ช้างศึก vs ซามูไร : ครั้งหนึ่งญี่ปุ่นส่ง “ทีมชาติปลอม” มาเตะคิงส์คัพ?
เรียกว่าเซอร์ไพรส์ไม่น้อย สำหรับคิวอุ่นเครื่องเกมแรกในปี 2024 ของทีมชาติไทย หลังเตรียมบุกไปเยือนทีมชาติญี่ปุ่นในวันที่ 1 มกราคม ที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ แม้ว่าในปัจจุบัน ซามูไรบลู จะก้าวขึ้นไปอยู่แถวหน้าของโลกเป็นที่เรียบร้อย แต่ครั้งหนึ่ง พวกเขาก็เคยพบกับความปราชัยต่อไทยในศึกคิงส์คัพ 1995 ด้วยสกอร์ 3-2
อย่างไรก็ดี น่าแปลกที่ เกมการแข่งขันนัดนี้ กลับไม่ถูกบันทึกในเว็บไซต์ของสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น แถมชื่อผู้เล่นก็ไม่คุ้นหู จนทำให้เหมือนพวกเขาส่ง “ทีมชาติปลอม” มาเตะ?
เกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น ญี่ปุ่นที่ไทยเคยเอาชนะ คือทีมชาติญี่ปุ่นแท้จริงหรือไม่ ติดตามไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
วันที่ไทยเหนือกว่าญี่ปุ่น
สิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนปรัมปราของฟุตบอลไทย คือคำบอกเล่าต่อๆกันมาว่า “เมื่อก่อนไทยกับญี่ปุ่น ฝีเท้าทัดเทียมกัน แถมไทยยังเคยเอาชนะญี่ปุ่นได้บ่อยๆ แค่พวกเขาพัฒนาไปไกลจนไทยตามไม่ทัน”
แม้ว่าข้อเท็จจริงจะไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะฟุตบอลญี่ปุ่นพัฒนามาตั้งแต่หลัง โตเกียว โอลิมปิก 1964 ที่ขุนพลซามูไร ไปไกลถึงตำแหน่งเหรียญทองแดง ในฟุตบอลโอลิมปิก 1968 ที่เม็กซิโกรวมถึงตำแหน่งแชมป์เอเชียนคัพอีกหลายสมัย แต่การที่ไทยเคยเอาชนะญี่ปุ่นนั้นเกิดขึ้นจริง
หนึ่งในนั้นคือศึกคิงส์คัพ 1995 ที่สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น (JFA) ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขัน ก่อนจะพบกับปราชัยในเกมกับไทย 3-2 ด้วยแฮตทริคของ เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ ยอดดาวยิงของทีมชาติไทยในขณะนั้น
ทว่า พวกเขาก็ยังดีพอที่จะเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ก่อนจะพ่ายโรตอร์ โวโลการ์ด ของรัสเซีย 3-0 คว้าตำแหน่งรองแชมป์ กลับบ้านไป
อย่างไรก็ดี น่าแปลกที่เกมนัดนี้กลับไม่ได้รับการบันทึกไว้ในเว็บไซต์ของสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น (JFA) ที่ปกติแล้วพวกเขาจะจดบันทึกสถิติการแข่งขัน รวมถึงรายชื่อผู้เล่นในเกมวันนั้นไว้ทุกนัด ไม่ว่าจะเป็นเกมนัดแรกในประวัติศาสตร์เมื่อปี 1917 ที่แพ้ฟิลิปปินส์ ไปจนถึงการแข่งขันในโอลิมปิก
นอกจากนี้ แข้งจากแดนอาทิตย์อุทัย ที่มาเล่นในตอนนั้น ยังแทบไม่คุ้นหู พวกเขาไม่มีทั้ง รุย รามอส แข้งโอนสัญชาติจากบราซิล, คาซูโยชิ มิอูระ ดาวยิงตัวเก่ง หรือ มาซามิ อิฮาระ กองหลังคนสำคัญ รวมถึง ชิเงทัตสึ มัตสึนางะ ผู้รักษาประตูจอมหนึบ
ขณะเดียวกัน แม้ว่าผู้เล่นในชุดบุกไทย อย่าง ฮิโรอากิ โมริชิมา, อัตสึชิ ยานางิซาวะ หรือ สึเนยาสึ มิยาโมโตะ จะเป็นขาประจำในทีมชาติญี่ปุ่นต่อไปในอนาคต แต่หลายคนไม่เป็นเช่นนั้น แถมบางคน คิงส์คัพ ยังเป็นเวทีสุดท้ายในสีเสื้อซามูไรบลูของพวกเขาอีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น คาซูอากิ ทาซากะ กองกลางกัปตันทีมในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว ที่แฟนบอลชาวไทยน่าจะจำเขาได้ดีจากทรงผมอันเป็นเอกลักษณ์ ก็ได้ลงเล่นทีมชาติต่ออีกเพียง 7 นัด หรือ เคซูเกะ คูริฮาระ คนที่ยิงประตูในเกมแพ้ไทย ก็ไม่เคยติดทีมชาติอีกเลยหลังจากนั้น
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เกิดคำถามว่า หรือว่า ทีมชาติญี่ปุ่น ที่ไทยเอาชนะไปได้ 3-2 คิงส์คัพ 1995 จะเป็นทีมชาติญี่ปุ่นปลอม ?
แท้หรือปลอม ?
อันที่จริงทีมชาติปลอม ในคิงส์คัพ ถูกตั้งคำถามมาตลอด โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีก้าวไกล สามารถตรวจสอบได้ ที่ทำให้ผู้คนได้รู้ว่า ทีมชาติที่เราเคยเข้าใจว่าพวกเขาคือทีมชาติชุดใหญ่ หลายครั้งเป็นแค่ทีมกองทัพ ทีมสมัครเล่น หรือสโมสร เท่านั้น
อย่างไรก็ดี สำหรับทีมชาติญี่ปุ่นชุดคิงส์คัพ 1995 จะเรียกว่าทีมชาติปลอมก็ยังไม่เชิง แต่จะเป็นทีมชาติจริง ก็ยังไม่ใช่ เพราะอันที่จริงพวกเขาคือทีมชาติเฉพาะกิจ
จากบันทึกของ sune-file.net ระบุว่า ทีมชาติญี่ปุ่นชุดนี้ถูกเรียกว่า Nihon Sembatsu ที่แปลว่าทีมรวมดาราญี่ปุ่น โดยผู้เล่นส่วนใหญ่จะเป็นนักเตะที่ไม่ได้เป็นทั้งตัวหลักหรือตัวสำรองในทีมชาติชุดใหญ่ หรือบางคนอาจจะเป็นนักเตะที่มีแววในอนาคต
ทำให้ผู้เล่นในทีมชุดนี้มีอายุอยู่ระหว่าง 18-25 ปีเท่านั้น อีกทั้งบางคนยังเรียนอยู่ในระดับมัธยมปลาย หรือมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็น ยายางิซาวะ (มัธยมโทยามะ), ยูโซ ฟุนาโคชิ (มัธยมปลายฟูนาบาชิ) หรือ ชิเงโยชิ โมจิซึกิ (มหาวิทยาลัยสึคุบะ) เป็นต้น
ส่วนเหตุผลที่สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น ส่งทีมชุดนี้มา เนื่องจากคิงส์คัพ 1995 จัดขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับศึกไดนาสตี้คัพ (19-26 กุมภาพันธ์ 1995) หรือฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียตะวันออก ที่พวกเขาให้ความสำคัญมากกว่า
ทำให้ทีมรวมดาราญี่ปุ่นชุดนี้ จึงมีสถานะเป็นเหมือนทีมชุดบี รวมถึงการแข่งขันทุกเกมในคิงส์คัพ 1995 ก็จะไม่ถูกนับเป็น “เอแมตช์” และเป็นเหตุผลว่าเพราะเหตุใด ผลการแข่งขันของทีมชาติญี่ปุ่นในรายการนี้จึงไม่ได้รับการบันทึกไว้ในเว็บไซต์ของ JFA
นอกจากนี้ ด้วยความที่มันเป็นการแข่งขันที่ไม่ได้ถูกรับรอง จึงทำให้สถิติการลงเล่น รวมถึงการยิงประตูในทัวร์นาเมนต์ที่ไทย ไม่ได้ถูกนับรวมเข้าไป ที่ทำให้นักเตะญี่ปุ่นชุดคิงส์คัพหลายคน มีสถิติการเล่นทีมชาติแช่อยู่ที่ 0 จนแขวนสตั๊ด
อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่ญี่ปุ่น มาเล่นในรายการนี้ เพราะอีก 2 ปีต่อมา JFA ก็ส่งทีมมาเตะในคิงส์คัพกับไทย เพียงแค่ครั้งนี้เกมการแข่งขันทุกนัด (ยกเว้นเกมเจอโรมาเนีย) ได้รับการรับรองให้เป็น “เอแมตช์” และถูกบันทึกไว้ในหน้าเว็บไซต์ของ JFA
ทั้งนี้ แม้ว่าการแข่งขันครั้งดังกล่าว ไทยจะไม่สามารถเอาชนะญี่ปุ่นได้ หลังลงเอยด้วยการเสมอ 1-1 แต่มันก็ทำให้แฟนบอลไทยได้มีโอกาสเห็นความสามารถที่ “แท้จริง” ของทีมชาติญี่ปุ่น ที่เต็มไปด้วยดาวดังอย่าง “คิงคาซู” คาซูโยชิ มิอูระ, โชจิ โจ และ มาซาคิโยะ มาเอโซโนะ เป็นต้น
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ผ่านมาเกือบ 30 ปี “ช้างศึก” จะมีโอกาสได้อุ่นเครื่องกับทีมชาติญี่ปุ่นอีกครั้ง ในวันที่ 1 มกราคม 2024 และเชื่อว่าไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาในรูปแบบไหน แต่เกมนัดนี้จะเป็นที่จดจำสำหรับแฟนบอลไทย ไม่แพ้การแข่งขันในคิงส์คัพ 1995 อย่างแน่นอน
แหล่งอ้างอิง
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.555493601145014.138559.469349673092741&type=3
https://www.rsssf.org/tablesk/kings95.html
http://www.tsune-file.net/captainmark/19950200.htm
http://samuraiblue.jp/timeline/19950106/
https://www.11v11.com/matches/thailand-v-japan-22-february-1995-245538