ชินภัทร ลีเอาะ : การกำเนิดสิงห์ฟรีคิกที่ซุ่มซ้อมมา 4 ปี
ว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว ผู้เล่นตำแหน่งกองหลัง เจาะจงไปเฉพาะเซนเตอร์แบ็ค โอกาสที่จะมีชื่อเป็นคนทำประตูอยู่บนสกอร์บอร์ด ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะส่วนใหญ่จะมีลุ้นจากจังหวะการเติมขึ้นไปเล่นลูกตั้งเตะ แต่นั่นไม่ใช่ข้อจำกัดของ ชินภัทร ลีเอาะ กองหลังจากสโมสร เชียงราย ยูไนเต็ด ที่ยิงประตูจากลูกฟรีคิก นอกกรอบได้สองเกมติดในศึก ไทยลีก ฤดูกาล 2022/23
แฟนบอล คงคุ้นเคยกับผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ หรือ ตัวรุก ในการรับบทบาทนี้มากกว่า แต่สาเหตุใด “เจ้าบอม” กองหลังวัย 26 ปี ถึงได้รับมอบหมายให้เป็นมือสังหารลูกนิ่ง เบื้องลึกเบื้องหลังความแม่นยำในจังหวะการยิง มีการฝึกซ้อมอะไรเป็นพิเศษหรือไม่? ร่วมหาคำตอบได้ใน Think Curve - คิดไซด์โค้ง
จุดเปลี่ยนจากเด็กติดเกมเป็นนักบอลอาชีพ
ชินภัทร ในวัยเด็ก ไม่ต่างกับคนอื่นๆ ทั่วไป ซึ่งมีช่วงเวลาสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับกิจกรรม ที่ไม่ค่อยน่าสนับสนุนเท่าไหร่อย่างการเล่นเกม จนเข้าขั้นติด แต่เมื่อครอบครัวของเขามองเห็นแนวทางการแก้ไขง่ายๆ ด้วยการหากิจกรรมอื่นมาทดแทน บอม ก็ได้รู้จักกับกีฬา “ฟุตบอล” เริ่มต้นง่ายๆ ในวัยประถม จากการเตะเล่นกับเพื่อแถวบ้านเกิดในจังหวัด นครปฐม
พอถึงช่วยวัยสำคัญในการศึกษาต่อระดับ มัธยมศึกษา เขาก็เลือกที่จะไปคัดตัวกับโรงเรียน อัสสัมชัญ ธนบุรี ที่มีชื่อเรื่องเป็นหนึ่งในเต้ยของวงการฟุตบอลขาสั้น ต้องแข่งขันกับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันจำนวนมากมาย ที่มีความฝันแบบเดียวกัน ซึ่งเขาก็ผ่านมันได้ฉลุย แล้วได้รับมอบหมายให้เป็นกัปตันทีมชุดรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี ตั้งแต่อยู่ ม.1
ตำแหน่งการเล่นของ บอม นั้นถูกวางไว้อย่างชัดเจนตั้งแต่แรกเริ่มให้เป็น เซนเตอร์แบ็ค ซึ่งทีมงานได้สอบถามเขาเกี่ยวกับ “ไอดอล” หรือ “นักเตะต้นแบบ” โดยเขาใช้เวลาคิดไม่นานก็เอ่ยออกมาว่า
“ปทุม ชูทอง พี่เขาเล่นเกมรับได้ดี มีความแข็งแรงดุดัน ชอบลูกเสียบของเขาเป็นพิเศษครับ”
แม้ว่าฝีเท้าของเขาจะโดดเด่นเกินวัย จนถูกโค้ชของโรงเรียน ดันขึ้นไปแบกอายุเล่นกับเด็กที่โตกว่า บอม ก็ต้องเจอกับปัญหาเรื่องกระดูกฟุตบอล และ รูปร่าง ที่ยังไม่แข็งแกร่งพอ จนได้ใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองเป็นปีๆ จึงก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมได้ในระดับ มัธยมศึกษา ตอนปลาย พาทีมได้แชมป์รายการใหญ่ๆ อาทิ กรมพลศึกษา รุ่น 18 ปี ถ้วย ก., ไพรม์ มินิสเตอร์ คัพ และแชมป์กีฬา 7 สี
จากผลงานในสนามที่เล่นได้อย่างแข็งแกร่ง ดุดัน ตามแบบฉบับของเขา จึงถูกทาง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เซ็นต์สัญญาเข้าไปอยู่ใน อะคาเดมี่ ตั้งแต่ ม.4 แถมยังถูกทีมชาติไทยชุดอายุต่ำกว่า 16 ปี และ 19 ปี เรียกตัวไปใช้งานอยู่เป็นประจำ
พอเข้าสู่ช่วงท้ายของการศึกษาในระดับมัธยม บอม ก็ได้ลงเล่นลีกอาชีพครั้งแรกในระดับ ดิวิชั่น 2 ให้กับ อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด แล้วเมื่อจบการศึกษาก็เซ็นต์สัญญาอาชีพกับทัพ กิเลนผยอง ที่ตัดสินใจปล่อยตัวให้เขาไปเก็บประสบการณ์กับ พัทยา ยูไนเต็ด เพื่อเก็บประสบการณ์
ซึ่งเจ้าตัวกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงตัวเองก้าวมาสู่ในระดับมืออาชีพไว้ว่า “ทางบ้านรู้สึกดีใจ ที่มีอาชีพเป็นของตัวเอง หาเงินเลี้ยงดูตัวเองได้ หันมาโฟกัสที่เรื่องงานมากขึ้น”
ปัญหาอันหนักหน่วงและอาการบาดเจ็บ
หลังจากสอบถามกับ บอม ถึงเรื่องของช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดในอาชีพที่เคยผ่านมา เจ้าตัวใช้เวลาไม่นานก็ตอบมาว่า
“ตอนที่ย่ำแย่ที่สุดก็เป็นตอน เล่นให้กับทีมชาติไทยชุดยู 19 มีปัญหาในเกมที่พบกับ พม่า ในศึก อินวิเทชั่น คัพ 2016 ย่ำแย่ที่สุดแล้วครับตอนนั้น ทั้งโดนใบแดงออกจากสนาม แล้วยังโดนสื่อสังคมออนไลน์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง”
แม้ว่าการย้ายไปอยู่กับ พัทยา ยูไนเต็ด ของเขา จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ได้ลงเล่นไปเพียงแค่สองนัด แต่จากดีกรีเก่าๆ ที่ผ่านมา จึงกลายเป็นใบเบิกทางชิ้นสำคัญ ให้ตัวของเขาตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่ประจำภาคเหนือ แล้วอยู่โยงมาจนถึงทุกวันนี้
แน่นอนว่า นักฟุตบอลอาชีพ และ อาการบาดเจ็บหนักๆ เป็นของคู่กัน ส่วนตัวแล้ว บอม ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความโชคร้ายตรงจุดนั้นได้ ได้รับบาดเจ็บหนักจากอาการเอ็นไขว้หลังขาด
แต่ในความโชคร้ายนั้นก็มีความโชคดีปนอยู่บ้าง เพราะทีมแพทย์แนะนำว่าไม่ต้องผ่าตัด แล้วใช้วิธีการสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาทดแทนเส้นเอ็นที่ขาดไป ซึ่งเจ้าตัวก็ใช้แรงใจต่อสู้ แม้ว่ามันจะเหนื่อยแสนสาหัส จนผ่านมันมาได้
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งสภาพร่างกายในตอนนี้ตัวของเขาตีค่าไว้ที่ 80-90 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเพิ่งจะลงเล่นเต็มๆ ไปแค่สองเกม ยังต้องอาศัยความต่อเนื่องในการลงสนาม เพื่อเรียกความสมบูรณ์ให้เต็มร้อยต่อไปในอนาคต
เมื่อถามถึงการเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เล่นด้วยยากที่สุดในระดับอาชีพ บอม ตอบออกมาหมดเปลือกอย่างไม่มีกั๊กว่า
“เวลาเจอกับพี่มุ้ย (ธีรศิลป์ แดงดา) ก็จะยากเพราะว่า เค้าแข็งแรง มีความเร็ว มีความคล่องแคล่วสูง จะหนักใจที่สุดหากต้องเจอกับพี่มุ้ย”
การกลับมาในบทบาทสิงห์ฟรีคิก เคล็ดลับยิงประตูได้สองเกมติด
สิ่งที่แฟนบอลเห็นการพัฒนาอย่างชัดเจนของ ชินภัทร คือ การรับบทบาทเป็นมือสังหารฟรีคิกประจำสโมสร เชียงราย ยูไนเต็ด ซึ่งปกติแล้วผู้เล่นในตำแหน่งกองหลัง มักจะไม่ได้รับหน้าที่นี้ แต่ตัวเขากลับทำประตูได้สองเกมติดจากลูกนิ่ง ในเกมที่บุกไปเอาชนะ หนองบัว พิชญ 2-1 และเฉือนชนะ ประจวบ แบบสุดมัน 3-2
เคล็ดลับในการฝึกซ้อมของ บอม ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ นอกจากการเสริมความแข็งแกร่งของร่างกาย ก่อนจะซ้อมทีมตามเซสซั่นปกติ รวมไปถึงการฝึกซ้อมยิงฟรีคิกหลังจบโปรแกรมการซ้อม เพื่อเพิ่มความมั่นใจ ไม่ได้มีการใช้โค้ชผู้เชี่ยวชาญเข้ามาติวเป็นพิเศษแต่อย่างใด อาศัยความตั้งใจของตัวเองล้วนๆ
แม้ว่าจะมีการฝึกซ้อมเทคนิคพิเศษนี้มากว่า 3-4ปี แต่ยังไม่เคยได้นำไปใช้จริงในสนาม เนื่องจากเชียงราย มีนักเตะขาประจำที่ยิงฟรีคิกได้ดีหลายคนทั้ง ศิวกรณ์ เตียตระกูล, บิลล์ โรซิมาร์, พิธิวัฒน์ สุขจิตธรรมกุล แต่ดาวเตะรายนี้ก็ไม่ได้รู้สึกท้อแท้และยังคงมุ่งมั่นพยายามต่อไป
ซึ่งในที่สุดเเล้วการฝึกซ้อมของเขาก็เริ่มเห็นผล เมื่อตอนนี้เขายิงฟรีคิกเข้า 2 เกมติดต่อกัน และถือเป็นนักเตะที่ยิงประตูจากฟรีคิกได้มากที่สุดร่วมกับ ปกรณ์ เปรมภักดิ์ ของการท่าเรือ เอฟซี
โดยทาง บอม ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงประเด็นนี้ไว้ว่า “ถ้าตอนซ้อมเราทำได้ดี เพื่อนๆ ก็จะมั่นใจให้เราไปยิง ถ้าเป็นมุมที่เรามั่นใจ เราถนัด เราชอบ ก็จะเดินไปขอเพื่อนยิง”
“สำหรับผมไม่เคยท้อ(ที่ซ้อมมานานแต่ก็ไม่เคยได้เป็นตัวจริงฟรีคิกตัวหลักของทีม) เพราะบางที บางเกม บางจังหวะ มันไม่ได้ฟาล์วตรงจุดที่เราถนัด เราก็ต้องหลีกทางให้เพื่อน แบ่งหน้าที่กันไป ส่วนตัวผมจะถนัดเหลี่ยมเท้าขวาเป็นพิเศษ”
ยิ่งไปกว่านั้นเทคนิคการยิงที่ถนัดที่สุด เป็นการปั่นลูกไซด์โค้ง แต่สามารถปรับเปลี่ยนมายิงแบบหลังเท้าเต็มๆ ได้เช่นกัน ถ้ามองแล้วคิดว่า ลูกฟรีคิกจุดนี้จำเป็นต้องยิงไปที่เสาสอง
ซึ่งไอดอลในการสังหารลูกฟรีคิกของเขา คือ “พี่ตั้ม” ณรงค์ชัย วชิรบาล อดีตกองกลางทีมชาติสายคลาสสิค หนึ่งในเจ้าพ่อลูกนิ่งมือฉมัง ที่เจ้าตัวยอมรับตามตรงว่ามีการใช้ท่าแบบเดียวกัน เลียนแบบท่าเขามา วัดใจยิงไปแบบที่ถนัด
อย่างไรก็ตามเมื่อถามถึงการรับบทบาทการยิงลูกจุดโทษ เจ้าตัวยังขอผ่านก่อนในจุดนี้ เพราะยังไม่ชัวร์เท่าไหร่ ขอให้เป็นเพื่อนร่วมทีมคนอื่นดีกว่า ส่วนตัวไม่ได้มีการตั้งเป้าเอาไว้ว่าต้องยิงประตูเพิ่มอีกกี่ลูกในปีนี้ แต่ขอทำให้ดีที่สุด ถ้ายิงเพิ่มได้ก็ดี
บรรยากาศภายในทีมและเป้าหมายต่อไป
หลังจากที่ต้นสังกัด เชียงราย ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะได้สองเกมติด ส่งผลให้บรรยากาศภายในทีมตอนนี้ ผู้เล่นและสตาฟฟ์โค้ชทุกคนต่างมีความสุข ดีใจ ที่สามารถเก็บชัยชนะได้ต่อเนื่อง เป้าหมายขอโฟกัสไปแบบนัดต่อนัดไปก่อน แต่ขอให้ความสำคัญกับบอลถ้วยเป็นพิเศษ ยังไม่ได้มองถึงเรื่องการย้ายออกไปค้าแข้งนอกประเทศในตอนนี้
เป็นที่ทราบกันดีว่า ฤดูกาลนี้ เชียงราย มีขุมกำลังที่ด้อยลงไปกว่าเดิม อันเป็นผลมาจากสภาพคล่องทางการเงิน แต่ที่ทีมยังสามารถรักษามาตรฐานเอาไว้ได้ เป็นเพราะตัวหลักของทีม ยังเป็นหน้าเดิม มีความเข้าขารู้ใจในการเล่นอยู่แล้ว ส่วนกลุ่มผู้เล่นหน้าใหม่ ก็เพียงแค่ต้องปรับตัวให้เข้ากับทีมต่อไป
ผลงานความสำเร็จของ บอม ในฐานะผู้เล่นของ กว่างโซ้งมหาภัย นั้นเคยพาทีมคว้าแชมป์ ไทยลีก 1 สมัย, ไทยแลนด์ เอฟเอ คัพ 3 สมัย และ ลีก คัพ 1 สมัย ยังมีลุ้นเพิ่มเติมเกียรติประวัติได้อีกยาวๆ ในอนาคต
ซึ่งเจ้าตัวก็มุ่งมั่นที่จะพัฒนาในเรื่องความแข็งแกร่งของร่ายกาย และ ความรวดเร็ว ในการต่อกรกับกองหน้าต่างชาติในลีกให้ได้
ส่วนความหวังในการก้าวไปติดทีมชาติชุดใหญ่ บอม เปิดเผยว่า
“ผมยังหวังกลับไปติดอีกครั้ง แต่ต้องพึ่งเรื่องการลงเล่นแบบต่อเนื่อง การรักษามาตรฐานการเล่นให้ได้ก่อน”
“ถึงติดทีมไปแล้วจะโดนโยกไปตำแหน่งอื่นก็ไม่มีปัญหา เพราะในที่สุดแล้วก็ต้องสู้และทำให้เต็มความสามารถเหมือนกัน”
สำหรับคู่ขาที่ บอม มองว่าจะเล่นเข้าคู่กันได้ดี เจ้าตัวเลือกไปที่ “เจ้าและห์” กฤษดา กาแมน แนวรับจากสโมสร ชลบุรี เอฟซี เนื่องจากเคยมีประสบการณ์เล่นร่วมกันมาก่อนหน้านี้
สุดท้าย บอม ขอฝากขอบคุณแฟนบอลชาวไทย ที่ตามเชียร์และให้กำลังใจมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นคนดูที่เข้ามาชมในสนาม หรือรับชมผ่านทางการถ่ายทอดสด มั่นใจได้เลยว่า พวกเราจะทำผลงานให้เต็มที่ในทุกๆ เกม
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
5 ปี 5 ดราม่า : รวมเหตุการณ์ที่ทำให้ บุรีรัมย์ & เชียงราย กลายเป็นคู่อริเบอร์ 1
ของดีเพื่อนบ้าน : 10 นักเตะอาเซียนมูลค่าสูงสุดในไทยลีก
รับรุกบุกแหลก : 10 กองหลังที่ยิงประตูเยอะที่สุดในไทยลีกซีซั่นนี้