บทบาทในวงการฟุตบอลไทยของ "ชาดา ไทยเศรษฐ์"
หลังจากที่ประชาชนคนไทยกว่าครึ่งค่อนประเทศ ได้รับชมข่าวสารเกี่ยวกับการประชุมสภาครั้งล่าสุด ที่มีวาระสำคัญเกี่ยวกับการโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย หนึ่งในสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายหนึ่งจากจังหวัดอุทัยธานี ที่มีคลิปวิดีโอกลายเป็นไวรัล กระจายไปทุกแพลตฟอร์ม ย่อมหนีไม่พ้น ชาดา ไทยเศรษฐ์ ซึ่งสังกัดพรรคภูมิใจไทย
เจ้าของวลีเดือดในการประชุม “ขอออกกฎหมายใหม่ ยิงคนหมิ่นสถาบันแล้วไม่ติดคุก” ซึ่งเขาเป็นตัวแทนจากพรรคคนแรกที่ขึ้นอภิปราย ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ถูกจับตามองจากประชาชนทันที ด้วยจุดยืนที่หนักแน่น ตรง แรง ฟาดเดือดแบบดุดันไม่เกรงใจใคร
อย่างไรก็ตามนอกจากบทบาททางการเมืองที่โชกโชนแล้ว ตัวของเขายังเคยมีช่วงเวลาที่แวะเวียนมาข้องเกี่ยวกับวงการฟุตบอลไทยอีกด้วย โดยบทาทของเขาในแวดวงลูกหนังนั้นเคยผ่านประสบการณ์ใดมาบ้าง ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
ประวัติอันแสนโชกโชน
ครอบครัวของ ชาดา เป็นครอบครัวมุสลิมปาทาน ที่อพยพจากประเทศปากีสถานมาตั้งรกรากอยู่ที่จังหวัดอุทัยธานีตั้งแต่รุ่นปู่ ทำธุรกิจค้า ซุง และ เนื้อ จนสามารถตั้งตัวเป็นพ่อค้าเนื้อรายใหญ่ในจังหวัดอุทัยธานี เติบโตจนถึงขั้นขยายตลาดส่งออกไปขายต่างประเทศได้
แต่ด้วยแวดวงธุรกิจที่มีเรื่องของอิทธิพลมืดเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่งผลให้ พ่อ, แม่ และ พี่ชาย ของเขา ถูกยิงเสียชีวิตไล่เรียงมาตามลำดับ เหลือเพียงเขากับน้องสาวชื่อว่า ‘มนัญญา’ ใช้ชีวิตร่วมกันมาเพียงแค่สองคน เติบโตมาร่วมกัน
หลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาตรีและโท ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ชาดา ก็เริ่มผันตัวเข้าสู่แวดวงการเมืองเริ่มจากการเป็นนากยกเทศมนตรีจังหวัดอุทัยธานี ต่อยอดด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคท้องถิ่นไทยตั้งแต่ปี 2543-2550 แล้วเคยได้รับเลือกเป็น สส. 2 สมัย ตอนสังกัดพรรคชาติไทย และ ชาติไทยพัฒนา
พอย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทยในปี 2561 ก็สามารถไต่เต้าไปดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 แล้วล่าสุดก็เพิ่งชนะการเลือกตั้งปี 2566 ขึ้นแท่นเป็น สส. จังหวัดอุทัยธานีอีกสมัย
อย่างไรก็ตามประวัติของเขาที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นมาเฟียก็มีไม่น้อย เริ่มตั้งแต่ คดีจ้างวานฆ่า ปี 2546 แต่ถูกยกฟ้อง, เคยถูกลอบยิงที่จังหวัดนครราชสีมา ปี 2555 แต่กลับเป็นลูกชายที่เสียชีวิตแทน, เคยถูกตรวจค้นบ้านแล้วเจออาวุธสงครามในครอบครอง รวมไปถึงขบวนรถที่มีอาวุธปืนกับยาอี ในปี 2560 และสุดท้ายปี 2565 เคยตบหน้า สส. ระหว่างการอภิปรายมาแล้ว
แต่แม้ว่าเขาจะดูเป็นแบดบอยในวงการเมือง แต่ในแวดวงกีฬาแฟนบอลจังหวัดอุทัยธานีและทีมชาติไทยยุคเยาวชนเมื่อหลายปีก่อน อาจมองเขาอีกแบบ
บทบาทในแวดวงลูกหนัง
ในปี 2011 ชาดา เคยถูกทาง ‘บังยี’ วรวีร์ มะกูดี ทาบทามให้มารับตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติไทย ชุดอายุต่ำกว่า 19 ปี แล้วก็ตอบตกลงทันควัน ซึ่งตอนนั้นไทยรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพศึกชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก โดยมีเฮดโค้ช คือ ‘น้าฉ่วย’ สมชาย ชวยบุญชุม
ปรากฏว่าผลงานของทีมชุดนั้นไปได้ไกลเกินคาด คว้าแชมป์กลุ่มมาครองได้ มีเกมระดับมาสเตอร์พีซ ชนะ เกาหลีใต้ 1-0 และเสมอญี่ปุ่น 0-0 แต่หลังจากผ่านเข้ารอบสุดท้าย แล้วมีการเปลี่ยนแปลงโค้ชก็ตกรอบไปตามระเบียบ ส่วนทาง ชาดา ก็วางมือจากตำแหน่งผู้จัดการทีม หันไปอยู่กับอีกขั้วอำนาจกับ วิรัช ชาญพาณิชย์ ซึ่งตัวของเขาก็ผันตัวมาลงสมัครเป็นสภากรรมการแข่งกับขั้วอำนาจเดิมอย่าง บังยี อีกด้วย
ส่วนในแวดวงกีฬาฟุตบอลในภูมิลำเนาจังหวัดอุทัยธานี ชาดา เริ่มจากการพูดคุยกับ พีระพล นุชนาฏ เรื่องประธานสโมสร แอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด ที่มีปัญหาภายใน จึงทำเรื่องการขายสิทธิ์การทำทีม แล้วมีการเปลี่ยนชื่อสโมสรมาเป็น อุทัยธานี เอฟซี โดยสโมสรดั้งเดิมอย่าง อุทัย ฟอร์เรสต์ ก็ยุติการทำทีมไปตามตัวบทกฏหมาย
โดยเงินสนับสนุนการทำทีมของ อุทัยธานี เอฟซี นั้นได้มาจาก ‘เสี่ยชัย’ วิชัย ปั้นงาม ส่วนหน้าที่ของ ชาดา ในช่วงแรกก็นั่งแท่นประธานสโมสรแต่ในนาม ให้เงินสนับสนุนเพียงแค่ครั้งคราวเป็นก้อนเท่านั้น ส่วนเรื่องของการบริหารทีมก็มีการดึงเอา ‘บอสเบนซ์’ ธนาชัย ปั้นงาม เข้ามาเป็นคนทำทีม
ภายหลังทางฝั่ง ชาดา และ เสี่ยชัย-บอสเบนซ์ เกิดกรณีเข้าใจผิดเรื่องของการถือสิทธิ์ว่าใครจะเป็นคนทำทีมที่แท้จริงกันแน่ พร้อมกับมีสื่อบางรายให้ข้อมูลที่ทำให้เกิดความสับสน ต่างฝ่ายจึงอยากจะถอนตัวทั้งคู่ แต่ล่าสุดสถานการณ์จบลงเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นทาง ชาดา ที่ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า
"ผมไม่รู้เรื่องข่าว และเสี่ยชัยก็ไม่สบายใจ ผมเองเข้าใจเสี่ยชัยดี แต่ที่ผมช็อคเรื่องเลิกทำบอล คือโครงการมีสนามมีอะไรเตรียมหลายอย่างช่วงน้องเบนซ์ทำ ผมไม่สนับสนุนอะไรเลยสักบาทมีแต่อัดฉีดบ้างบางครั้ง ยังคิดว่าจะช่วยอย่างไรดีเพราะมันต้องใช้เงินพอสมควร"
"ลูกผมขอคุยกับผมว่าอย่าทำฟุตบอลเด็ดขาด ตอนนี้กระแสหาว่าไปแย่งเค้ามา เห็นเค้าทำดี ผมบอกลูกว่าอย่าไปสนใจ คนบ้านเราเขาเข้าใจเราดี ลูกบอกว่าคนอุทัยเค้าว่าพ่อกัน และสิ่งที่ผมอยากบอกกับสังคม คือผมทำไม่ไหวครับ"
"ใครจะทำต่อก็รับไปเป็นชื่ออุทัยธานีเอฟซี และเบนซ์เป็นคนเริ่มต้น เป็นเกียรติยศกับตระกูลปั้นงาม ถ้าทำไปไม่รอดก็ไม่เกี่ยวกับน้อง ผมเองก็คิดหนักว่าทำอย่างไรดี ความเป็นชาดามันหาทางดิ้นรนแต่ไม่ใช่อุทัยเอฟซี ผมบอกได้เลยผมไม่ทำ คนที่เหมาะสมที่สุดในโลกที่ทำทีมอุทัยคือน้องเบนซ์ครับ"
เมื่อเรื่องราวทุกอย่างเคลียร์กันลงตัว บอสเบนซ์ ก็เข้ามารับตำแหน่งประธานสโมสร อุทัยธานี เอฟซี อย่างเต็มภาคภูมิ แล้วกำลังอยู่ในช่วงของการเตรียมทีมลุยศึก ไทยลีก ฤดูกาลหน้า ซึ่งดูจากการเสริมขุมกำลังต่างๆ แล้วท่าทางจะไปได้วยทีเดียว
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : https://www.mainstand.co.th/th/news/1/article/12536
https://www.sanook.com/news/8931338/
https://www.thaipbs.or.th/news/content/287402
https://www.matichon.co.th/sport/thai-sport/news_3369948#google_vignette
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
สโมสร ‘แตงโม’ : ตำนานแชมป์เงินล้านบอลเดินสายสองปีติดทีมเดียวในประเทศไทย
ศราวุฒิ มาสุข : กับชีวิตใหม่ในเส้นทางฟุตบอลเดินสาย
เทพนิยายภูธร : ‘สโมสร ดอนมูล’ ตำนานทีมระดับตำบลผู้พิชิตแชมป์ เอฟเอ คัพ
เมื่อครั้งหนึ่ง “อิชิอิ” เคยทำงานในโรงอาหาร หลังคว้ารองแชมป์สโมสรโลก
คล้ายตรงไหนบ้าง? : ศุภณัฏฐ์ นักเตะเงา โลซาโน่ ในสายตาสื่อต่างประเทศ
เวียดนามกร้าวก่อนซีเกมส์ : "4 ปีก่อน ทรุสซิเย่ร์ ก็เคยพาทีมเวียดนามยู 19 เอาชนะไทยมาแล้ว
เก่งในสนามไม่พอ : สาเหตุใด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึงครองความยิ่งใหญ่ได้แบบยั่งยืน ?
บุรีรัมย์ ยังห่างแค่ไหน ? 10 สถิติไร้พ่ายนานที่สุดในโลก ณ ตอนนี้
คุณสมบัติอะไรที่ทำให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นทีมไร้พ่ายนานที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ ?