long-read

poppular

Top

Japan

Hajime Moriyasu

ญี่ปุ่น

ทีมชาติญี่ปุ่น

ฮาจิเมะ โมริยาสุ

บทเรียน หรือ ตำหนิ? : ชาวญี่ปุ่นคิดอย่างไร หลัง “ซามูไรบลู” ไร้ชัย 2 นัดในเกมอุ่นเครื่อง

ทีมชาติญี่ปุ่น ประเดิมการรแข่งขันนับตั้งแต่จบการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ได้ไม่ดีนัก หลังทำได้แค่เพียงเสมอ 1 แพ้ 1 ในการพบกับอุรุกวัยและโคลอมเบีย สองทีมแกร่งจากอเมริกาใต้

แน่นอนว่าย่อมก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์ที่หลากหลาย Think Curve - คิดไซด์โค้ง จึงขอพาไปดูว่าแฟนบอลญี่ปุ่น มีความคิดเห็นอย่างไรกับทีมชาติของพวกเขา

ติดตามได้ที่นี่

การเริ่มต้นใหม่

หลังจากทำผลงานได้อย่างลือลั่นในฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการเอาชนะอดีตแชมป์โลกอย่าง เยอรมัน และสเปน พร้อมทะลุเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ฮาจิเมะ โมริยาสุ กุนซือของทีม ก็ได้รับความไว้วางใจจากสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น (JFA) ด้วยการต่อสัญญายาวไปอีก 4 ปี

ทำให้กิรินคัพ 2023 หรือเกมอุ่นเครื่องที่จัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่จะพบกับ อุรุกวัย และโคลอมเบีย สองทีมแกร่งจากละตินอเมริกา จะเป็นนัดแรกของซามูไรบลู รวมถึงโค้ชโมริยาสุ นับตั้งแต่เวิลด์คัพฉบับตะวันออกกลาง 2022

และโมริยาสุ ก็เซอร์ไพรส์แฟนบอลตั้งแต่การประกาศรายชื่อผู้เล่น ด้วยการเรียกผู้เล่นที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในนามทีมชาติชุดใหญ่มาถึง 6 ราย

ไม่ว่าจะเป็น คาชิฟ บังนากันเด กองหลังลูกครึ่งญี่ปุ่น-กานาของเอฟซี โตเกียว, อายูมุ เซโกะ แนวรับ กลาสฮอฟเปอร์ ซูริกในลีกสวิส, โคกิ มาจิดะ เซนเตอร์ร่างโย่งของยูเนียน เอสจี ของเบลเยี่ยม, ฮารุยะ ฟูจิ กองหลัง นาโงยา แกรมปัส, ริกุ ฮันดะ แนวรับ กัมบะ โอซากา และ เคอิโตะ นาคามูระ กองกลางจาก แอเอเอสเค ในลีกออสเตรีย

“เราต้องสู้เพื่อชัยชนะในแต่ละเกมต่อหน้ากองเชียร์ของเรา และพยายามสร้างทีมสู่ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย” โมริยาสุ กล่าวในงานแถลงข่าว

นอกจากนี้ แม้ว่า 26 ขุนพลในกิรินคัพชุดนี้ จะมีผู้เล่นจากฟุตบอลโลก 2022 ติดทีมมาถึง 16 คนแต่ส่วนใหญ่ เป็นผู้เล่นอายุน้อย และทำให้อายุเฉลี่ยในทีมชุดนี้อยู่ที่ 23.5 ปี โดยมีผู้เล่นอายุเกิน 30 ปีแค่ 3 คนคือ ดาเนียล ชมิดต์, จุนยะ อิโต และ วาตารุ เอ็นโด

“ผมอยากจะเพิ่มความลึกให้กับชุดนักเตะเพื่อสร้างทีมชาติที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ผมหวังว่าผู้เล่นเหล่านั้น จะใช้โอกาสนี้อย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาตัวเองในฐานะผู้เล่นในระดับรายบุคคล” อดีตกุนซือซานเฟรซเช ฮิโรชิมา กล่าวต่อ

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ดูจะขัดใจมากที่สุดคือการไม่มีชื่อของเฮียวโงะ ฟูรูฮาชิ กองหน้ากลาสโกว์ เซลติก ที่รั้งผู้นำดาวซัลโว ของลีกสก็อตแลนด์ ด้วยการยิงไปแล้ว 20 ประตูในฤดูกาลนี้

ก่อนที่สุดท้าย ซามูไรบลูของ โมริยาสุ จะไม่สามารถคว้าชัยได้เลยแม้แต่เกมเดียว หลังเสมอกับ อุรุกวัย 1-1 ในนัดแรก และโดน โคลอมเบีย พลิกแซง เอาชนะไปได้ 2-1 ต่อหน้าแฟนบอลที่เข้ากันมาเกือบเต็มความจุ ในสนามกีฬาแห่งชาติกรุงโตเกียว และ โยโกโดะ ซากุระ สเตเดียม ที่โอซากา

และทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ที่หลากหลาย

เกมสุดตื่นเต้น

หลังเกมทั้งสองนัด แฟนบอลชาวญี่ปุ่นดูเหมือนจะพอใจกับผลงานโดยรวมของทีมที่สามารถต่อกรกับ อุรุกวัย และโคลอมเบีย ซึ่งเป็นทีมชั้นนำของโลกได้อย่างสูสี รวมถึงยอมรับว่าหากจะไปถึงระดับโลก พวกเขายังต้องพยายามอีกมาก

“ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ต้องสู่กับคู่แข่งระดับโลกอย่างไม่ต้องสงสัย กำแพงนั้นสูงและหนา กว่า 200 ประเทศ ใน 5 ทวีปที่ลงสู้กันในรอบคัดเลือก และมีเพียงผู้ชนะเท่านั้นที่จะผ่านเข้าไปในรอบสุดท้าย” แอคเคาท์ JIN377731 กล่าวในทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของ JFA

“ด้วยความที่มีทีมแข็งแกร่งมากมายอยู่ในโลกใบนี้ เส้นทางสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายจึงเป็นสิ่งที่ยาก แต่ถ้าหากทำสำเร็จ จินตนาการไม่ออกเลยว่าจะมีความสุขขนาดไหน”

ขณะเดียวกัน แม้ว่าจะไม่สามารถคว้าชัยได้ แต่พวกเขายังชื่นชมนักเตะที่ทำให้ผลงานแข่งขันออกมาสนุกทั้งสองเกม ที่เปิดเกมแลกได้อย่างสนุก และมีสถิติการครองบอลเหนือผู้มาเยือน

“ไม่คิดว่าความพ่ายแพ้เป็นสิ่งที่ดี แต่อยากให้ท้าทายตัวเอง และชนะแบบบีบหัวใจในฟุตบอลโลก 2026 อยากรู้สึกแบบนั้นอีกครั้ง” แอคเคาท์ @pusuka3 ให้ความเห็นในทวิตเตอร์ @jfa_samuraiblue

นอกจากนี้ บางคนก็มองว่าไม่เป็นไรที่จะพ่ายแพ้ เพราะ กิริน ชาเลนจ์ คัพ เป็นถ้วยที่เอาไว้ท้าทายสำหรับทีมชาติญี่ปุ่นอยู่แล้ว จากในอดีตที่ผ่านมาพวกเขามักจะเชิญทีมระดับโลก มาวัดศักยภาพของ ซามูไรบลูมาโดยตลอด

“แม้จะไม่ชนะ แต่รู้สึกใจเต้น และตื่นเต้นกับการแข่งขันทั้งสองนัด แน่นอนว่ามันเป็นความเสียใจ แต่โปรดพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชนะในครั้งต่อไป ตัวฉันเองก็จะพยายามอย่างเต็มที่กับชีวิตโดยมีทีมชาติเป็นแรงบันดาลใจ”แอคเคาท์ @JUNNAGIFT กล่าว

“ขอบคุณมากสำหรับการแข่งขันที่ร้อนแรง แม้จะเจอกับทีมแข็งแกร่งจากอเมริกาใต้ คิดว่าฝีมือพอฟัดพอเหวี่ยงกันเลยทีเดียว ตื่นเต้นมากก่อนที่ประตูครึ่งหลังจะเกิดขึ้น NO ATTACK, NO GAIN！(ไม่บุกก็ไม่ได้อะไร) มันเป็นการเริ่มต้นของ 4 ปีที่น่าตื่นเต้นมากๆ” แอคเคาท์ @naot3goi

อย่างไรก็ดี ในเชิงรายละเอียดซามูไรบลูกลับถูกวิจารณ์อย่างหนัก

ทำไมไม่เรียกฟูรูฮาชิ ?

แน่นอนว่าคนที่ตกเป็นเป้าโจมตีมากที่สุดก็คือ ฮาจิเมะ โมริยาสุ กุนซือของทีม โดยเฉพาะการพูดไว้ก่อนเกมว่านี่จะเป็นการเริ่มต้นใหม่ แต่ 11 ตัวจริง ในนัดแรกกับ อุรุกวัย กลับใช้ผู้เล่นจากชุดฟุตบอลโลก 2022 กว่าค่อนทีม

แม้ว่าในช่วงครึ่งหลัง รวมไปถึงเกมนัดที่ 2 เขาให้โอกาสผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง เซโกะ, คาชีฟ และนาคามูระ ได้ประเดิมสนามในนามทีมชาติเป็นนัดแรก รวมถึง ทาคูมะ นิชิมูระ ผู้ยิงประตูตีเสมออุรุกวัย และ ชูโตะ มาจิดะ ที่ลงเล่นในทีมชาติไม่ถึง 5 นัด แต่หลายคนก็มองว่า มันพูดได้ไม่เต็มปากว่านี่คือยุคใหม่

นอกจากนี้ การไม่เรียกตัว ฟูรูฮาชิ ที่กำลังร้อนแรง ก็เป็นอีกประเด็นที่สร้างความเดือดดาล ให้กับแฟนบอลญี่ปุ่นหลังเกมนัดนี้ เมื่อซามูไรบลู มีเกมรุกที่น่าผิดหวัง ทั้งการสร้างโอกาสไปจนถึงการจบสกอร์

ไม่ว่าจะเป็นเกมนัดแรก ที่พวกเขามีโอกาสยิงถึง 6 ครั้ง และเข้ากรอบไปถึง 4 ครั้ง แต่เปลี่ยนเป็นประตูได้แค่ลูกเดียว หรือนัดกกับโคลอมเบีย ที่โอกาสเข้าทำแตกต่างกันอย่างชัดเจน (6:14) แถมยิงตรงกรอบถึง 5 ครั้ง แต่เป็นประตูแค่ครั้งเดียว

“โค้ชโมริยาสุเคยบอกว่าใช้ระดับของลีกในการเลือกตัวนักเตะ แต่ยกตัวอย่างเช่นโค้ช (ฮิโรชิ) นานามิ (ผู้ช่วยผู้จัดการทีมชาติญี่ปุ่น) ที่เคยคุม อิวาตะ และ ยามางะ ก็ถูกไล่ออก ตอนคุมยามางะ ก็พาทีมตกชั้นไปเจ3 ยิงไปกว่านั้นนี่คือทีมที่เคยเล่นในเจ1 ไม่ใช่เหรอ” แอคเคาท์ที่ใช้ชื่อว่า yk0***** กล่าวใน yahoo news

“เขาไม่ได้เลือกผู้ทำประตูสูงสุดของลีกสก็อตแลนด์แต่เอาคนที่ทำทีมตกชั้นไปเจ3 มาอยู่ในทีมโค้ช ย้อนแย้งจังเนอะ”

นอกจากนี้ บางส่วนก็วิจารณ์การเลือกตัวนักเตะของโมริยาสุ ที่บางคนไม่ควรติดทีมชาติ หรือมีคนที่ดีกว่า ซึ่งคนที่ถูกพูดถึงมากที่สุดก็คือ อายาเสะ อูเอดะ จากชุดฟุตบอลโลก 2022 ที่ยังไม่เคยยิงให้ญี่ปุ่นได้เลยแม้แต่ประตูเดียว

“รู้สึกว่าว่าการเลือกผู้เล่นและทิศทางนั้นยังคงครึ่ง ๆ กลาง ๆ” แอคเคาท์ y_a***** กล่าวเริ่ม

“มีแง่ลบมากมายในเรื่องการผสมผสานแผนการเล่น และนักเตะที่ใช้งานไม่ได้ของผู้จัดการทีม เราไม่สามารถใช้ประโยชน์จากผู้เล่นที่โดดเด่นกับสโมสร อูเอดะไม่ควรเป็นตัวจริง”

“มันเป็นปกติที่ควรตำหนิกับผลการแข่งขัน แถมยังเล่นในบ้านทั้งสองเกม นี่ไม่ใช่ผู้จัดการทีมที่ถูกแต่งตั้งกระทันหัน แต่เป็นคนที่สานต่อ และทำให้ผลงานงอกเงยไม่ได้”

ขณะที่บางคนออกมาเรียกร้องให้ โมริยาสุ รวมถึง โคโสะ ทาชิมะ ประธานสมาพันธ์ฟุตบอลญี่ปุ่น ที่ตัดสินใจต่อสัญญาอดีตกุนซือซานเฟรซเซ ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก หากต่อจากนี้ญี่ปุ่นยังทำผลงานได้ไม่ดี หรือไม่สามารถคว้าแชมป์เอเชียนคัพ 2024 ที่กำลังจะมาถึงได้

“แม้จะชนะเยอรมันและสเปน รวมถึงเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก แต่พวกเขาก็พูดว่าเป้าหมายคือรอบ 8 ทีม ซึ่งทำไม่ได้อย่างที่ว่าไว้” แอคเคาท์ kag***** กล่าว

“แต่ผู้บริหารของสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น ก็แต่งตั้งผู้จัดการทีมโมริยาสุอีกครั้ง ผมอยากให้เขารับผิดชอบหากคว้าแชมป์เอเชียนคัพไม่ได้”

นอกจากนี้ยังมีความเห็นในเชิงว่า ญี่ปุ่น ควรแต่งตั้งโค้ชต่างชาติ หรือไม่ก็คนที่เคยมีประสบการณ์ในต่างประเทศ มากุมบังเหียน ที่อาจจะพาญี่ปุ่นไปได้ไกลกว่านี้

“คิดว่าความสามรถส่วนบุคคลของผู้เล่นสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่เล่นในยุโรป” udo***** กล่าว

“เพียงแต่ว่าหากคู่ต่อสู้เข้ามาประกบ ก็ไม่สามารถทะลวงเข้าไปด้วยตัวคนเดียว นั่นคือที่มาของการสนับสนุนระดับสูงและการทำงานร่วมกัน ฟุตบอลของโมริยาสุไม่สนุก และปีกทั้งสองข้างก็ทำงานไม่ได้ รวมกับว่าขีดเส้นไว้แต่ตรงกลาง”

เรื่องที่เกี่ยวข้อง เป้าที่ไม่ได้ตั้งเล่น ๆ : ญี่ปุ่น จะทำอะไรต่อเพื่อแผนเป็นแชมป์โลกปี 2050 ?

“สก็อตแลนด์เอาชนะสเปน ถ้าคิดเรื่องนี้ ก็ควรเอาสองนักเตะของเซลติกมาเข้าทีม”

“มันอาจจะเป็นกระบวนการของการเติบโต แต่ก็เข้าใจได้ถึงระดับเจลีกในสิ่งที่โดอันพูด ถ้าผู้จัดการทีม หรือคนรอบ ๆ ตัวเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลง อาจจะจำเป็นที่ต้องเอาโค้ชจากยุโรปเข้ามา”

สิ่งเหล่านี้คือความเห็นอย่างตรงไปตรงมาของแฟนบอลญี่ปุ่น มันคือการติเพื่อก่อ ชี้ให้เห็นจุดอ่อนอย่างเป็นรูปธรรม มากกว่าการด่าเอาสนุก หรือเกรียนไปแบบไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น

เพราะ “ซามูไรบลู” คือทีมชาติของชาวญี่ปุ่นทุกคน พวกเขาจึงสามารถวิจารณ์ได้อย่างสร้างสรรค์ และอย่างเห็นมันประสบความสำเร็จ และทำให้พวกเขาภาคภูมิใจ