จากผู้รับ สู่ผู้ให้ : ชินจิ คางาวะ กับการส่งต่อประสบการณ์ระดับโลกต่อยุคสมัยใหม่
อย่างที่หลายคนรู้กัน ชินจิ คากาวะ คือหนึ่งในนักเตะญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดได้กลับมาค้าแข้งยังสโมสรแรกที่ให้โอกาสในอาชีพนี้ของเขาอย่าง เซเรโซ โอซาก้า อีกครั้งในซีซั่นที่ผ่านมา
ในวัน 34 ปี ชินจิ คากาวะ อาจจะไม่ได้รวดเร็ว ปราดเปรียวอีกต่อไป แต่วิธีการเล่นของเขาถูกปรับให้เขากับอายุ เหนือสิ่งอื่นใดเขายังสำคัญกับทีมยิ่งกว่าในฐานะ "ผู้นำนอกสนาม" ซึ่งถือเป็นเหตุผลหลักที่เขากลับมาที่นี่
ชินจิ คากาวะ สร้างแรงกระเพื่อมครั้งสำคัญให้ห้องแต่งตัวของนักรบซากุระ และนี่เรื่องราวของ "รุ่นพี่" ผู้เป็นขุมพลังสำคัญของทีมคนนี้
เซเรโซ ผู้สร้าง คากาวะ
อย่างที่หลายคนรู้ ชินจิ คากาวะ นั้นได้โอกาสลงเล่นในเกมระดับอาชีพครั้งแรกกับ เซเรโซ โอซาก้า ด้วยวัยเพียง 18 ปี เท่านั้น ช่วงเวลาก่อนที่เขาจะมาอยู่ที่นี่สโมสรต้องเดินทางไกลกว่า 800 กิโลเมตร เพื่อไปดูฟอร์มของเขา และจริงจังจนสามารถเซ็นสัญญากับ คากาวะ มาได้สำเร็จ และคนที่เดินทางไปดูฟอร์ม คากาวะ ด้วยตัวเองก็คือ อากิโอะ โคกิกุ กุนซือของ เซเรโซ โอซาก้า คนปัจจุบัน ที่ย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน เขาเป็นโค้ชเยาวชนของทีม พร้อมกับรับจ็อบในร้านกาแฟไปด้วย
โคกิกุ เดือนทางไปที่ มิยางิ และพาตัว คากาวะ กลับมาที่ โอซาก้า หลังจากนั้นเขาคือโค้ชคนแรกของ คากาวะ ก่อนจะส่งต่อสู่ทีมชุดใหญ่ กลายเป็น "โกลเด้นบอย" ของวงการฟุตบอลญี่ปุ่น และประสบความสำเร็จอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ดังนั้นในวันที่ โคกิกุ ได้โอกาสขึ้นมาคุมทีมชุดใหญ่ของ เซเรโซ คากาวะ ที่กำลังอยู่ในช่วงปลายอาชีพค้าแข้งจึงกลับมาช่วยงานเจ้านายคนสนิทของเขา อีกครั้ง เพื่อเปลี่ยนแปลงอะไรหลาย ๆ อย่างให้กลับมาเป็นแนวทางของ เซเรโซ โอซาก้า เหมือนวันที่เขาเคยรุ่งเรืองอีกครั้ง
พี่ใหญ่ในห้องแต่งตัว
ชินจิ คากาวะ กลับมาในฐานะผู้เล่นอาวุโส ในทีมชุดนี้นักเตะอายุมากกว่าเขาเพียง 1 คนเท่านั้น คือ เคะสึเกะ ชิมิสึ ผู้รักษาประตูมือ 3 นั่นหมายความ บทบาทของ คากาวะ ที่ โคกิกุ วางไว้ให้คือการเป็นพี่ใหญ่ในห้องแต่งตัว เป็นนักเตะซีเนียร์ที่คอยแนะนำ ตักเตือน และบอกเคล็ดวิชาในแบบที่เขาได้ประสบพบเจอมาตลอดอาชีพค้าแข้ง .. และเขาก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้
"ผมตัดสินใจเลิกเล่นในยุโรปหลังฟุตบอลโลก 2022 จบลง ผมกลับมาจัดลำดับความสำคัญอีกครั้งและเชื่อว่านี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการกลับมาที่นี่แล้ว" คากาวะ กล่าว
คากาวะ คือคนที่ปรากฎตัวต่อหน้านักเตะเยาวชน หรือทีมชุดอคาเดมี่ทีไร นักเตะหนุ่มเหล่านั้นต้องตาเป็นประกาย เมื่อได้ยินเรื่องเล่าจากปากของเขา
ฟุตบอลที่ยุโรปเป็นอย่างไร ? ทำยังไงจะได้เป็นยอดนักเตะเหมือนคุณ ? สิ่งใดสำคัญที่สุดสำหรับการพาตัวเองไปในยุโรป ? ... คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่ คากาวะ ไม่เคยเบื่อที่จะตอบ เพราะเขาเชื่อเสมอว่า เขาเคยเป็นผู้รับจากสโมสรแห่งนี้มาเเล้ว นี่คือช่วงเวลาที่เขาต้องให้มันกลับคืน
"คุณต้องการจะแข่งขันในโลกของมืออาชีพ คุณต้องเข้าใจจุดเเข็งของตัวเอง มั่นใจในสิ่งมี แสดงให้เห็นในสนาม เตรียมจิตใจให้พร้อมในทุกวัน เพราะที่ยุโรปทุก ๆ วันคือการต่อสู้ ... ตอนที่เล่นอยู่ยุโรปผมเครียดระหว่างฝึกซ้อม ผมจริงจังมาก เพราะยิ่งคุณขึ้นไปสูงเท่าไหร่ ผู้คนจะคาดหวังจากคุณมากเท่านั้น"
"และความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยเพียงครั้งเดียว ทุกคนจะสังเกตเห็นได้ และโลกจะเล่นงานคุณทันที ... วิธีเดียวที่จะอยู่รอดคือพิสูจน์ซะว่าคุณเป็นผู้เล่นที่ดี ทำมันออกมาตั้งแต่การฝึกซ้อม และอย่าแสดงความอ่อนแอออกมา มันขึ้นอยู่กับว่าคุณสามาควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้ขนาดไหน ?" คากาวะ ส่งสารสำคัญต่อเด็ก ๆ ทุกคนที่มองเขาเป็นไอดอล
ไม่ใช่แค่สอนปากเปล่า คากาวะ ยังกลับมาเพื่อทำให้ทุกคนได้เห็นด้วยตาตัวเอง ผ่านกิจวัตรประจำวัน การวางตัว การซ้อม และการลงเเข่งขันจริง เขามาที่นี่ในฐานะนักเตะซีเนียร์ แต่เขาเต็มที่ทุกครั้ง เพราะเขารู้ว่าทุกคนจับจ้องและคาดหวังกับเขาไว้ขนาดไหน และสิ่งสำคัญที่สุดคือการทำให้เห็น ไม่ใช่แค่พูดให้ฟังเฉย ๆ
"ผมมาที่นี่เพื่อทำงานหนักในการซ้อมแต่ละวัน ในการแข่งขันแต่ละนัด ในขณะเดียวกันผมยังพยายามจะทำให้เรากลับสู่การเป็นแชมป์" คากาะวะ กล่าวเริ่ม
"สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่ผมจะทำแต่ละวันให้เต็มที่ด้วยการทำงานหนัก ผมจะไม่เสียสมาธิหรือละสายตาจากสิ่งที่เรียกว่าพื้นฐานที่รออยู่ข้างหน้า ... ไม่ใช่แค่ตัวผมคนเดียว เราจะพัฒนากันเแบบเป็นทีม และผมคิดถึงเรื่องนี้เสมอ"
นักฟุตบอลจากไป แต่สโมสรต้องคงอยู่
ณ ตอนนี้ เซเรโซ โอซาก้า มีปรัชญาของสโมสรที่ว่าด้วยการปั้นและให้โอกาสนักเตะดาวรุ่ง พวกเขาอธิบายสิ่งนี้ไว้กับทีมชุดอคาเดมี่ ว่า
"ที่ เซเรโซ โอซาก้า เราจะสร้างนักเตะระดับโลก เราอยากให้ดอกไม้สวย ๆ ของเราบานสะพรั่งมากมายในอนาคต และเราเชื่อว่าเรามีแรงผลักดันที่จะเข้าใกล้อนาคตดังกล่าว" พวกเขาอธิบายไว้ที่เว็บไซต์สโมสร
นั่นหมายความการมาของ คากาวะ เป็นหนึ่งใน Engine หรือขุมพลังในการผลักดันเหล่านักรับซากุระวัยเยาว์เหล่านี้
มันจะดีแค่ไหนหากคุณเป็นนักเตะดาวรุ่งสักคนที่ได้เล่นร่วมกับนักเตะที่ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านประสบการณ์ระดับโลกมากว่า 10 ปี ...
คุณจะได้เห็นสิ่งที่เขาทำ คุณจะได้ยินสิ่งที่เขาพูด และคุณจะได้สัมผัสในคลาสที่เขาแสดงออกมา สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน และวันหนึ่ง คากาวะ จะต้องประกาศเลิกเล่น แต่สิ่งที่เขาทำให้เด็ก ๆ ในทีม จะกลายเป็นบันไดที่ต่อยอดให้เด็ก ๆ ได้ก้าวสู่ขั้นถัดไปอย่างแน่นอน
"ผมเชื่อว่าต่อให้ผมอายุขนาดนี้ผมก็ยังเป็นนักเตะที่ดีขึ้นได้ ผมมีแรงผลักดันของตัวผมเอง แต่ผมรู้ว่าเมื่อถึงเวลาผมก็จะต้องวางมือ แต่ผมจะอยู่ที่นี่ เป็นผู้เล่นที่ดีขึ้น และสร้างผลกระทบในเชิงบวกให้กับทีมชุดนี้"
"ความปรารถนาพื้นฐานที่จะเติบโตต่อไปของผมไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ของการเล่นฟุตบอล ฉันหวังว่าจะรักษาความคิดนั้นไว้ตราบเท่าที่ผมยังมีชีวิตอยู่"
สิ่งที่คากาวะ ทิ้งท้ายแสดงให้เห็นถึงทัศนคติอันเหลือเชื่อของเขา ที่สอดคล้องกับปรัชญาของสโมสรแห่งนี้ หรือแม้กระทั่งบริษัทที่ก่อตั้งสโมสรอย่าง ยันมาร์ เพราะพวกเขาต่างเชื่อว่า "ความปรารถนาที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนรอบตัว" ภายใต้ปรัชญาญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Hanasaka
ฟุตบอล แนวคิด และทัศนคติ สามารถแรงบันดาลใจให้กับคนรอบตัวของเขาได้ หากเด็ก ๆ เหล่านี้ประสบความสำเร็จพวกเขาจะทำให้ท้องถิ่น เพราะปรัชญา Hanasaka ถูกเอามาใช้กับเหล่านักฟุตบอลพวกเขาอยากผลักดันให้เด็ก ๆ ในท้องถิ่นมีชีวิตที่ดีขึ้น
เมื่อนักเตะมีชื่อเสียง พวกเขาก็จะมีรายได้มากขึ้น และเมื่อมีรายได้มากขึ้น พ่อ-แม่ ครอบครัวของพวกเขาก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น … เมื่อแต่ละครัวเรือนมีคุณภาพชีวิตที่ดี สังคมก็จะดีขึ้นเป็นเงาตามตัว
คากาวะ อาจจะเป็นนักฟุตบอลตัวเล็ก ๆ แต่การกลับมาของเขาเป็นพลังงานที่สร้างแรงผลักดันมาถึงคนอื่น ๆ รอบตัวอีกมากมาย ...
เมื่อเป็นผู้รับเขาใช้โอกาสที่ได้มาอย่างสุดความสามารถ และเมื่อวันที่เขามาเป็นผู้ให้บ้าง เขาก็จะมอบทั้งหมดที่เขามี ตอบแทนกลับอย่างเต็มที่เช่นกัน
ถ้าคุณอยากรู้เรื่องราวความสัมพันธ์เกี่ยวกับ ชินจิ คากาวะ และ Yanmar เรามีเรื่องราวทั้งหมดให้อ่านต่อที่นี่ https://hi.switchy.io/J_DY