ดีลไซด์โค้ง : พลิกสนั่นลั่นวงการ EP.1 - แฝดอักษรศรี จากข่าวลือรถตู้-สู่ถิ่นคลองเตย
ข่าวเรื่องตลาดซื้อ-ขายนักเตะในประเทศไทย ก่อนหน้านี้อาจไม่ใช่เรื่องที่แฟนบอลติดตามให้ความสนใจกันมากนักเมื่อย้อนกลับไปสัก 3-4 ปีก่อน เนื่องจากความนิยมของศึก ไทย ลีก มีช่วงที่ซาๆ ลงไปเพราะวิกฤติโควิด-19 ที่ทำให้หลายสโมสรจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการบริหารทีมแบบรัดเข็มขัด
อย่างไรก็ตามสำหรับสโมสรระดับหัวแถวของวงการ ที่มีทุนทรัพย์ในการเสริมทัพแบบจัดเต็ม รวมไปถึงการมีฐานแฟนบอลติดตามจำนวนมาก พวกเขาเหล่านั้นคงไม่สามารถหยุดนิ่งได้ แล้วจำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพของทีม ด้วยการเติมขุมกำลังที่มีคุณภาพฝีเท้าระดับเอกอุเข้ามาอยู่เสมอ
แน่นอนว่าเป้าหมายของสโมสรระดับหัวแถว ย่อมมีโอกาสที่จะเกิดการทับซ้อนเล็งไปที่เป้าเดียวกันได้ ซึ่งเป็นประเด็นที่ทำให้สื่อบอลไทยหัวต่างๆ ในโลกออนไลน์ นำเสนอทิศทางของข่าวไปในมุมมองที่ต่างกัน ตามข้อมูลที่สื่อแต่ละเจ้าได้มาจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ของตัวเอง
ดีลไซด์โค้ง - พลิกสนั่นลั่นวงการ ต้องการย้อนรอยดีลต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นบนเวที ไทย ลีก ที่อาจมีบทสรุปลงเอยไม่เหมือนกับทิศทางข่าวที่นำเสนอออกไปในตอนแรก เนื่องจากเกิดการพลิกโผไปออกอีกทางที่เป็นผลลัพธ์ในตอนท้าย อาจเป็นทั้งการปาดหน้า-ฉกตัว หรือลือกันไปแบบผิดๆ ที่เคยเกิดขึ้นทั้งหมด แต่ก็เป็นสีสันให้แฟนบอลได้ลุ้นได้ตื่นเต้นกันอยู่ช่วงหนึ่ง
ซึ่งเมื่อเล่าย้อนถึงไทม์ไลน์ที่เกิดขึ้นจะมีรายละเอียดต่างๆ ที่น่าสนใจเกิดขึ้น ณ เวลานั้นๆ มากมาย แล้วแน่นอนว่าในอีพีเปิดหัวตัวแรก คงจะไม่มีดีลไหนที่น่าพูดถึงไปกว่า สองฝาแฝด ทิตาธร-ทิตาวีร์ อักษรศรี ที่เป็นดีลสร้างชื่อให้กับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง เบื้องลึกเบื้องหลังของดีลนี้มีประเด็นใดที่หยิบยกนำมาเล่าให้ฟังกันได้บ้าง เชิญติดตามไปพร้อมกันได้เลย
คนย้ายยังไม่รู้?
ทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์เอเชีย ยู-23 ในปี 2020 คือ รายการแจ้งเกิดของ โชแปง-ทิตาธร และ ปาแปง-ทิตาวีร์ อักษรศรี สองแนวรับฝาแฝดจากสโมสร โปลิศ เทโร ที่มีส่วนสำคัญในการขันแนวรับของ ทีมชาติไทย ยู-23 ภายใต้การทำทีมของ อากิระ นิชิโนะ ให้ผ่านเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้อย่างน่าประทับใจ ก่อนจะพ่ายให้กับ ซาอุดิอาระเบีย ยู-23 แบบฉิวเฉียด 0-1
ด้วยฟอร์มอันเหนียวแน่นของสองแฝดในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว รวมไปถึงอายุอานามที่ยังเหลือเวลาให้ปลุกปั้นขึ้นมาเป็นสตาร์ในวงการฟุตบอลไทยได้อีกยาวนานเพราะอายุเพิ่งจะ 20 ต้นๆ ย่อมทำให้พวกเขาทั้งคู่ กลายเป็นเป้าหมายในการเสริมทัพของทีมยักษ์ใหญ่หลายสโมสรในประเทศไทย พร้อมกับมีข่าวลือหลุดออกมาจากสื่อบอลไทยหลายเพจ ที่มีการนำเสนอทิศทางข่าวที่แตกต่างกันออกไปในช่วงเวลานั้น
ซึ่งสิ่งที่น่าประหลาดใจเอามากๆ ของดีลนี้ คือ โชแปง-ปาแปง เจ้าของเรื่องเพิ่งจะมารู้ตัวว่าต้องย้ายทีมก็เมื่อเห็นข่าวต่างๆ ตามเพจชื่อดังในไทย นำเสนอดีลของพวกเขาออกไปแล้ว ตามที่เล่าเอาไว้ว่า
“เอาจริงๆ พวกเรารู้พร้อมข่าวเลยนะ ก็ติดตามจาก โซเชี่ยล มีเดีย แล้วก็ยังคุยกันอยู่เลยว่า มีข่าวเราสองคนย้ายทีมด้วย จะไปทีมโน้นจะไปทีมนี้ ทั้งที่ส่วนตัวแล้วพวกเรายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย…ไม่รู้ ไม่ทราบเลยจริงๆ ว่า จะมีการซื้อ-ขายหรือจะมีการปล่อยตัวในฤดูกาลนี้จากต้นสังกัด โปลิศ เทโร”
“คือพวกผมสองคนก็มาเลื่อนฟีดใน เฟสบุ๊ค พร้อมๆ กับทุกคนนี่แหละ ถึงมาเห็นข่าวว่าพวกผมมีข่าวว่าจะย้ายทีมไปทีมนั้นทีมนี้ แต่เอาจริงๆ ก็ยังไม่รู้อะไรเลยว่าต้องไปทีมไหน?”
กว่าที่ทั้งสองแฝดจะได้รับการยืนยันว่ามีการติดต่อขอซื้อตัวพวกเขาจริงๆ ก็ต้องรอให้ทาง ‘แมน-ธัญญะ วงศ์นาค’ ผู้จัดการทีม โปลิศ เทโร ในขณะนั้น เป็นคนมาแจ้งข่าวด้วยตัวเองว่า การท่าเรือ ติดต่อเข้ามาให้พวกเขาเดินทางไปพบกับ ‘มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ’ เพื่อพูดคุยรายละเอียดต่างๆ ต่อไป แล้วในตอนนั้นกระแสข่าวต่างๆ เรื่องของการย้ายทีมจากสื่อต่างๆ มีการเล่นข่าวได้ 2-3 วันแล้ว แต่ทิศทางก็ยังกระจายกันออกไปหลายสโมสร ไม่ว่าจะเป็น บีจี ปทุม ยูไนเต็ด, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ การท่าเรือ เอฟซี
ข่าวลือในช่วงนั้นมีทั้งดีลไปแบบแพ็คคู่ ดีลแยกกันไปคนละทีม ทั้งที่ยังเป็นช่วงเพิ่งจะจบรายการทีมชาติมาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ซึ่งในตอนนั้นพวกเขาทั้งคู่ยังไม่รู้เลยจริงๆ ว่า สโมสรไหนกันแน่ที่สนใจจะดึงตัวพวกเขาไปร่วมทีมจริงๆ กว่าจะมาได้รับการเฉลยจากผู้ใหญ่ก็ตอนที่ดีลจบลงไปแล้ว โดยข้อมูลที่พวกเขาได้รับมาอีกทอดหนึ่งนั้น มีชื่อของ บีจี, บุรีรัมย์ และ แบงค็อก เข้ามาเกี่ยวโยงด้วย เพียงแต่ไม่ทราบจริงๆ ว่า แต่ละสโมสรนั้นจริงจังในระดับไหน?
ยิ่งไปกว่านั้นการนัดเพื่อพูดคุยกับ มาดามแป้ง นั้นยัังไม่สามารถไปพบกันได้ในวันที่ได้รับแจ้งแบบทันที เพราะพวกเขาทั้งคู่ติดภารกิจส่วนตัวกับครอบครัว เลยจำเป็นต้องเลื่อนวันเป็นวันที่สะดวกถัดไป ซึ่งการคอนเฟิร์มว่า ดีลกับ การท่าเรือ นั้นจบแล้ว ไม่มีอะไรมากไปกว่า การถ่ายรูปคู่กับคุณ นวลพรรณ เท่านั้น
สรุปรถตู้อยู่ไหน?
ย้อนกลับไปในวันที่ยังไม่มีการประกาศปิดดีล สองแฝดอักษรศรี จากสโมสร การท่าเรือ เอฟซี ออกมาอย่างเป็นทางการ ข่าวลือตามเพจต่างๆ นั้นยังคงจุดกระแสกันไม่หยุด ตามข้อมูลที่เพจต่างๆ นั้นได้รับมาจากแหล่งข่าวที่แตกต่างกันออกไป
เรื่องของ บีจี นั้นถูกเฉลยเอาไว้ว่า กระต่ายแก้ว นั้นให้ความสนใจจริง เพียงแต่ด้วยความสนิทชิดเชื้อของประธานสโมสรระหว่าง คุณ ปวิณ ภิรมย์ภักดี และ มาดามแป้ง เมื่อมีฝั่งหนึ่งแสดงความต้องการว่า อยากได้นักเตะสองรายนี้จริงๆ จึงต้องมีฝั่งใดฝั่งหนึ่งที่ปลีกตัวออกไปจากดีลนั้น
แต่นั่นยังไม่จบเพียงแค่นั้นเพราะต่อให้ บีจี นั้นหลุดวงโคจรไปแล้ว แต่อีกหนึ่งทีมบิ๊กเนมอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ภายใต้การบริหารของ คุณ เนวิน ชิดชอบ นั้นกลับยังมีข่าวลืออยู่ในกระแสอยู่ แถมยังหนักจนถึงขั้นลือกันว่า ‘มีการจัดส่งรถตู้’ ไปรอรับ สองแฝดอักษรศรี มางานเปิดตัวในถิ่น ปราสาทสายฟ้า อีกด้วย
หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า ทิตาธร และ ทิตาวีร์ นั้นมีเอเย่นต์ส่วนตัวในการดูแลเรื่องของการย้ายทีมหรือรายละเอียดสัญญาต่างๆ เพียงแต่ว่าการย้ายสู่ การท่าเรือ ครั้งนี้ เป็นการแจ้งจากผู้ใหญ่อย่าง พี่แมน โดยตรง ที่ต่อสายตรงเข้ามาหาเพื่อแจ้งการนัดพบ ซึ่งแม้แต่เอเย่นต์ก็ยังไม่ทราบเรื่องนี้ในเวลานั้น
กระแสข่าวของสื่อบอลไทยเพจต่างๆ ล้วนเทไปทาง บีจี และ บุรีรัมย์ แต่สื่อที่สวนกระแสตอนนั้นมีเพียง คิดไซด์โค้ง ของ เจ-วรปัฐ อรุณภักดี เพียงเจ้าเดียวเท่านั้น ซึ่งยังคงยืนกรานและเชื่อมั่นว่า สองแฝดอักษรศรี จะไปลงเอยกับสโมสร การท่าเรือ เอฟซี อย่างแน่นอน ด้วยความคิดแค่ว่า ‘ดีลนี้น่าจะจบแล้วนะ’ แถมยังไม่ได้มีการเช็คข้อมูลกับ สิงห์เจ้าท่า ให้ชัวร์อีกด้วย
สีสันของดีล สองแฝดอักษรศรี คือ ความหลากหลายของสื่อในการนำเสนอข่าว ที่เป็นดีลแรกๆ ที่ทำให้วงการฟุตบอลไทยเกิดความตื่นตัว ทำให้แฟนบอลเกิดแรงกระตุ้นในการติดตามเสพข้อมูลจากสื่อหลายเจ้าให้มีชุดข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น ก่อนจะปักใจเชื่อกับเจ้าใดเจ้าหนึ่ง
แม้แต่ช่วงท้ายๆ ก่อนที่ดีลนี้จะจบลง โชแปง-ปาแปง ยังนั่งเสพสื่อเพื่อรับข้อมูล รวมไปถึงอ่านคอมเมนท์ของแฟนบอลเพื่อดูความเป็นไปได้เพิ่มเติม เผื่อว่าอาจมีคนอื่นๆ ที่รู้เรื่องการย้ายทีมครั้งนี้มากกว่าตัวของพวกเขา ซึ่งอาจดูเหมือนเป็นเรื่อง ‘ตลก’ แต่ประเด็นนี้ได้รับการยืนยันจากเจ้าตัวเองจริงๆ
สุดท้ายที่ขำขันยิ่งกว่า คือ เมื่อทาง มาดามแป้ง ลงภาพที่ถ่ายคู่กับสองแฝดผ่านทางช่องทาง โซเชี่ยล มีเดีย ของตัวเอง เพื่อเป็นการยืนยันกลายๆ ว่าดีลนี้เรียบร้อยแล้ว นับจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่า ‘รถตู้ของ บุรีรัมย์ ไปจอดรออยู่ที่ไหน?’ แถมพอมีคนไปถาม คุณ เนวิน ถึงเรื่องของการเสริมทัพสองแฝด กลับได้รับคำตอบกลับมาว่า ‘มึงพูดอะไรเนี่ย?’ ทำให้เฉลยทุกอย่างว่า เราไม่สามารถเชื่อทุกข่าวที่สื่อนำเสนอออกมาได้ เพราะมีทั้งเรื่องจริงและไม่จริงปะปนกันไป ซึ่งต้องใช้วิจาณญาณส่วนบุคคลในการคัดกรองข้อมูล
ปลายทางของดีล ทิตาธร และ ทิตาวีร์ ที่ไปลงเอยกับ การท่าเรือ ไม่เพียงแต่สร้างแรงกระตุ้นให้กับวงการบอลไทยแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาปลื้มใจอย่างมาก คือ การช่วยให้อดีตต้นสังกัดอย่าง โปลิศ เทโร มีงบประมาณในการเดินหน้าสู้ต่อไปได้ ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าในเวลานั้นไม่ว่าพวกเขาจะไปลงเอยกับสโมสรไหนก็ตาม เรื่องการช่วยเหลือทีมที่ปลุกปั้นเขามา คงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่พวกเขาอยากตอบแทนอยู่แล้ว
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
คิดไซด์ทอล์ค