคที่ บีจี ยังใช้ชื่อเดิมว่า บางกอกกลาส เอฟซี และทาง โปลิศ เทโร ยังใช้ชื่อเก่าว่า บีอีซี เทโรศาสน การเจอกันของสองทีมนี้ ณ สนามเหย้าของฝั่ง เดอะ แรบบิท ดูเหมือนว่า จะมีช่วงที่เจ้าถิ่นข่มทีมเยือนซะมิดสองฤดูกาลติดต่อกัน

ไฮไลท์เกมที่ บางกอกกลาส ถล่ม บีอีซี ขาดลอย 5-0

เกมแรกต้องย้อนกลับไปทีในยุคของ ริคาร์โด้ โรดริเกซ ที่มีขุนพลตัวชูโรงเป็น แมตต์ สมิธ, ำดำ, ลาซารัส คาอิมบี้ และ ดาร์โก้ ทาเซฟสกี้ ลงเตะเกมลีกกันเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2015 ปรากฎว่าเป็นทางฝั่ง บางกอกกลาส ที่ถล่มทางอาคันตุกะ บีอีซี ภายใต้การคุมทัพของ เคนนี่ ชีลด์ส เป็นยุคที่เริ่มเปลี่ยนถ่ายหันมาใช้ขุมกำลังยุคใหม่อย่าง อดิศร พรหมรักษ์, ทริสตอง โด, พีรพัฒน์ โน้ตชัยยา และ เจนรบ สำเภาดี แบบขาดลอย 5-0 แบบเรียงคิวยิงกันไม่ซ้ำหน้า

ไฮไลท์เกมที่ บางกอกกลาส ถล่ม บีอีซี ขาดลอย 5-1

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อถัดไปอีกหนึ่งซีซั่น ปฏิทินการเจอกันในเกมลีกวนเวียนมาพบกันอีกรอบ ปรากฎว่าเป็นทาง บางกอกกลาส ภายใต้การคุมทัพของ โค้ชจุ่น-อนุรักษ์ ศรีเกิด เปิดรังเหย้าถล่มเอาชนะ บีอีซี ลูกทีมของ บรานโก สมิยานิช แบบไม่ไว้หน้าอีกครั้ง 5-1 นับเป็นช่วงเวลาที่ กระต่ายแก้ว ดีกว่าทัพ มังกรไฟ อย่างชัดเจน

แต่แล้วเมื่อช่วงเวลาที่เปลี่ยนผ่านตามธรรมชาติของฟุตบอล การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นกับทั้งสองทีม ไม่ว่าจะเป็นการรีแบรนด์ของ บางกอกกลาส ที่กลายมาเป็น บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และทาง บีอีซี เทโรศาสน ก็เปลี่ยนชื่อมาเป็น โปลิศ เทโร ส่วนนักเตะและโค้ชก็มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปตามผลงาน

แล้วเมื่อช่วงที่ บีจี กำลังออกอาการเป๋แบบกู่ไม่กลับภายใต้การทำทีมของ แม็ตต์ สมิธ มีโปรแกรมสำคัญโคจรมาเจอกับ โปลิศ เทโร ที่กำลังดีขึ้นมาภายใต้การทำทีมของ โค้ชอ้น-รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ในศึก เอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ ในวันที่ 1 มีนาคม 2566 แฟนบอลบางส่วนอาจคาดการณ์เอาไว้ว่า กระต่ายแก้ว ที่ได้เล่นในรัง อาจมาถึงจุดเปลี่ยนหากเก็บชัยได้ในเกมดังกล่าว เพราะว่า ขุมกำลังนั้นดีพร้อมและเหนือกว่าพอสมควร

อย่างไรก็ตามบทสรุปเกมดังกล่าวนั้นจบลงแบบพลิกโผ แม้ว่าเจ้าบ้าน บีจี จะเปิดหัวได้สวย ด้วยการได้ประตูออกนำไปก่อน 1-0 จากการยิงของ ธีรศิลป์ แดงดา ตั้งแต่นาทีที่ 7 แต่แล้วทีเด็ดในการแก้เกมของ โค้ชอ้น ก็พาทีมกลับมาพลิกชนะได้อย่างน่าเหลือเชื่อในช่วงครึ่งหลัง

ไฮไลท์เกม เทโร เขี่ย บีจี ตกรอบ เอฟเอ คัพ ปีก่อน

เริ่มต้นครึ่งหลังผ่านมาได้เพียงสองนาที จักรพันธ์ ไพรสุวรรณ พลาดทำเข้าประตูตัวเอง ทำให้สกอร์กลับมาเสมอกันที่ 1-1 แล้วพอมาถึงนาทีที่ 73 ทางด้าน ชานุกูล ก๋ารินทร์ ก็กลายมาเป็นฮีโร่ยิงประตูชัยให้ เทโร แซงชนะไป 2-1 ก่อนจบเกมไปด้วยสกอร์นี้ ผ่านเข้าไปเล่นรอบรองชนะเลิศ แล้วไปจอดป้ายด้วยการแพ้ให้กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด 0-4

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่า บีจี จะแอบเก็บความแค้นเล็กๆ ไว้ในใจ แล้วหวังว่าพอถึงทีของพวกเขาบ้าง คงต้องเอาคืนอย่างสามสมให้ได้ เพื่อแก้ตัวจากความผิดหวังที่เป็นรอยด่างจากซีซั่นก่อน

ดราม่าแถมฝากแผล

ย้อนกลับไปเมื่อยุคบอลไทยกำลังเข้าสู่ช่วงบูม การเจอกันของ บางกอกกลาส และ บีอีซี เทโรศาสน นั้นสามารถการันตีได้เลยว่าเป็นเกมที่สนุกทุกครั้ง สู้กันแบบยิบตาไม่มีใครยอมใคร นักเตะใส่กันแบบเกินร้อยแบบไม่มีเกรงใจ จนเคยมีเหตุการณ์ปะทะกันของรุ่นพี่รุ่นน้องในทีมชาติไทย จากอารมณ์ในเกมที่พุ่งพล่านมาแล้ว

โดยเกม ไทยลีก สุดเดือดเกมดังกล่าวนั้นลงเตะกันในวันที่ 18 สิงหาคม 2013 บีจี ภายใต้การคุมทีมของ โค้ชแต๊ก-อรรถพล ปุษปาคม เปิดบ้านรับการมาเยือนของ บีอีซี เทโรศาสน ที่มีทาง โฮเซ่ บอร์เจส คุมทีมอยู่ในขณะนั้น

ไฮไลท์เกมที่ เทโร บุกเชือด บีจี 3-2 พร้อมจังหวะปัญหา

สตาร์ชูโรงฝั่งเจ้าถิ่นมีทั้ง ลีซอ-ธีรเทพ วิโนทัย, พีรพงศ์ พิชิโชติรัตน์, ฟลาเวียง มิเชลินี่ และ เลอันโดร ดอส ซานโตส ส่วนทางฝั่งทีมเยือนเป็นทีมผสมผสานระหว่างดาวรุ่งและตัวเก๋านำทัพมาโดย รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค, พีรพัฒน์ โน้ตชัยยา, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ คลีตัน ซิลวา

เปิดเกมมาเพียง 19 นาที ลีซอ ก็ทำประตูให้เจ้าบ้านออกนำไปก่อน 1-0 ก่อนที่รุ่นน้องในทีมชาติอย่าง ชนาธิป จะมายิงตีเสมอให้กับ บีอีซี จนสกอร์กลับมาเสมอกัน 1-1 แล้วก็เป็นทาง ศุภเสกข์ ไก่แก้ว ยิงให้เจ้าถิ่นออกนำอีกครั้งเป็น 2-1 พอถึงทดเจ็บท้ายครึ่งแรกเป็นทาง คลีตัน ที่ยิงตีเสมอให้กับทีมเยือนเป็น 2-2 จนครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังต่างฝ่ายต่างแลกอาวุธกันอย่างเมามัน แต่คราวนี้เป็นทางอาคันตุกะที่ต่อยได้เข้าเป้าเต็มๆ แล้วได้ประตูออกนำเป็น 3-2 ในนาทีที่ 71 จาก คลีตัน ดาวยิงคนเก่งประจำทีม ที่เหมายิงลูกที่สองของตัวเองในเกมนี้ได้สำเร็จ

PHOTO : Kapook

พอสถานการณ์ของเจ้าถิ่นเป็นฝ่ายเสียเปรียบ อารมณ์ของนักบอลก็เริ่มพลุ่งพล่านเดือดขึ้น ส่วนทางฝั่งทีมเยือนก็ต้องเล่นตามแท็คติกเก็บอลไว้กับตัวบ้าง อาศัยความสามารถเฉพาะตัวเพื่อครองบอลถ่วงเวลาบ้าง แล้วสุดท้ายจังหวะปะทะกันก็เลี่ยงไม่พ้นจนได้

สุดท้ายช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่สาม ชนาธิป ถูกทาง ลีซอ ผลักหลังจนล้มลงไปเจ็บ แล้วทาง ลีซอ ก็ไปอุ้มยกตัวขึ้นมาให้เล่นต่อทันที ไม่ให้มีจังหวะถ่วงเวลา ยิ่งไปกว่านั้น มิเชลินี่ ก็เข้าไปผสมโรงเหมือนไปสัมผัสที่คอของ ชนาธิป จนคู่กรณีไม่พอใจจนเกือบจะออกไม้ออกมือตอบโต้ ท้ายที่สุดกรรมการต้องระงับเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยการแจกใบเหลืองให้กับทั้งสามคน เพื่อให้ไปสงบสติอารมณ์ก่อนเรื่องจะบานปลายไปมากกว่านั้น

อย่างไรก็ตามเรื่องราวทั้งหมดก็จบลงภายในเกม ไม่มีอะไรต่อเนื่องไปจนบานปลาย แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมเป็นการการันตีได้เลยว่า สองสโมสรนี้เจอกันครั้งใด ย่อมต้องมีสตอรี่ที่น่าสนใจให้แฟนบอลไม่สามารถคลาดสายตาไปจากเกมได้อยู่เสมอ

ความพร้อมและสถิติ

สภาพความพร้อมล่าสุดของ บีจี เกมนี้จะขาด วัฒนกร สวัสดิ์ละคร ที่ติดโทษแบน รวมไปถึง อภิสิทธิ์ โสรฎา, อิกอร์ เซอร์เกเยฟ และ เซย์ดีน เอ็นดิอาเย่ ที่ยังมีอาการบาดเจ็บรบกวนไม่พร้อมลงสนาม โดยคนอื่นๆ ที่เป็นตัวหลักยังคงอยู่กันพร้อมหน้า แต่ต้องมาลุ้นกันว่าจำเป็นต้องพักตัวเพื่อเก็บผู้เล่นคนสำคัญไว้เล่นในเกมนัดชิง ลีก คัพ กับ เมืองทอง หรือไม่? แต่คาดว่าต้องมีการลงนักเตะซีเนียร์ลงประคองทีมบ้าง ผสมผสานกับตัวสำรองบางตำแหน่ง อาทิ เช่น สารัช อยู่เย็น, พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล, เฟร็ดดี้ อัลวาเรซ และ ชนานันท์ ป้อมบุปผา เป็นต้น

PHOTO : BG Pathum United

ฟอร์มการเล่น 5 นัดหลังสุดของทัพ กระต่ายแก้ว ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ชนะ 4 นัด  และพลาดท่าพ่ายไปเพียง 1 นัด ไล่มาตั้งแต่ เปิดบ้านพ่าย การท่าเรือ 1-3 (ไทยลีก), บุกชนะ ราชบุรี เอฟซี 1-0 (ไทยลีก) และ เปิดบ้านเบียดชนะ ขอนแก่น ยูไนเต็ด 3-2 (ไทยลีก), บุกชนะ นครปฐม 3-1 (ไทยลีก) และ ชนะ การท่าเรือ เอฟซี 2-1 (สนามกลาง) เกมนี้จะเป็นการลุ้นเก็บชัยนัดที่ห้าติดต่อกัน แล้วอาจเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจก่อนจะต้องเจอศึกใหญ่

ส่วนความพร้อมของทางฝั่งทีมเยือน โปลิศ เทโร ไม่มีตัวเจ็บหรือติดโทษแบน ทุกคนพร้อมลงสนามเป็นกำลังหลักให้กับทีมได้หมดทุกคน ขึ้นอยู่กับว่า โค้ชจะตัดสินใจส่งตัวหลักลงเล่นเพื่อส่งท้ายเอาใจแฟนบอลที่ตามมาเชียร์แบบเต็มสูบหรือไม่? นำทัพมาโดย เดนนิส วิลลานูเอวา ที่เพิ่งยิงประตูเปิดหัวสุดสวยได้ในเกมนัดก่อน

ฟอร์มการเล่น 5 นัดหลังสุดของ เทโร ภายใต้การคุมทัพของ ตัน เชง-โฮ นั้นไม่ดีเท่าไหร่นัก ชนะไป 2 นัด เสมอ 1 นัด และแพ้ 2 นัด เริ่มต้นจาก เปิดบ้านชนะ อุทัยธานี 1-0 (ไทยลีก), บุกพ่าย ตราด เอฟซี 2-4 (ไทยลีก), เปิดบ้านเสมอ เชียงราย ยูไนเต็ด 0-0 (ไทยลีก), บุกแพ้ สุโขทัย เอฟซี 0-2 และพลิกล็อคเปิดบ้านถล่ม แบงค็อก ยูไนเต็ด 3-0

PHOTO : Police Tero FC

การเจอกัน 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม ไม่มีฝ่ายใดทำได้ดีกว่าจากการ ชนะ 1 นัด เสมอ 3 นัด และแพ้ 3 นัดทั้งคู่ โดยเกมล่าสุดที่เจอกันในเกมลีกซีซั่นนี้ก็เพิ่งจบลงด้วยผลเสมอกันไปแบบสุดมัน 2-2 ที่สนาม บุญยะจินดา รังเหย้าของ เทโร

สุดท้ายแล้วเกมนี้ต้องมาลุ้นกันว่า บีจี จะล้างแค้น เทโร ทีมคู่ปรับสุดแสบได้สำเร็จ เป็นการส่งลง ไทยลีก สอง อย่างสมบูรณ์หรือไม่? หรือทางฝั่งทีมเยือนจะบุกมาย้ำแค้นให้เจ็บใจ แล้วต้องรอพวกเขาเลื่อนชั้นมาอีกครั้ง เพื่อจะได้ล้างตากันอีกในอนาคต ซึ่งไม่รู้ว่าจะต้องรอกันไปจนถึงเมื่อไหร่ เพราะไม่มีใครการันตีได้ว่า เทโร จะเลื่อนชั้นขึ้นมาได้ในซีซั่นเดียว

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : 

https://www.siamsport.co.th/football-thailand/thai-fa-cup/15051/

https://www.transfermarkt.com/

https://www.sofascore.com/

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด

mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

MOST POPULAR

สนใจโฆษณาติดต่อ