จากดาวรุ่ง T3 : ธีรศักดิ์ เผยพิมาย วันเดอร์คิดท่าเรือฯ ผู้แจ้งเกิดสำเร็จเพียง 1 เดียว
หากจะกล่าวว่าสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง การท่าเรือ เอฟซี ซึ่งบริหารงานโดย “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ เป็นทีมรวมดาราทีมชาติไทย ประจำศึก ไทย ลีก คงไม่ได้เป็นการพูดที่ผิดไปนัก หากมองจากขุมกำลังที่พวกเขามีอยู่
ในเมื่อมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามา ย่อมก็ต้องมีกลุ่มที่ต้องแยกทางกับทีมไป ส่วนใหญ่แล้วกลุ่มนักเตะที่อายุยังน้อย มักจะถูกเชือดออกจากทีมเป็นกลุ่มแรก ด้วยเหตุผลยอดฮิตที่ว่า ออกไปหาประสบการณ์ ปั้นกระดูกฟุตบอลให้แข็งก่อน แล้วค่อยกลับมาช่วยทีมในวันข้างหน้า
อย่างไรก็ตามนั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับ “ต้น” ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ดาวยิงวัยรุ่น อายุแค่ 20 ปี ที่กลายเป็นเซอร์ไวเวอร์ หรือ ผู้อยู่รอด ท่ามกลางดงแข้งที่เต็มไปด้วย เสือ สิงห์ กระทิง แรด ในถิ่น แพท สเตเดี้ยม ย่านคลองเตย
ผลงานการกดไป 11 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ ของเจ้าตัว ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจไม่น้อย เมื่อเทียบกับอายุและจำนวนนาทีที่ได้ลงสนามอันจำกัดจำเขี่ย ซึ่งต้องเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงมาด้วยความยากลำบาก ต้องต่อสู้แย่งชิงกับผู้เล่นชั้นนำมากมาย
เรื่องที่เกี่ยวข้อง : ทีมเศรษฐีมีวิกฤต : เทียบปัจจัยดิ่งเหวของ เชลซี และ บีจี ที่เหมือนกันเกินคาด
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ต้น สามารถสู้จนเอาตัวรอดมาได้จนถึงตอนนี้ คืออะไร? เป้าหมายต่อไปของเจ้าตัวนั้นวางไว้แบบไหน? จริงหรือไม่ที่เกือบโดนโละออกไปเช่นกัน? ร่วมหาคำตอบได้ใน Think Curve - คิดไซด์โค้ง
จุดเริ่มต้นเปิดประตูสู่สโมสรใหญ่
การรู้จักกับกีฬาฟุตบอลของ ต้น ไม่ต่างจากเด็กผู้ชายทั่วไป ที่เริ่มต้นเตะเล่นกับเพื่อนในเวลาพัก หรือตอนเลิกเรียนตั้งแต่สมัยอนุบาล แถบท้องถิ่นบ้านเกิดในจังหวัดนครราชสีมา
ก่อนจะได้รับคำชักชวนจากเพื่อนของรุ่นน้อง ให้มาลองคัดตัวที่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี ซึ่งเจ้าตัวไม่เคยไดด้ยินกิตติศัพท์หรือรู้มาก่อนเลยว่า โรงเรียนแห่งนี้ เป็นโรงผลิตดาวเตะชั้นนำในวงการฟุตบอลขาสั้น
โดยเจ้าตัวแค่มองเป้าแค่ว่า การไต่เต้าเป็นนักฟุตบอลอาชีพ จะสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้เยอะ แล้วสามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ ซึ่งแรกๆ ก็ถูกจับไปลองเล่นหลากหลายตำแหน่งเอาท์ฟิลด์แบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น กองหลัง กองกลาง และมาลงเอยที่กองหน้า
จากผลงานที่ดีในรายการฟุตบอล 7 สี และ กรมพลศึกษา กลายเป็นใบเบิกทางให้เจ้าตัวได้ขยับมาเล่นฟุตบอลอาชีพระดับ ไทย ลีก สาม กับสโมสร พราม แบงค็อก จากการชักชวนของ “โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด
ธีรศักดิ์ ที่มีนักเตะต้นแบบอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ “พี่มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา พอได้ลงเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าที่ชื่นชอบ ก็สามารถสร้างสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุด ที่สามารถยิงแฮตทริกให้กับต้นสังกัดได้ ในเกมกับ มหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ ธนบุรี
แล้วมีชื่อติดทีมชาติไทย ชุดอายุต่ำกว่า 23 ปี รายการชิงแชมป์เอเชียที่ประเทศมองโกเลีย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจว่า ทำไมนักเตะลีกล่างถึงมีชื่อติดทีมชาติชุดนัั้นได้? จนไปเข้าหูของ มาดามแป้ง ผู้บริหารทีม สิงห์เจ้าท่า ตามที่ ต้น เปิดเผยว่า
“ตอนเล่นอยู่ ไทยลีก 3 ผมฟอร์มดี มีชื่อติดทีมชาติไปมองโกเลีย แล้วทางมาดามกับสตาฟฟ์โค้ชคงงงว่าอยู่ลีก ที สาม แล้วมาติดทีมชาติได้ยังไง?”
“พอเห็นผลงานก็มีการตามจีบกับโค้ช ความจริงมันก็มีทีมอื่นยื่นข้อเสนอมาเหมือนกัน แต่สุดท้ายผมก็เลือก ท่าเรือ ที่เป็นทีมใหญ่”
“การดูแลของ มาดามแป้ง ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกกดดัน มีแค่กำชับให้ดูรุ่นพี่ในทีมเป็นตัวอย่าง อยู่กับพวกเขาให้ได้ รู้จักปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลสมัยใหม่ พยายามยกระดับตัวเองให้เล่นในลีกสูงสุดให้ได้ เพราะเป็นห่วงที่เราเป็นเด็กใหม่เพิ่งขึ้นมาด้วย”
จากการพูดไปเรื่อยปากต่อปากของแฟนบอลไทย ที่ไม่ได้รับรู้บรรยากาศภายในทีม การท่าเรือ อาจมองว่า มาดามแป้ง น่าจะไม่ได้มาคลุกคลีกับทีมเป็นประจำ
ทำทีมไปเรื่อยตามใจแบบไม่ได้ใส่ใจมากนัก เน้นแต่การเสริมทัพคว้าตัวผู้เล่นทีมชาติมาดองไว้แล้วไม่ใช้งาน แต่ความเป็นจริงแล้ว ต้น บอกว่าจากที่สัมผัสเหตุการณ์มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ด้วยการยืนยันว่า
“แกติดตามดูฟุตบอลอยู่ตลอด มาสนามบ่อย มาให้กำลังใจลูกทีม”
“ในมุมของผมส่วนตัวคิดว่า มาดาม ไม่ได้เอานักเตะไปดองแบบที่ใครๆ พูดกัน มันอยู่ที่แท็คติกโค้ชแต่ละคน ตอนซ้อมในสนามให้โค้ชเห็นว่าเป็นยังไง เต็มที่ให้โค้ชมั้ย แล้วเขาจะเลือกใคร”
“การแข่งขันในทีมสูง มันช่วยเรื่องการพิสูจน์ตัวเอง ยกระดับตัวเอง ได้ซึมซับการเล่นจากรุ่นพี่ เห็นว่าพวกเขาเล่นกันยังไง แบบไหน แล้วก็เก็บเอาประสบการณ์เหล่านั้นมาพัฒนาตัวเองทุกวัน”
“ทีมสตาฟฟ์ก็มีการสอนเรื่องที่เป็นประโยชน์หลายอย่าง มาก่อนให้ไปเล่นฟิตเนส ดูแลสภาพร่างกาย ฝึกยิงประตูเพิ่มเติม ให้ขยันฝึกซ้อม แล้วก็คอยให้กำลังใจกันตลอด”
ปัจจัยที่ทำให้เขาอยู่รอด
อย่างไรก็ตามเมื่อมีผู้อยู่รอดได้อยู่กับทีมต่อ ก็ต้องมีผู้แพ้ที่ต้องเดินจากไปเช่นกัน ซึ่งตัวของ ต้น เปิดเผยเรื่องสุดช็อคให้ได้ทราบเอาไว้ว่า
“ทีแรกผมก็เกือบจะได้ย้ายออกไปเหมือนกับคนอื่นๆ เช่นกัน ผู้บริหารมองว่าเรายังเป็นเด็ก อยากให้ไปหาประสบการณ์เพิ่มเติมในระดับ ไทย ลีก สอง เหมือนพวกรุ่นพี่รุ่นน้องที่ถูกปล่อยยืมไป”
“แต่ว่า สก็อตต์ คูเปอร์ ไปบอกกับผู้บริหารว่า เขาเห็นฟอร์มของผมในทีมชาติ และ การเล่น ไทย ลีก เลยไปขอกับบอร์ดว่า อยากให้ผมอยู่กับทีมต่อ เพราะมองว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่อยู่ในแผนการทำทีมของเขา”
มันไม่ใช่แค่เพียงเรื่องของฟอร์มการเล่นของ ต้น เพียงอย่างเดียวที่ทำให้เขาได้อยู่ต่อ เพราะกว่าที่เขาจะได้ลงสนามแต่ละเกม มันต้องแลกมาด้วยการแสดงความทุ่มเทหลายอย่างให้โค้ชเห็นด้วยว่า ตัวของเขาเป็นนักสู้ ตามที่เปิดเผยออกมาว่า
“ถ้าผมไม่มีชื่อลงสนาม ผมมองว่าผมยังเป็นเด็ก ยังรอโอกาสได้ เราก็ขยันฝึกซ้อมไปเรื่อยๆ ถ้ามีชื่อลงเล่นก็ตั้งใจทำผลงานให้เต็มที่ในสนามให้สมกับสิ่งที่โค้ชไว้ใจ”
“ผมไม่เคยท้อ ตั้งใจทำงาน ซ้อมอย่างเต็มที่ ให้โค้ชเขาเห็นเอง ถ้าโค้ชเห็นถึงความตั้งใจนั้น ก็จะมีโอกาสได้ลงเล่น บางทีก็ได้เปลี่ยนลงไปเป็นตัวสำรอง”
หลังจากนั้นทีมงานก็ได้สอบถามถึงจุดเด่นของ ต้น ว่าโค้ชนั้นมองเห็นข้อดีอะไรในการเก็บเขาไว้ในทีมต่อไป แถมยังได้รับเลือกให้ลงเล่นบ่อยครั้ง ซึ่งก็ได้คำตอบกลับมาว่า
“ก็น่าจะเป็นเรื่องของการวิ่งหาช่อง การเคลื่อนที่เข้าไปพื้นที่อันตราย เพื่อหาจังหวะยิงประตูในกรอบ 18 หลา ประมาณนี้ครับ”
“คนที่ผมรู้สึกเล่นแล้วเข้าขาในทีม ก็จะเป็น พี่โดม (บดินทร์ ผาลา) พี่บาส (ปกรณ์ เปรมภักดิ์) และ แฮมิลตัน เพราะส่งให้ผมยิงบ่อย”
“การเล่นในศึก ช้าง เอฟเอ คัพ ที่ฟอร์มดี (ยิงไปสามลูก) มันก็มีผลมาจากการฝึกซ้อมหนัก พอไม่ได้ลงเป็นตัวจริงนานๆ มาได้ลงถ้วยนี้ก็มีความกระหาย อยากทำประตู อยากทำให้ทีมชนะได้ไปต่อ”
แม้ว่าจะได้รับคำชมเรื่องสัญชาติญาณการเป็นศูนย์หน้าที่ดี แต่ตัวของ ต้น ยังมองว่าตัวเขายังต้องพัฒนาเรื่อง การยิงประตูให้มีความเฉียบคมมากขึ้น และ การวิ่งหาช่อง เพราะบางทีมีโอกาสได้สับไก แล้วมันเข้าบ้างไม่เข้าบ้าง ยังขาดความสม่ำเสมออยู่
เป้าหมายต่อไปของเจ้าตัว
หลังจากมีการเปลี่ยนโค้ช แล้วผลงานของทีมโดยรวมดีขึ้น บรรยากาศภายในทีมตอนนี้ก็ย่อมเฮฮา แฮปปี้ มีความสุขมากกว่าเดิม เมื่อโค้ชมีความคุ้ยเคยเป็นทุนกับนักเตะ การใช้งานก็ไม่ต่างกับคนมีคู่มือ การพูดคุยวางแผนต่างๆ ก็เข้าใจกันง่ายขึ้น คลิกกันมากขึ้น
ซึ่งเป้าหมายของทีมตอนนี้ตั้งเป้าไว้ที่การคว้าแชมป์ ช้าง เอฟเอ คัพ มาครองให้ได้ เพราะเหลือให้ลุ้นเพียงแค่รายการนี้ ส่วนผลงานในลีกก็ต้องการขยับอันดับให้ไปอยู่ที่สองหรือที่สาม
ส่วนเป้าหมายส่วนตัว ต้น วางเอาไว้ว่า “ผมก็อยากยิงให้ถึงสักสิบลูกอะไรแบบนี้ ทำผลงานไปเรื่อยๆ ให้ทีมประสบความสำเร็จ ช่วยพี่ๆ ให้ได้มากที่สุด”
“การออกไปเล่นนอกประเทศก็มีเคยมองเอาไว้เหมือนกัน แต่ตอนนี้อยากเล่นอยู่ในไทยก่อน ต่างประเทศมันเขี้ยวกว่า ขนาดอยู่นี่ยังไม่ได้เล่นเลย ขอเก็บประสบการณ์ให้พร้อมก่อนดีกว่า”
การมีชื่อติดทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ไปลุยศึก โดฮา คัพ ที่ประเทศกาตาร์ ระหว่างวันที่ 20-29 มีนาคมปีนี้ ต้น ไม่เคยมองว่าเป็นการลดระดับตัวเอง หรือ รู้สึกผิดหวัง จากการที่เคยติดทัพ ช้างศึก ชุดใหญ่มาก่อนหน้านี้ แล้วยืนยันเอาไว้ว่า
“ผมไม่เคยคิดอะไรเล็กๆ น้อยๆ ในจุดนั้นเลย กลับมองว่าเป็นสิ่งที่ดีมากกว่า เราเคยไปเก็บประสบการณ์จากชุดใหญ่มาแล้ว พอเรามาเล่นชุดยู-23 ก็อยากนำเอาสิ่งดีๆ ตรงนั้นมาช่วยทีมให้ได้ประโยชน์สูงสุด”
“ผมอยากฝากขอบคุณแฟนบอลทุกคน ที่ให้กำลังใจผมมาตลอด ผมก็จะทำให้เต็มที่ ผมก็หวังจะทำให้ทีมชาติหรือสโมสร ประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไป”
ยิ่งไปกว่านั้นแฟนบอลไทย หรือ แฟนบอลทัพ สิงห์เจ้าท่า คงต้องส่งแรงใจช่วย ต้น เพิ่มเติม ให้มีดวงเรื่องการจับฉลากในกิจกรรมภายในของสโมสร การท่าเรือ เอฟซี มากขึ้น
เพราะตัวของเขาเข้าร่วมงานมาแล้ว 5-6 ครั้ง ยังไม่เคยได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาเลยสักครั้งเดียว ต่างกับรุ่นพี่อย่าง ณัฐวุฒิ สมบัติโยธา ที่คว้ารางวัลใหญ่อย่าง นาฬิกาโรเล็กซ์ กลับบ้านไปแล้ว
เรื่องที่เกี่ยวข้อง :
องค์ประกอบการปลุกพลังแฝง : "ยิม" วรชิต หลังจุดติดด้วยประตูสุดสวย
กี่นาทีก็มีความหมาย : สุภโชค กับโอกาสน้อยนิดที่วัดกันด้วยทัศนคติล้วน ๆ
Inside Forward : ตำแหน่งตัวรุกโมเดิร์นฟุตบอลที่ทำให้ ศุภณัฏฐ์ ฮ็อตปรอทแตก
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
https://www.transfermarkt.com/teerasak-poeiphimai/profil/spieler/967216
https://www.youtube.com/watch?v=28ETMUieask