ดีลไซด์โค้ง : พลิกสนั่นลั่นวงการ EP.5 - สารัช อยู่เย็น คุย ‘วี วาเรน’ แบบไหนถึงไปจบ ‘เรโนฟา’

ดีลไซด์โค้ง : พลิกสนั่นลั่นวงการ EP.5 - สารัช อยู่เย็น คุย ‘วี วาเรน’ แบบไหนถึงไปจบ ‘เรโนฟา’
ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

ผ่านไปแล้ว 4 อีพี กับซีรี่ส์ ‘ดีลไซด์โค้ง พลิกลั่นสนั่นวงการ’ ซึ่งเป็นการนำเรื่องราวของ ตลาดนักเตะไทยลีก ที่เกิดการพลิกผันก่อนจะลงเอยกันไปอีกทางแบบคนตามข่าวก็ยังรู้สึกงงๆ รวมไปถึงแฟนบอลที่ตามทิศทางข่าวกันแบบใกล้ชิดแบบดีลต่อดีลในแต่ละวัน โดย 4 ดีลที่นำเสนอไปก่อนหน้านี้ล้วนเป็นดีลในอดีต ที่เกิดขึ้นในตลาดนักเตะรอบก่อนทั้งสิ้น

อย่างไรก็ดีเมื่อมาถึงอีพีปิดท้ายก่อนพักเบรกกันไป จะไม่มีดีลใหญ่ที่เป็นการอัพเดตข้อมูลล่าสุดของตลาดรอบนี้เลยก็คงดูแปลกไปสักหน่อย ซึ่งเมื่อคัดกรองจากสถานการณ์ล่าสุดแล้ว เคสของ ‘สารัช อยู่เย็น’ กองกลางห้องเครื่องทัพ ‘ช้างศึก-ทีมชาติไทย’ และสโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด นั้นดูเข้าธีมกับซีรีส์นี้มากที่สุด

PHOTO : レノファ山口FC

สำหรับแฟนบอลที่ติดตามข่าวซื้อ-ขายฟุตบอลไทยกันอย่างใกล้ชิด คงจะเห็นข่าวลือผ่านตาระหว่าง สารัช ที่มีข่าวเชื่อมโยงกับสโมสรใน เจ ลีก ทู อย่าง วี-วาเรน นางาซากิ ที่ดูเหมือนจะจบลงไปตั้งแต่นักเตะมาให้สัมภาษณ์หลังจบเกมนัดชิงถ้วย ลีก คัพไปแล้ว แต่สุดท้ายกลายเป็นว่า ตัง-สารัช กลับเปลี่่ยนสถานีลงเอยมาอยู่กับ ‘เรโนฟา ยามากุจิ’ คู่แข่งร่วมลีกแบบไม่มีใครคาดคิดมาก่อน

เบื้องหลังดีลอันสับสนอลหม่าน ถึงขนาดสื่อหลายเจ้ายังดริฟท์หลุดโค้งกันไปเพียบนั้นเป็นอย่างไร? ก่อนหน้าจะไปลงเอยกับการค้าแข้งในประเทศญี่ปุ่นนั้นมีทีมใน ‘ไทยลีก’ ให้ความสนใจในตัว สารัช จริงหรือไม่? สาเหตุสำคัญที่เขาไปลงเอยกับ เรโนฟา ยามากุจิ คืออะไร? ติดตามไปพร้อมกับซีรี่ส์ ‘ดีลไซด์โค้ง พลิกลั่นสนั่นวงการ’จาก Think Curve - คิดไซด์โค้ง ไปพร้อมๆ กันได้เลย

บียู เดินเกมช้าไป

นโยบายของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด หลังจากนี้ จะเป็นการพยายามสร้างทีมสายเลือดใหม่เข้ามาผสมกับแกนหลัก ที่มีอายุอยู่ในเกณฑ์ที่ยังสามารถเล่นฟุตบอลได้อีกหลายปี โดยจะมีการผ่องถ่ายนักเตะหลายคนออกไปราวกับเป็นการถ่ายเลือด ซึ่งแฟนบอลคงได้เห็นกันไปแล้วในตำแหน่งกองกลางเชิงรับ ที่เคยใช้งาน พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล คู่กับ สารัช อยู่เย็น ที่เป็นกลางดีกรีทัพช้างศึกทั้งคู่ แต่ผ่านมาสองฤดูกาลเข้าให้แล้ว เหมือนว่าเคมีอาจจะจูนกันยังไม่ลงตัว ต่างฝ่ายต่างแสดงศักยภาพออกมาได้ไม่เต็มร้อย

เมื่อเวลาและสถานการณ์ต่างๆ ดูเหมือนจะเหมาะเจาะในการถ่ายเลือดพอดี สองสตาร์กองกลางปิดท้ายฤดูกาลด้วยการร่วมกันคว้าแชมป์ ลีก คัพ กับทัพกระต่ายแก้ว ส่งผลให้การแยกทางกับสโมสรไม่มีอะไรติดค้าง พิธิวัต จึงมุ่งหน้าสู่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แลกกับการที่ บีจี จะได้ตัวสามดาวรุ่งอย่าง อิรฟาน ดอเลาะ, ธวัชชัย อินทร์ประโคน และ ธนดล ขาวสะอาด สลับขั้วมาถิ่นปทุมธานีแทน

ส่วนในเคสของ สารัช นั้นมีข่าวลือเรื่องของการปล่อยตัวมาตั้งแต่ก่อนหน้าเกมนัดชิงชนะเลิศ แต่ยังไม่มีอะไรชัดเจน ซึ่งเมื่อมีข่าวหลุดออกไปว่า ‘ตัง-สารัช’ มีความเป็นไปได้ที่จะย้ายทีมในตลาดรอบนี้ ทำให้หลายสโมสรในไทยลีก มีทิศทางว่าจะขยับตัวเข้าเจรจา อาทิ ประจวบ เอฟซี, ราชบุรี รวมไปถึง แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่แสดงความสนใจอยู่เช่นกัน

ทัพแข้งเทพ ภายใต้การทำทีมของ ‘โค้ชแบน-ธชตวัน ศรีปาน’ ในช่วงเวลานั้นยังไม่มีความชัดเจนเรื่องของอนาคตกุนซือ แถมสโมสรก็กำลังจดจ่อกับสถานการณ์ในเกมชิงชนะเลิศรายการ เอฟเอ คัพ จึงยังไม่ได้ขยับตัวใดๆ แม้ว่าบอร์ดบริหารจะทราบดีอยู่แล้วว่า โค้ชแบน มีคู่มือการใช้งานกองกลางรายนี้เพราะเคยร่วมงานกันมาก่อนสมัยอยู่กับ กิเลนผยอง-เมืองทอง ยูไนเต็ด แล้วเอ่ยชื่อมิดฟิลด์ระดับนี้มา ไม่ว่าสโมสรไหนในประเทศไทยที่พอมีงบประมาณ ทุกทีมย่อมอยากได้หมด

แต่เมื่อทาง แบงค็อก ไม่ชัดเจน บีจี รอไม่ได้แล้วมีความต้องการเติมความฝันให้กับ สารัช จึงตัดสินใจว่าจะปล่อยสตาร์รายนี้ออกไปค้าแข้งในต่างประเทศ ซึ่งออฟชั่นในการหาทีมของ สารัช ก็มีการช่วยเหลือจากหลายฝ่าย บีจี, เทกุซังและเอเย่นต์ส่วนตัว ที่มีคอนเนคชั่นกับหลายสโมสรในญี่ปุ่น รวมไปถึงโค้ชเก่าหลายคนที่ทาง บีจี เคยร่วมงานด้วย แล้วยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่

แม้ว่า บีจี จะมีสโมสรในศึก เอส ลีก สิงคโปร์ อย่าง แทมปิเนส โรเวอร์ส เป็นพันธมิตร แล้วสามารถจบดีลนี้ได้อย่างง่ายดาย แต่สุดท้ายก็ไม่เลือกเส้นทางนั้นเพราะความต้องการของนักเตะและสโมสร เล็งเห็นตรงกันว่าถ้านักเตะระดับ สารัช ย้ายทั้งที ควรจะไปอยู่กับทีมในลีกระดับสูงกว่า มีคุณภาพมากกว่า แล้วจึงเป็นที่มาของการเจรจากับ ‘วี-วาเรน นางาซากิ’

ยังไงก็ ‘เจ ทู’

แผนการส่งออก สารัช ไปเล่นในต่างประเทศ เริ่มจากมีการเปิดรับข้อเสนอจากต่างประเทศและมีการยื่นโปรไฟล์ไปด้วย สรุปแล้วเป็นทาง วี-วารเรน นางาซากิ เป็นทีมที่ชัดเจนสุด เป็นทีมเก่าของ มาโกโตะ เทกุระโมิร ซึ่งต้นสังกัดและนักเตะประเมินโอกาสลงเล่นแล้วเป็นไปได้ 

เนื่องจากมีอดีตเพื่อนของ เทกุซัง เป็นทีมสตาฟฟ์ร่วมงานอยู่ในปัจจุบัน เลยมีการฝากฝังกัน ให้ดูแลเรื่องการปรับตัวของ สารัช เพราะย้ายไปตอนนี้แทบไม่มีเวลามากพอให้ปรับสไตล์เข้ากับ เจ ลีก และสไตล์การเล่นของทีม เพราะไปในช่วงเลก สอง กลางฤดูกาล พอสองฝ่ายคุยไปคุยมาค่อนข้างลงตัว ดูองค์ประกอบที่ให้ตัวนักเตะได้ประโยชน์สูงสุด เหลือเพียงแค่ส่งหนังสือมาให้ ตัง เซ็นเท่านั้น

PHOTO : BG Pathum United

เงื่อนไขที่ตกลงกันไว้คือก่อนหน้านี้จะให้ สารัช เดินทางไปญี่ปุ่น เพื่อดูความพร้อมของสโมสร แล้วกลับมาไทย เพื่อเก็บของเตรียมตัวก่อนเดินทางไปร่วมฝึกซ้อมและอยู่กับทีมด้วยสัญญายืมตัว 6 เดือน ขั้นตอนทุกอย่างคอนเฟิร์มหมดแล้ว เหลือแค่เพียง วี-วาเรน ส่งหนังสือมาให้ สารัช ลงนาม ซึ่งตัวนักเตะและต้นสังกัดเข้าใจไปแบบนั้นจึงมีการให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังจบนัดชิง ลีก คัพ ไปแบบนั้น แต่ปรากฎว่า วี-วาเรน ไม่ส่งหนังสือมาสักที โดยทาง บีจี แจ้งไปว่าให้เดดไลน์ขอคำตอบภายในวันพุธที่ 19 มิถุนายน

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้การเจรจาชะงักลงไป คือ อุบัติเหตุฟุตบอลที่เกิดขึ้นกับ วี วาเรน จากปัญหากองหลังตัวหลักอย่าง จุน โอกาโนะ ในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค และ เรียวทาโร่ ริโอะ ที่ทั้งคู่เกิดบาดเจ็บจนต้องพักยาวจากอาการเอ็นไขว้หน้าขาด ทำให้ วี-วาเรน จำเป็นต้องกันงบประมาณไปเสริมทัพด่วนในตำแหน่งกองหลัง ส่งผลให้ดีลของ สารัช ต้องหยุดชะงักเพื่อรอเคลียร์เรื่องตำแหน่งอื่นก่อน ไม่ได้ล้มดีล แต่ทาง บีจี ไม่รอช้าอีกแล้วเพราะกลัวนักเตะจะเสียประโยชน์

กลายเป็นทาง เรโนฟา ยามากุจิ อีกหนึ่งสโมสรใน เจ ทู  ที่ยื่นข้อเสนอเข้ามาเพื่อขอเสียบดีลนี้เลยทันที ในกรณีที่ วี วาเรน ถอนตัว หรือไม่สามารถปิดดีลได้ในกรอบเวลาที่ทาง บีจี กำหนด แล้วทีมม้ามืดทีมนี้ก็เดินเกมเร็วตกลงเงื่อนไขต่างๆกับนักเตะได้ไวจนมีการตอบตกลง สารัช เตรียมตัวทำใบขับขี่ วางแผนการเดินทาง หาที่พัก วางแผนการใช้ชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่ ตัง เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าตั้งแต่คุยกับ วี-วาเรน แค่มีการปรับแผนใหม่ให้เข้ากับต้นสังกัดใหม่เท่านั้น

PHOTO : BG Pathum United

ตำแหน่งที่ทั้ง วี-วาเรน นางาซากิ  และ เรโนฟา ยามากุจิ สโมสรระดับ เจ ลีก ทู ต้องการ คือ กองกลางตัวเก๋าที่ฟอร์มคงเส้นคงวายันไปจนจบฤดูกาล ซึ่งถือว่าโปรไฟล์, ดีกรี และผลงานของ สารัช นั้นตอบโจทย์ตรงใจทั้งสองทีม

แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้มันจบลงอย่างง่ายดาย คือ ยามากุจิ มีทาง เรียว ชิกากิ อดีตผู้ช่วยของ เทกุซัง ตอนที่มาคุม บีจี รอบแรกคุมทีมอยู่ ดังนั้นเขาจึงรู้ศักยภาพนักเตะไทยดีและเคยผ่านการร่วมงานกับ สารัช อยู่เย็น เห็นฟอร์ม เห็นผลงาน และเข้าใจคุณภาพของนักเตะรายนี้ดีว่าจะเติมเต็มอะไรให้กับทีมของเขาได้บ้าง

สถานการณ์ของสองทีมที่สนใจในตัว ตัง ต่างกันเล็กน้อยจากอันดับในตารางคะแนน เรโนฟา อยู่ที่ 4 แต่ทาง วี วาเรน อยู่ที่ 2 ของศึก เจ ทู ว่ากันตามตรงต่างฝ่ายต่างมีโอกาสลุ้นเลื่อนชั้นอันเป็นเป้าหมายสูงสุดและเป้าหมายเดียวกัน ดังนั้นหน้าที่ของ สารัช ก็ชัดเจนว่า จะเข้าไปเป็นจิ๊กซอว์ที่ช่วยผลักดันให้กับต้นสังกัด คว้าโควต้าเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดให้สำเร็จให้ได้

โอกาสสำคัญ

ต่อให้ดีลของ สารัช จะมีความอลหม่านซับซ้อน ก่อนจะลงตัวที่สโมสรอย่าง เรโนฟา ยามากุจิทีมลีกรองแดนปลาดิบ แต่สิ่งที่ชัดเจนคือความกระหายของนักเตะและแรงผลักดันของ บีจี ปทุม ที่ร่วมแรงร่วมใจกันผลักดันให้วงการฟุตบอลไทยไปข้างหน้าด้วยการส่งออกนักเตะไปผจญภัยนอก ไทยลีก

ซึ่งถ้าเอากันจริงๆ สารัช นั้นมีโอกาสแบบนี้มาแล้วตั้งแต่อายุ 27 ย่าง 28 ที่ได้รับความสนใจจาก 3 สโมสรในศึก เจ ลีก ลีกสูงสุดในประเทศญี่ปุ่น ในปี 2020 ที่มีทาง กัมบะ โอซาก้า, ซางัน โทสุ และ คาชิว่า เรย์โซล ตามจีบอยู่ในขณะนั้น แต่ตัวนักเตะไม่อาจกำหนดกลไกในการปิดจ็อบย้ายทีมได้เอง ติดเงื่อนไขกับสโมสรต้นสังกัดตอนนั้น ที่อาจเรียกค่าตัวแพงไป เรียกค่ายืมแพงไป จนทุกอย่างจบลงด้วยการกลายเป็นแค่ข่าวลือ

รวมไปถึงที่อีกครั้งที่ทาง สารัช เกือบได้ย้ายไปเล่นกับ เซเรโซ โอซาก้า ก่อนจะต่อสัญญาฉบับล่าสุดกับ บีจี ออกไปอีก 3 ปี ทั้งที่ตอนนั้นยังเหลือสัญญาอีก 1 ปี หากบอร์ดบริหารกระต่ายแก้ว ไม่สนใจจะผลักดันอนาคตของนักเตะให้ไปอยู่ในจุดที่สูงกว่า ไทยลีก จริงๆ ดีลล่าสุดกับ เรโนฟา ยามากุจิ คงถูกตัดจบไป แล้วเก็บตัวนักเตะไว้กับทีม พร้อมใช้งานจนถึงอายุ 35 ปีก็ไม่ผิด

PHOTO : レノファ山口FC

สำหรับแฟนบอลไทย คงมีหน้าที่สำคัญเหมือนเดิมๆ คือ การส่งแรงเชียร์แรงใจช่วยอวยพรให้ สารัช กองกลางวัย 32 ปี ประสบความสำเร็จในการเอาชนะบทพิสูจน์สำคัญในอาชีพ พร้อมการันตีว่า ฝีเท้าของเขาสามารถเล่นในญี่ปุ่นได้จริง ไม่ใช่การอนุมานกันเองแล้วเข้าข้างกันเอง ซึ่งผลการตัดสินนั้นย่อมเป็นผลงานในสนามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : https://www.youtube.com/watch?v=2G8a6mVT5tI&t=352s

แชร์บทความนี้
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ