จาก ราเยวัช ถึง อัดโด้ : 12 ปีหลัง "ซัวเรซ" ทำแสบ คนกาน่า แค้น อุรุกวัย เบอร์ไหนกันแน่ ?

จาก ราเยวัช ถึง อัดโด้ : 12 ปีหลัง "ซัวเรซ" ทำแสบ คนกาน่า แค้น อุรุกวัย เบอร์ไหนกันแน่ ?
มฤคย์ ตันนิยม

“ผมหวังว่าผมจะลบมันออกจากความทรงจำของผมได้” โอวูซู เบมปาห์ อยาลา นักข่าวชาวกาน่ากล่าว

เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทีมชาติกาน่าและทีมชาติอุรุกวัย ก็กำลังจะลงทำศึกในนัดส่งท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

อย่างไรก็ดี เกมนี้นอกจากนอกจากจะเป็นการชี้ชะตาการผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ พวกเขายังมีความหลังฝังใจกันมาก่อนหน้านี้ จากเหตุการณ์ “หัตถ์พระเจ้า” ของหลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าอุรุกวัย ที่ปฏิเสธโอกาสเข้ารอบรองชนะเลิศของทีมจากแอฟริกา ในฟุตบอลโลก 2010

ผ่านมาแล้ว 12 ปี นับตั้งแต่เกมวันนั้น ชาวกาน่า คิดเห็นอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ ติดตามไปพร้อมกับ “Think Curve - คิดไซด์โค้ง เขียนให้อ่าน”

ความหวังแห่งแอฟริกา


มันเป็นวันแห่งความชื่นมื่น… ที่ทำให้กรุงอักกรา เมืองหลวงของประเทศกาน่า เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความเฉลิมฉลอง

ในนาทีที่ 3 ของการต่อเวลาพิเศษ กาน่ามาได้ประตูจาก กียาน อซาโมอาห์ ศูนย์หน้าตัวเก่ง ที่ทำให้ทีมออกนำสหรัฐอเมริกา 2-1 ก่อนที่มันจะเป็นประตูชัยพาพวกเขาเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก 2010

ไอซัค บัวเต็ง คือหนึ่งในประจักษ์พยานของเกมวันนั้น เขาเองไม่ต่างจากเพื่อนร่วมชาติที่ออกมาฉลองบนท้องถนน ท่ามกลางธงชาติกาน่าที่โบกสะบัด และเสียงแตรจากรถที่ดังตลอดทั้งคืนของวันที่ 26 มิถุนายน 2010

Photo : AFP

ก่อนหน้าปี 2010 กาน่า เพิ่งจะผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกได้เพียงแค่ครั้งเดียวคือ 2006 ที่เยอรมัน ซึ่งพวกเขาต้องหยุดเส้นทางไว้ที่รอบ 16 ทีมสุดท้ายจากน้ำมือของบราซิล

แต่ครั้งนี้ กาน่า หวังไปไกลกว่านั้น เพราะนอกจาก อุรุกวัย จะเป็นคู่แข่งที่ดูเบาที่สุดในรอบ 8 ทีมแล้ว มันยังเป็นการแข่งขันที่จัดขึ้นบนทวีปแอฟริกา ทวีปบ้านเกิดของพวกเขา

และที่สำคัญที่สุด กาน่าชุดนั้น เป็นทีมที่มีส่วนผสมที่ลงตัว ของแข้งพลังหนุ่มและผู้เล่นมากประสบการณ์ ที่นำโดย เควิน พรินซ์ บัวเต็ง, อังเดร อายิว และกียาน รวมถึง ซัลเลย์ มุนตารี และจอห์น เมนซาห์ โดยมีหัวเรือใหญ่เป็น มิโลวาน ราเยวัช ที่ต่อมากลายมาเป็นโค้ชของทีมชาติไทย

กุนซือชาวเซิร์บ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของกาน่า เพราะนับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาคุมทัพในปี 2008 “ดาวดำ” ก็มีพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งการพาทีมผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ แอฟริกัน คัพ ออฟเนชั่น ในปี 2010 (พ่ายอียิปต์ในนัดชิงฯ) และผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายได้อีกครั้ง

“ราเยวัช กลายเป็นขวัญใจของคนกาน่าจำนวนมาก” ไอซัค บัวเต็ง ที่เคยเป็นโค้ชทีมชาติกาน่าชุด U-17 กล่าวกับ The Independent

“เชปของทีมสมบูรณ์แบบมาก และความสมดุลระหว่างเกมรุกและเกมรับก็เยี่ยมยอด เขาเป็นโค้ชที่ชอบเกมรับ และทีมของเขาก็รู้จักในหมู่ชาวกาน่าในฐานะ ‘โครงการประตูเดียว’”

มันคือการเฉือนเอาชนะคู่แข่งด้วยประตูเดียว ซึ่งมันได้ผลมาตลอดตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม ทั้งการเปิดสนามด้วยการเอาชนะเซอร์เบีย 1-0 หรือการคว้าชัยเหนือสหรัฐฯ 2-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

Photo : AFP

“ราเยวัชเปลี่ยนความแข็งแกร่งทางจิตใจของกาน่าไปอย่างสิ้นเชิง แทคติกของเขาสร้างขึ้นมาเพื่อทีมและต่อยอดได้ เขาจัดดูแลการนักเตะได้อย่างยอดเยี่ยม” บัวเต็งกล่าวต่อ

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ชาวกาน่า ตั้งความหวังอย่างมากกับทีมชุดนี้ และเชื่อว่าบางทีบ้านเกิดของพวกเขา อาจไปถึงนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งจะเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบสำหรับฟุตบอลโลกครั้งแรก บนผืนแผ่นดินแอฟริกา

แต่เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาต้องเอาชนะ อุรุกวัยให้ได้ก่อน

แมตช์สุดชอกช้ำ

2 กรกฎาคม 2010 ผู้คนกว่า 84,017 คนต่างเข้ามาเป็นสักขีพยานในสนามซ็อคเกอร์ สเตเดียม ระหว่างเกมที่กำลังจะเป็นประวัติศาสตร์ของกาน่า และอุรุกวัย

เสียงวูวูเซลา อื้ออึงไปทั้งสนามตั้งแต่ต้นเกม และกลายเป็นกองเชียร์ของกาน่าที่เป็นฝ่ายได้เฮไปก่อน หลังซัลเลย์ มุนตารี ตัดสินใจซัดไกลกว่า 40 หลา บอลพุ่งกระดอนพื้น ก่อนจะเสียบเสา ช่วยให้ทีมจากแอฟริกา ออกนำไปก่อนในนาทีที่ 45+2

อย่างไรก็ดี เริ่มครึ่งหลังมาได้เพียงแค่ 10 นาที อุรุกวัย ก็มาตามตีเสมอได้สำเร็จ จากฟรีคิกมุมซ้ายของเขตโทษ ที่ดิเอโก ฟอร์ลัน รับหน้าที่สังหารไปทางเสาไกล ก่อนที่จะจบเกมไปด้วยสกอร์ 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป

Photo : AFP

และเป็นช่วงต่อเวลาพิเศษนี้เอง ที่กาน่า มีโอกาสเข้าใกล้การเป็นทีมจากแอฟริกาทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้เข้าไปเล่นในรอบ 4 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลโลก

มันเกิดขึ้นในนาทีสุดท้ายของการต่อเวลา จากจังหวะฟรีคิกในเขตโทษ เมื่อบอลกระดอนมาเข้าทาง  สเตเฟน อัปเปียร์ ได้ยิงจ่อ ๆ แต่โดนสกัดออกมาจากเส้น จากนั้น โดมินิค อาดิเยียร์ พยายามโหม่งซ้ำ จนบอลกำลังจะลอยข้ามเส้น แต่ หลุย ซัวเรซ ก็ตัดสินใจใช้มือปัดบอลออกมา แน่นอนผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษทันที พร้อมกับชูใบแดงไล่ซัวเรซออกจากสนาม

ตอนนั้น กาน่า แค่เพียงยิงจุดโทษเข้าไป พวกเขาก็จะได้เข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศทันที แต่ กียาน ที่ไม่เคยพลาดโทษเลยตลอด 2 ครั้งในเวิลด์คัพครั้งนี้ กลับซัดไปชนคานอย่างจัง ที่ตามมาพร้อมกับเสียงนกหวีดยาวหมดเวลาของผู้ตัดสิน

“เราถามคำถามว่า ‘มันจะเป็นอย่างไรถ้า…?’ มากเลยในวันนั้น” มิชาเอล ออติ แอดเยร์ ผู้สื่อข่าวชาวกาน่าที่อยู่ในสนามในวันนั้นบอกกับ The Independent

“มันเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับแฟนบอลกาน่าหลายคนในวันนั้น เอาแค่อารมณ์ของการคิดว่ากาน่าจะผ่านเข้าไปรองฯ สิ่งนี้ก็ถูกทำลายหายไปในพริบตา”

จากนั้น กาน่า ก็เหมือนช็อตไปดื้อ ๆ พวกเขาพลาดถึง 2 ครั้งในการดวลจุดโทษ ขณะที่อุรุกวัยพลาดแค่เพียงคนเดียว และทำให้ทีมจากอเมริกาใต้ กลายเป็นตัวแทนที่ได้เข้าไปเล่นในรอบ 4 ทีมสุดท้าย

พร้อมกับความฝันของ กาน่า ที่ต้องจบลงเพียงเท่านี้

ความเจ็บปวดที่ฝังรากลึก


มันเป็นภาพที่น่าเศร้าที่ไม่ใช่แค่ชาวกาน่า แต่เป็นคนแอฟริกาทั้งทวีป เมื่อเหล่านักเตะของทัพดาวดำต่างทรุดตัวลงกับพื้นทันทีที่เห็น เซบาสเตียน อาบรู ยิงจุดโทษแบบ ปาเนนกา เข้าไปตุงตาข่าย

โดยเฉพาะ กียาน ที่ดูแตกสลายกว่าใครเพื่อน เขาคว่ำหน้ากับสนามทั้งน้ำตา จนสต้าฟต้องมาพยุง ที่มันกลายเป็นความทรงจำที่เขาอยากจะลืม แต่มันลืมไปได้เสียที\

“ผมอยากไปที่นั่นเพื่อยิงประตูเพื่อประเทศของผม และชาวแอฟริกา และผมก็ไม่สามารถยิงฝังได้ในตอนนั้น” กียานกล่าวกับ Pulse Spotlight เมื่อปี 2020

“อย่างที่คุณรู้ ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมทำให้ทุกคนผิดหวัง”

ขณะเดียวกัน สิ่งที่ทำให้มันไม่หายไปไหน คือการถูกตอกย้ำจากคำถามของผู้คนที่เขาได้พบเจอ ที่ไม่ได้คิดว่าพวกเขาต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนที่จะต้องก้าวผ่านมัน

“ผู้คนที่นั่นต่างเจ็บปวด บางครั้งผมก็ถูกถามว่า ผมทำอะไรในสนาม? ผมทำอย่างไรถึงพลาดจุดโทษ หรือแม้แต่ผมรู้สึกอย่างไร” กียาน กล่าวต่อ

“ผมรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้คิดว่าผู้เล่นต้องก้าวผ่านสิ่งที่เกิดขึ้นในสนาม”

ขณะที่ โอวูซู เบมปา อยาลา นักข่าวชาวกาน่าอีกคนที่อยู่ในเกมวันนั้น ก็ยอมรับว่ามันเป็นเหมือนฝันร้ายที่คอยหลอกหลอน และอยากจะลืมค่ำคืนวันนั้น

“ผมหวังว่าผมจะลบมันออกจากความทรงจำของผมได้” อยาลากล่าวกับ The Independent

“ปฏิกริยาของผมในตอนนั้นคือการปฏิเสธ ผมรู้สึกสูญเสีย จนถึงวันนี้ การย้อนไปดูฉากในวันนั้นยังคงทำให้หัวใจผมแตกสลาย”

“มันคงจะเป็นเรื่องราวที่สวยงามถ้า กาน่า ได้ผ่านเข้าไป และเป็นทีมแรกของแอฟริกาที่ได้เล่นในรอบรองชนะเลิศ มันน่าเศร้า ถึงทุกวันนี้ก็ยังเศร้า เมื่อรู้ว่ามันมีโอกาสขนาดนั้น”

Photo : AFP

อย่างไรก็ดี ในอีกด้านหนึ่ง พวกเขาก็มองว่า ช่วงเวลานั้นคือจุดสูงสุดของทีมชาติกาน่า พวกเขามีทีมยอดเยี่ยมที่สุด และเป็นปีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลของพวกเขา

“มันสุดยอดมากเลยนะ มันเหมือนการฉลองของแอฟริกา และภูมิใจกับการเป็นคนกาน่าความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวจากทั้งทวีปก็พิเศษเช่นกัน และอิมแพ็คในกาน่าก็ใหญ่มาก” อยาลากล่าวต่อ

“เรามีความรักกันมากขึ้น เสียงหัวเราะก็มีมากขึ้น และความรู้สึกที่ดีต่อกันทั้งประเทศ เราทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และไม่แบ่งแยกกันแม้จะมีความคิดทางการเมืองที่ต่างกัน มันเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมมากกับการเป็นคนกาน่า”

อย่างไรก็ดี ราวกับโชคชะตาเล่นตลก เมื่อในปี 2022 กานา ได้มีโอกาสพบกับ อุรุกวัย โจทย์เก่าอีกครั้ง

แก้แค้น หรือข้ามผ่าน?


กาน่า มีช่วงเวลาที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ หลังฟุตบอลโลกประวัติศาสตร์ พวกเขาคว้ารองแชมป์แอฟคอนอีกครั้งในปี 2015 แต่ก็ทำได้เพียงจอดป้ายในรอบแบ่งกลุ่ม เวิลด์คัพ 2014 ที่บราซิล และไม่ได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายที่รัสเซีย 2018

ทว่าปี 2022 พวกเขากลับมาอีกครั้ง แต่ที่พิเศษคือครั้งนี้พวกเขามี อุรุกวัย ที่เคยฝากรอยแผลเอาไว้เมื่อ 12 ปีก่อนเป็นเพื่อนร่วมกลุ่ม แถมต้องพบกันในนัดสุดท้าย ซึ่งมักจะเป็นเกมตัดสินว่าทีมใดจะได้ผ่านเข้ารอบ

แน่นอนว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับ กาน่า ในการแก้แค้น เพราะซัวเรซ ตัวแสบของพวกเขาก็อยู่ในทีมอุรุกวัยชุดนี้ แต่พวกเขาก็ยืนยันว่าพวกเขาก้าวผ่านสิ่งนั้นไปหมดแล้ว

และหนึ่งในคนที่สามารถพูดเรื่องนี้ได้อย่างเต็มปากก็คือ อังเดร อายิว กองกลางวัย 32 ปี ของขุนพลกานาชุดนี้ ซึ่งเป็นผู้เล่นคนเดียวและคนสุดท้ายที่หลงเหลือมาจากฟุตบอลโลก 2010

Photo : AFP

“ผมไม่ได้คิดแบบนั้น (แก้แค้น)  สำหรับผมมันคือฟุตบอล เขา (ซัวเรซ)แค่ตัดสินใจทำ” อายิวกล่าว

“ผมเป็นแค่คนเดียวที่อยู่ในทีมชุดที่เกิดเหตุการณ์นั้น คนอื่นไม่ได้รู้จริง ๆ ว่าเรารู้สึกอย่างไร แน่นอนทุกคนรู้สึกแย่ไปหมด”

ขณะที่ โธมัส ปาเตย์ ที่ตอนนั้นเล่นอยู่ในทีมชุดอายุไม่เกิน 12 ปีของทีมชาติกานา ก็บอกว่าแม้ว่าเขาจะจดจำช่วงเวลาแห่งความเศร้าในตอนนั้นได้ดี แต่ก็ไม่มองกลับหลังอีกแล้ว

“มันเป็นช่วงเวลาที่ยากมากๆ ทุกคนเศร้ามากในตอนนั้น” กองกลางอาร์เซนอลกล่าว

“แต่ตอนนี้เรามีโอกาสอีกครั้ง และเราจะทำงานให้หนักกว่าเดิมเพื่อเข้ารอบ เราต้องลืมสิ่งที่เคยเกิดขึ้น นี่คือยุคใหม่แล้ว”

เช่นกันสำหรับ ออตโต อัดโด้ กุนซือของทีมก็เห็นด้วย เขาโฟกัสแค่ว่ามันเป็นแค่การแข่งขันแมตช์เดียว และเชื่อมั่นว่าลูกทีมของเขาจะสมหวังในท้ายที่สุด

“ผมไม่ได้เป็นคนที่คิดถึงอดีตมากจนเกินไป ตอนที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น” เฮดโค้ชของกาน่ากล่าว

“ผมเชื่ออย่างมากว่าถ้าคุณไม่ได้มองหาการแก้แค้น คุณจะได้รับมากกว่าการอวยพรเสียอีก”

“เราเป็นทีมที่รู้ข้อได้เปรียบในทุกเกม เราจึงต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อชนะพวกเขา แต่ผมก็มีความมั่นใจมากพอว่าเราจะชนะในเกมนี้”

Photo : AFP

สถานการณ์ของ กาน่า ในตอนนี้ คือเก็บได้ 3 คะแนนจาก 2 เกม และต้องชนะ อุรุกวัย ถึงจะมีลุ้นเข้ารอบ หรือถ้าหากพลาดท่าเสมอ พวกเขาก็ต้องลุ้นให้ เกาหลีใต้ ไม่ชนะโปรตุเกสสถานเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ขุนพลดาวดำ มุ่งมั่นกับเกมนี้เป็นพิเศษ

อย่างไรก็ดี มันก็ไม่ใช่การแก้แค้น แต่เป็นการก้าวผ่านอดีต ที่ทำให้คนทั้งประเทศต้องเจ็บปวด ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา

“ไม่ว่ามันจะเป็นการแก้แค้นหรือไม่ เราก็จะลงเล่นในความมุ่งมั่นแบบเดิม และความปรารถนาแบบเดียวกันที่จะชนะ เพราะเราอยากเข้ารอบ” อังเดร อายิว กล่าว

“ดังนั้น มันจึงไม่ใช่การแก้แค้น แต่เป็นเรื่องของเราในการผ่านเข้าสู่รอบต่อไป”

“จุดที่ผมอยู่ในตอนนี้ ผมจะไม่มองย้อนกลับหลัง ผมแค่มองไปยังสิ่งที่กำลังจะมาถึงในวันศุกร์นี้ ผมไม่อยากพูดเรื่องอดีต ผมอยากจะโฟกัสกับสิ่งที่กำลังมาถึง และวิธีที่จะชนะเท่านั้น”

แหล่งอ้างอิง

https://www.fifa.com/tournaments/mens/worldcup/2010south-africa/match-center/300061508

https://www.independent.co.uk/sport/football/world-cup/ghana-2010-world-cup-asamoah-gyan-penalty-uruguay-luis-suarez-a9562691.html

https://youtu.be/tDpx9GGH79I

https://gna.org.gh/2022/11/2022-fifa-wc-no-time-for-revenge-qualification-is-key-andre-ayew/

https://www.independent.co.uk/sport/football/world-cup/ghana-uruguay-world-cup-luis-suarez-b2235308.html

https://uk.sports.yahoo.com/news/ghana-not-seek-revenge-against-180430842.html?

แชร์บทความนี้
ลีดส์ ยูไนเต็ด, ญี่ปุ่น, มังงะ
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ