จู๊ด ซุ่นทรัพย์ เบลล์ : เกิดอะไรในดีลย้ายทีมของว่าที่แข้งทีมชาติอังกฤษ
เป็นที่ทราบกันดีว่าตอนนี้วงการฟุตบอลไทยกำลังเฟื่องฟูและได้ความนิยมเพิ่มมากขึ้น มีนักเตะไทยและลูกครึ่งหลายคนที่ได้มีโอกาสเติบโตและพัฒนาในยุโรป ไม่ว่าจะเป็น เบนจามิน เดวิส, ชาริล ชับปุยส์ ซึ่งนักเตะเหล่านี้ล้วนโด่งดังและสร้างสีสันให้กับวงการฟุตบอลไทยให้คึกคัก แถมยังกลับมาเป็นกำลังหลักให้กับทีมชาติไทย
และวันนี้พวกเรา Think Curve - คิดไซด์โค้ง จะพาทุกท่านไปรู้จักกับเด็กหนุ่มดาวรุ่งที่มีโอกาสโลดแล่นบนเวทียุโรปกับสิงห์บลู เชลซี ชุดใหญ่ และเพิ่งกลายเป็นนักเตะใหม่ของ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส U-21 เส้นทาง ความโดดเด่น ของเขาเป็นอย่างไร ติดตามไปพร้อมกัน
ดาวรุ่งระดับเทพ
เบลล์ เริ่มต้นเส้นทางในอคาเดมีของ เชลซี ด้วยการเล่นให้ทีมรุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี หลังย้ายมาจากอะคาเดมี่ของ สวินดอน ทาวน์ ในตอนแรกเขารับบทบาทเป็นกองกลาง แต่แล้วสตาฟฟ์โค้ชของ เชลซี ก็มองเห็นถึงศักยภาพที่สามารถเล่นเป็นกองหน้าได้ และเขาก็รับบทบาทนั้นเรื่อยมา
"จริงๆ แล้วเขาเริ่มต้นจากการเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง ซึ่งเป็นที่ที่เขาเล่นที่สวินดอน และเมื่อเบลล์อายุประมาณ 14 ปี ที่เชลซี พวกเขาเปลี่ยนเบลล์มาเป็นกองหน้า"
"พวกเขาเห็นสิ่งที่สวินดอนไม่เห็น แต่ด้านของเทคนิคที่เขาได้เรียนรู้ในแดนกลาง และความไม่เห็นแก่ตัวนั้นช่วยเขาในฐานะกองหน้า เชลซีมองว่าเขาสามารถทําประตูได้ แต่มีส่วนช่วยมากกว่าในการปั้นเขาให้กลายเป็นกองหน้าตัวกลางอย่างรวดเร็ว" แซค พี่ชายของ เบลล์ ให้สัมภาษณ์กับ Goal
เบลล์ เป็นหนึ่งในกำลังหลักสำคัญของ เชลซี รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ชุดที่ไปลงเล่นทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์ระดับเยาวชนชื่อ ไอซีซี ฟิวเจอร์ส แชมเปี้ยนชิพ ที่รัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาพาเชลซีเข้าไปได้ถึงรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งพบกับ บาเยิร์น มิวนิค แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไปไม่ถึงฝั่งฝัน พ่ายให้กับ บาเยิร์นฯ 1-3
แต่เขาก็ทิ้งความผิดหวังให้มันเป็นเรื่องในอดีต ปีต่อมา เบลล์ พา เชลซี ชุดยู -16 คว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก U-16 อินเตอร์เนชันแนล ซีซั่น 2019-20 ซึ่งเจ้าตัวซัดคนเดียว 4 ประตู และเป็นกำลังสำคัญของทีมชุดนี้
และในทีมชุดยู-18 ของเชลซี เขาก็ยังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมใน ลงเล่นไปทั้งหมด 25 นัด ซัดไป 23 ประตู 2 แอสซิสต์ ซึ่งเขาสามารถซัดคนเดียว 4 ประตู ได้ถึง 2 นัดจากการทำประตูในหลาย ๆ รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการโหม่ง ยิงไกล ยิงด้วยเท้าที่ไม่ถนัด … ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด เพราะเขาพยายามลบจุดอ่อนเรื่องนี้
"เขาถนัดเท้าขวา แต่เขาใช้เวลาหลายปีในเล่นกับบอลด้วยเท้าซ้าย ในตอนที่เล่นฟุตบอลในโรงเรียน และตอนนี้เขาจะบอกว่าเขาไม่มีเท้าที่ไม่ถนัดอีกต่อไปแล้ว" แซค พี่ชายของ เบลล์ บอกกับ Goal
และด้วยฟอร์มอันร้อนแรงขนาดนี้ เขาถูก แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือทีมชุดใหญ่สิงห์บลูในขณะนั้น เรียกขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ด้วยวัยเพียง 16 ปี
เเละจากการที่เขาเล่นได้ดีมาก ๆ ในทีมเยาวชนชุดอายุไม่เกิน 18 ปี เขาก็ได้ถูกเลื่อนขึ้นมาสู่ทีม Develpment หรือทีมชุด ยู-23 และในวันเกิดครบ 17 ปีของตัวเขา เขาก็ได้รับของขวัญชิ้นใหญ่ นั่นคือการได้สัญญาอาชีพเเรกกับเชลซี เขาก้าวขึ้นไปเล่นชุด ยู -23 ในขณะที่เขามีอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น ซึ่งถือว่าแบกอายุเขาพอสมควร
อย่างไรก็ตามด้วยผลงานที่จับต้องได้ และโดดเด่นกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ ทำให้ชื่อของ เบลล์ ได้รับความสนใจจากสื่อ และทีมงานสต๊าฟฟ์ชุดใหญ่ของ เชลซี เป็นอย่างมาก
และในที่สุด วันที่ 22 ธันวาคม 2020 คงเป็นค่ำคืนที่เด็กหนุ่มคนนี้จดจำไปตลอดชีวิต ในศึกฟุตบอล คาราบาว คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย เชลซี ภายใต้การคุมทัพของ โธมัส ทูเคิล กุนซือคนก่อน ต้องบุกเยือน เบรนท์ฟอร์ด โดย กุนซือชาวเยอรมันสร้างเซอร์ไพรส์ ด้วยการส่งเขาลงสนามเป็นตัวจริง
ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาได้ลงสนามให้กับทีมชาติใหญ่นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมเมื่อปี 2015 แม้จะมีโอกาสอยู่ในสนามเพียง 45 นาที ก่อนที่จะเจ้าตัวจะถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่ง พร้อมส่ง คริสเตียน พูลิซิช ลงเล่นแทน
แม้จะได้ลงสนามเพียงครึ่งแรกแต่ เบลล์ ฝากผลงานที่ยอดเยี่ยมเอาไว้ สัมผัสบอล 12 ครั้ง, คีย์พาส 1 ครั้ง, จ่ายบอล 9 ครั้ง หรือ จ่ายบอลสำเร็จมากถึง 66.7% แน่นอนว่านี่คือก้าวแรกที่ยอดเยี่ยมสุด ๆ แม้จะเป็นเพียงฟุตบอลถ้วยเล็กสุด แต่อย่างน้อยมันก็เติมเต็มความฝัน และเป็นเชื้อไฟให้เด็กหนุ่มลูกครึ่งคนนี้มีความกระหาย และหวังว่าจะได้รับโอกาสแบบนี้อีกครั้งให้ได้
อนาคตไกลแต่ทำไมถึงย้ายทีม
ในช่วงซีซั่นที่ผ่านมา จู๊ด เบลล์ ประสบปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บ จนทำผลงานได้ไม่ดีเท่าไหร่นักหลังจากนั้น
แม้ว่าดีกรีระดับตัวท็อป ๆ ของเยาวชนอังกฤษในรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่การมาของ ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ เจ้าของใหม่ชาวอเมริกันของ เชลซี ก็นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสโมสรแห่งนี้
เชลซี ไม่ได้ซื้อแค่นักเตะในทีมชุดใหญ่่เท่านั้น แต่นักเตะที่พวกเขาซื้อเข้ามาส่วนใหญ่เป็นนักเตะอายุน้อย และเป็นคนที่สโมสรวางตัวเอาไว้สำหรับอนาคตในระยะยาวทั้งสิ้น
และนั่นเป็นช่วงเวลพอดีที่เชื่อมเข้ากับรอยต่อของสัญญาของ จู๊ด เบลล์ ที่กำลังจะหมดลงในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ซึ่งตามกฎของฟีฟ่าคือ หากนักเตะคนใดที่เหลือสัญญากับสโมสรไม่ถึง 6 เดือน นักเตะคนดังกล่าวจะสามารถติดต่อและเจรจากับสโมสรอื่น ๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับตัวเองได้ทันที หรือที่เข้าใจกันง่าย ๆ ว่านักเตะคนดังกล่าวสามารถเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับทีมใหม่ตามกฎบอสแมนนั่นเอง
อย่างไรก็ตามด้วยความที่ จู๊ด เบลล์ เป็นตัวท็อป ๆ ของรุ่น เชลซี ไม่มีทางที่จะปล่อยให้นักเตะออกจากสโมสรไปฟรี ๆ ด้วยการไม่ยื่นสัญญาฉบับใหม่อย่างแน่นอน ทว่าในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของสโมสร ผนวกเข้ากับช่วงที่ จู๊ด เบลล์ เจ็บและขาดเกมไปพอสมควร ทำให้ตัวนักเตะก็เกิดแนวคิดที่ว่าเขาน่าจะมีโอกาสได้ทบทวนอนาคตของตัวเองอีกครั้ง
ซึ่งจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้อ้างว่า จู๊ด เบลล์ มองหาโอกาสที่จะได้เล่นในเกมระดับพรีเมียร์ลีกในอนาคต หรืออย่างน้อยเขาก็ต้องได้เล่นเกมในระดับ U21 อย่างต่อเนื่องเพื่อเรียกความมั่นใจจากช่วงเวลาที่ห่างสนามไปจากอาการบาดเจ็บ
ยิ่งในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ไม่นาน จู๊ด เบลล์ ก็ต้องเจอคู่แข่งตัวสำคัญในรุ่นเดียวกันอย่าง เมสัน เบอร์สโตว์ กองหน้าดาวรุ่งที่ เชลซี เพิ่งซื้อเข้ามาจาก ชาร์ลตัน และตัวของ เบอร์สโตว์ ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนได้รับคำชมเป็นอย่างมาก เพราะเขาได้ฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ในฤดูกาลนี้แล้ว และทำประตูที่ยอดเยี่ยมจากระยะ 40 หลาในการคว้าชัยเหนือ อ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด ในรายการ EFL Trophy ซึ่งในฤดูกาลนี้เขาทำไปแล้วถึง 7 ประตู กับอีก 4 แอสซิสต์ รวมทุกรายการ ให้กับทีมรุ่นอายุไม่เกิน 21 ในพรีเมียร์ลีก 2
การมาของ เบอร์สโตว์ นั้นส่งผลต่อโอกาสของ จู๊ด เบลล์ โดยตรง ซึ่งแนวคิดของ เชลซี ที่ได้เตรียมไว้สำหรับ จู๊ดด์ เบลล์ คือการยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดเท่าที่สโมสรจะให้ได้ เพื่อให้นักเตะต่อสัญญา จากนั้น เชลซี จะส่งเขาไปเล่นแบบยืมตัวในลีกอื่น ๆ ในยุโรป เหมือนกับที่สโมสรเคยทำมาก่อนในอดีตกับนักเตะอย่าง เมสัน เมาท์ ที่เคยถูกส่งไปเล่นให้ เนเธอร์แลนด์ กับ วิเทสส์ เป็นต้น
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจากประวัติการส่งนักเตะไปให้ทีมสโมสรพันธมิตรยืมตัวของ เชลซี ในระยะหลังนั้น กลับพบว่านักเตะหลายคนต่อให้ทำผลงานดีกับทีมอื่นตอนยืมตัวแค่ไหน แต่เมื่อพวกเขากลับมาที่ เชลซี กลับไม่มีใครที่เข้ามาเบียดนักเตะตัวหลักของทีมชุดใหญ่ได้เลยนอกจาก เมสัน เมาท์ ยกตัวอย่างรายชื่อดาวรุ่งที่ เชลซี ปล่อยยืมเเล้วยืมอีกอย่าง ลูคัส เปียซอน ที่โดนปล่อยยืมมากกว่า 5 ครั้ง, โดมินิค โซลันเก้, ชาร์ลส์ มูซ็องด้า, ลูอิส เบเกอร์ ซึ่งนักเตะเหล่านี้สมัยเล่นในทีมเยาวชนก็มีสถานะเป็นตัวท็อปของรุ่นไม่ต่างจาก จู๊ดด์ เบลล์
ดังนั้นจากตัวอย่างในอดีต มันอาจจะเป็นไปได้ว่า จู๊ด เบลล์ ยังต้องต้องการเล่นในอังกฤษต่อไป แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการต้องเห็นอนาคตตัวเองในอีก 2-3 ปีจากนี้ว่าจะต้องได้เล่นเกมระดับพรีเมียร์ลีกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั่นเองเป็นเหตุผลที่ท้ายที่สุดแล้ว สเปอร์ส กลายเป็นฝ่ายชนะใจนักเตะในท้ายที่สุด
ส่วนเหตุผลที่ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส ต้องการ จู๊ดด์ เบลล์ ไปครองนั้นก็ง่ายนิดเดียว เนื่องด้วย พรีเมียร์ลีก 2 ถือได้ว่าเป็นลีกสูงสุดของระดับเยาวชนในอังกฤษ ซึ่งในตอนนี้ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส กำลังเข้าขั้นวิกฤตในอันดับตารางคะแนน พวกเขาอยู่ในอันดับที่ 13 จากทั้งหมด 14 ทีมอยู่ในโซนตกชั้น และถ้าหากพวกเขาตกชั้นไปนั้นหมายความว่า พวกเขาต้องไปทำการแข่งขันกับทีมที่มีศักยภาพน้อยลงไปกว่าเดิม นั่นทำให้นักเตะเยาวชนของพวกเขาพัฒนาได้ไม่ดีเท่าที่ควรนั่นเอง
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งในตอนนี้พวกเขาเก็บชัยชนะได้เพียง 2 นัด จากการแข่งขันทั้งหมด 15 นัด แพ้ไปถึง 7 นัด ซึ่งกองหน้าของพวกเขาทั้ง 3 คน ทำประตูรวมกันในลีกได้เพียง 5 ประตูเท่านั้น ซึ่งเข้าขั้นวิกฤตปืนฝืดแบบสุด ๆ ทำให้ทางทีมงานของพวกเขาตัดสินใจทุ่มเงินเพื่อดึงตัว จู๊ด เบลล์ เข้ามา หวังช่วยให้พวกเขารอดตกชั้นให้ได้
นอกจากนี้หางว่ากันในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าแท้ ๆ ของ สเปอร์ส ในทีมชุดใหญ่ตอนนี้ ก็มีเพียง แฮร์รี่ เคน เท่านั้น ซึ่งเคนก็มีข่าวจะย้ายทีมอยู่ตลอด ซึ่งหากวันนั้นมาถึงจริง ๆ โอกาสอาจจะกลายเป็นของ จู๊ดด์ เบลล์ ที่ได้ลงเล่นต่อเนื่องเป็นตัวหลักในทีมรุ่นยู 21 ของสโมสรก็ได้ แน่นอนว่าโอกาสสอดแทรกขึ้นมาทีมชุดใหญ่ของ สเปอร์ส นั้นง่ายกว่า เชลซี ในยุคทุ่มแหลกอย่างไม่ต้องสงสัย
นอกจากนี้ยังมีเหตุผลเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ มาเกี่ยวข้องที่ทำให้ สเปอร์ส ได้ลายเซ็นของ จู๊ด เบลล์ ไปครอง เนื่องจากตามกฎของ เอฟเอ มีอยู่ว่าในกรณีที่นักเตะที่เติบโตมากับทีมเยาวชนของสโมสร หมดสัญญาและเลือกย้ายทีมตามกฎบอสแมน ทีมใหม่ที่ได้ตัวนักเตะไปจะต้องจ่ายค่าชดเชยที่เรียกว่า “ค่าเลี้ยงดู” ให้กับต้นสังกัดเก่าของนักเตะด้วย ซึ่งในรายของ จู๊ด เบลล์ นั้นมีค่าชดเชยดังกล่าวอยู่ที่ราว ๆ 1 ล้านปอนด์ หรือ 40 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เอาเรื่องสำหรับนักเตะที่ยังต้องรอการพิสูจน์ตัวเองอีกพักใหญ่ ๆ ซึ่งในส่วนค่าชดเชยจำนวนนี้เองที่ทำให้หลายสโมสรที่สนใจจู๊ด เบลล์ อย่าง คริสตัล พาเลซ หรือ ไบรท์ตัน ต้องขอถอยจากการแย่งลายเซ็นของนักเตะรายนี้ไปครอง และเป็น สเปอร์ส ที่เข้าป้ายไปในท้ายที่สุด
เป็นอันสรุปได้ว่าการเลือก สเปอร์ส ของ จู๊ด เบลล์ ครั้งนี้คือการเลือกที่เขาคิดว่าตอบโจทย์กับเขาอย่างที่่สุด เนื่องจากเขาจะกลายเป็นตัวหลักของทีมชุดสำรองที่ห่างจากทีมชุดใหญ่แค่ไม่กี่ก้าว นอกจากนี้เขายังได้อาศัยอยู่ในลอนดอนที่เป็นบ้านของเขาไม่ต้องย้ายไปไหน ยิ่งง่ายต่อการปรับตัวมากขึ้น และเมื่อ สเปอร์ส ไม่มีปัญหากับค่าชดเชยของเขา เรื่องนี้ก็จบลงด้วยการที่ จู๊ดด์ เบลล์ ชูเสื้อของไก่เดือยทองอย่างเป็นทางการไปแล้วในเวลานี้
อังกฤษ-ไทย ทางไหนดี
ในตำแหน่งกองหน้านี่เองที่วัยรุ่นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจจนถึงขั้นกลายมาเป็นขาประจำของทีมชาติอังกฤษมาโดยตลอดไล่มาตั้งแต่ชุดยู-15, ยู-16 ก่อนกระโดดก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดยู-19
และในชุดยู-16 เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมซัดแฮตทริกในเกมที่เอาชนะ สเปน 3-1 และเหมาอีก 2 ประตูยิงใส่ เดนมาร์ก 4-0 ในการแข่งขันแบบกระชิบมิตร
ซึ่งถ้าหากดูกันที่ผลงานที่เขาสามารถไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ มีโอกาสไม่น้อยที่อนาคตของ จู๊ด เบลล์ จะลงเล่นให้กับทัพ "สิงโตคำราม" ชุดใหญ่
โดยล่าสุดหัวหอกวัย 17 ปี ถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษ ชุดยู-19 ในแมตช์อุ่นเครื่องกับ สวีเดน ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2022 ซึ่งเขาอยู่ในลิสต์กองหน้าของทีมชาติอังกฤษ ยู-21 ที่มีคู่แข่งในตำแหน่งเดียวกันมากมาย
อย่างไรก็ตามด้วยความที่เจ้าตัวมีแม่เป็นคนไทย จึงได้รับเชื้อสายไทยมาด้วย จึงมีโอกาสที่ เบลล์ จะเข้าร่วมทัพช้างศึกเช่นกัน และแน่นอนว่าแฟนบอลอยากเห็นเขาลงสนามในสีเสื้อทัพช้างศึก ซึ่งในศึก ยู-23 ชิงแชมป์เอเชียครั้งนี้ ถือว่าเป็นโอกาสอันดีไม่น้อยที่เราจะจีบดาวยิงรายนี้มาเป็นหนึ่งในขุมกำลังในการไล่ล่าความสำเร็จ
แม้อาจจะเป็นเรื่องที่ยาก เพราะด้วยฝีเท้าของเขาที่ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ เชลซี ไปแล้ว รวมถึงผลงานกับทีมชาติอังกฤษก็กำลังไปได้สวย แต่ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้เสมอ
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา : ไปเจออะไรมาที่ เลสเตอร์ ทำไมถึงเก่งเบอร์นั้น ?
เปิดกฎเวิร์คเพอร์มิตพรีเมียร์ลีก : ศุภณัฎฐ์ ไป เลสเตอร์ ได้จริงหรือ ?
มิไคโล มูดริค : เขาบอกว่าผมเหมือน เนย์มาร์, เอ็มบัปเป้ และ วินิซิอุส จริงเหรอ ?
แหล่งอ้างอิง
https://www.chelseafc.com/en/teams/profile/jude-soonsup-bell
https://theathletic.com/3834211/2022/11/12/jude-soonsup-bell-chelsea/
https://theathletic.com/4060920/2023/01/06/jude-soonsup-bell-chelsea-departure/