อดีตประตูอย่าง แฮมิลตัน กลายเป็นกองหน้าจอมซัลโวได้อย่างไร ?

อดีตประตูอย่าง แฮมิลตัน กลายเป็นกองหน้าจอมซัลโวได้อย่างไร ?
ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

สามแต้มสำคัญของ การท่าเรือ เอฟซี หลังเปิดบ้านเอาชนะทีมจอมเหนียว ขอนแก่น ยูไนเต็ด ไปได้แบบขาดลอย 6-1 ถือเป็นบทพิสูจน์สำคัญการันตีว่า แนวรุกของพวกเขาในฤดูกาลนี้ไม่ธรรมดา หลังเคยยิงได้ถึงสามประตูมาแล้วในเกมที่เจอกับ โปลิศ เทโร และ เมืองทอง ยูไนเต็ด

นอกจากนี้สิ่งที่เปลี่ยนไปในเกมนี้ คือ การสลับโควต้าตัวต่างชาติ ที่ทางทีมงานของ สิงห์เจ้าท่า เลือกที่จะสลับเอา ชาร์ลีย์ คลัฟฟ์ เซนเตอร์แบ็คจอมดุออกไป แล้วใส่ทาง โนโบรุ ชิมูระ กองกลางชาวญี่ปุ่นลงมาเป็นตัวจริง เพื่อช่วยประคองแดนกลางให้มีความนิ่ง ซึ่งดาวเตะแดนซามูไรก็ตอบแทนความไว้วางใจด้วยการทำไป 1 แอสซิสต์ พร้อมกับแสดงคลาสบอลที่แตกต่างออกมาให้เห็น

อย่างไรก็ตามนักเตะที่เด่นที่สุดในเกมนี้ คงจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจาก แฮมิลตัน โซอาเรส ซึ่งเกมก่อนก็แสดงความทุ่มเทด้วยการสลับตำแหน่งจากกองหน้าไปเป็นประตูจำเป็น โดยนัดนี้เมื่อเขาได้เล่นตามตำแหน่งถนัดก็เหมายิงคนเดียวไป 2 ประตู พร้อมผงาดขึ้นนำเป็นดาวซัลโว ไทยลีก แบบเดี่ยวๆ ที่ 5 ลูก

สิ่งที่ทำให้เขาเล่นแตกต่างจากนักเตะต่างชาติรายอื่นๆ ที่มาล้มเหลวกับ การท่าเรือ คืออะไร? ปัจจัยใดบ้างที่เขาสร้างประโยชน์ให้กับต้นสังกัดจากฟอร์มอันร้อนแรงตอนนี้? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

ทัศนคติสำคัญที่สุด

การย้ายทีมของ แฮมิลตัน โซอาเรส นับว่าเป็นดีลที่ก้าวกระโดดไม่น้อย เพราะอดีตต้นสังกัดของเขา คือ หนองบัว พิชญ น้องใหม่ที่ตกชั้นไปในซีซั่นก่อน แล้วการขาดหายไปของเขาอาจเป็นส่วนสำคัญให้เกมรุกของทีมไม่ดุดันเหมือนเดิม

แม้ว่าในช่วงแรกแฟนบอลอาจจะตั้งคำถามกับสตาฟฟ์โค้ชว่า แฮมิลตัน เป็นการใช้โควต้าต่างชาติที่คุ้มค่าหรือไม่? เมื่อเทียบกับทีมหัวตารางทีมอื่นๆ ที่เสริมทัพด้วยนักเตะที่มีดีกรีไม่ธรรมดาทั้งสิ้น บางสโมสรถึงกับไปควานหานักเตะฝีเท้าและดีกรีที่เคยผ่านการเล่นฟุตบอลยุโรปมาแล้ว เพื่อหวังพาทีมไปให้ถึงแชมป์ทุกรายการในประเทศไทย

PHOTO : Goal

จริงอยู่ที่ดีกรีของ แฮมิลตัน อาจเทียบกับคนอื่นๆ ไม่ได้ เพราะเคยผ่านการเล่นในต่างแดนแค่ในประเทศบราซิลบ้านเกิดกับสโมสรเล็กๆ รวมไปถึง คาซม่า เอสซี ในลีกประเทศคูเวตเท่านั้น แต่การย้ายมาเล่นในแดนสยามของเขา กลับไม่เคยมีฤดูกาลไหนเลยที่ยิงต่ำกว่าเลขสองหลัก

แฮมิลตัน เปิดตัวกับ หนองบัว ด้วยการยิงรวมทุกรายการไป 20 ประตู ต่อเนื่องด้วยการย้ายมาอยู่กับ การท่าเรือ ก็กดเพิ่มในซีซั่นที่แล้วรวมทุกรายการไป 16 ลูก ซึ่งนับจนถึงตอนนี้เปิดฤดูกาลมาเพียง 6 นัด ดาวยิงชาวแซมบ้าทำไปแล้ว 5 ประตู กับ 1 แอสซิสต์

แถมเกมก่อนเมื่อที่บุกไปพ่ายให้กับ ตราด เอฟซี แบบฉิวเฉียด 1-2 แฮมิลตัน ก็ต้องกลับไปสวมบทบาทผู้รักษาประตูจำเป็นเหมือนที่เคยลงเฝ้าเสาในลีกบ้านเกิดมาแล้ว ในสถานการณ์ที่ทีมเหลือตัวผู้เล่นเพียง 10 คน

ทุกสิ่งที่ แฮมิลตัน แสดงออกมาให้เห็นเป็นมาจากความคิดบวก มองทีมเป็นภาพรวมด้วยทัศนคติที่ดีตามที่เขาเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า

PHOTO : Port FC
“ผมมีความสุขทุกครั้งที่ทำประตูได้ แต่ผมก็พูดมาตลอดว่า ผมไม่เคยให้ความสำคัญกับผลงานส่วนตัว มากกว่าผลงานของทีม”

ความจริงแล้ว แฮมิลตัน มีโอกาสจะทำแฮตทริกได้ในเกมนี้ หลังจากทีมมาได้ลูกโทษที่จุดโทษ แต่เขาก็ไม่คิดจะไปแย่ง บาร์รอส ทาร์เดลลี่ ที่อยากสังหารเพื่อเรียกความมั่นใจ ซึ่งพอปลดล็อคได้แล้วเพื่อนร่วมทีมของเขาก็สามารถเบิกสกอร์ลูกที่สองให้ตัวเองได้เช่นกัน

สร้างความสามัคคีในทีม

แนวรุกของ การท่าเรือ ที่เล่นได้เข้าฝักสุดๆ ในเกมกับ ขอนแก่น เป็นเพราะว่าบรรยากาศโดยรวมเต็มไปด้วยพลังงานบวก ซึ่งเริ่มจากการที่ แฮมิลตัน เปิดโอกาสให้ ทาร์เดลลี่ เบิกสกอร์แรกได้ให้ทีมทิ้งห่างเป็น 3-1 ก่อนที่ลูก 4 และ 5 จะตามมาภายหลัง

แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งแพ้มาหมาดๆ ในเกมที่ออกไปเยือน ช้างขาวจ้าวเกาะ แต่ฟอร์มอันดุดันในเกมนี้ น่าจะช่วยให้ผู้เล่นทั้งหมดในทีม เรียกความมั่นใจกลับมาได้เกินร้อย พร้อมกับเพิ่มความสามัคคีรวมใจกันเป็นกลุ่มก้อนได้อีกครั้ง

ซึ่งตัวของ แฮมิลตัน ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าตัวของเขาไม่ได้มีประโยชน์เพียงแค่ผลิตสกอร์ แต่พร้อมถอยลงมาเชื่อมเกมและช่วยเกมรับ เล่นเกมป้องกันเพื่อปิดจุดอ่อนให้กับต้นสังกัด เนื่องจากเขารู้ว่าต้องเริ่มแก้ไขจากรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ตามที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า

“เราต้องทำงานหนักเพื่อปรับปรุงในทุกด้าน และ เราต้องพยายามรักษามาตรฐาน ผลการแข่งขันที่ดีให้ได้ ฤดูกาลยังอีกยาวไกล ผมเชื่อว่าโอกาสยังเปิดกว้าง และ เราทุกคนจะพยายามสู้ให้ถึงที่สุด กับ ทุกรายการที่เราลงเล่น"
PHOTO : Port FC

สถานการณ์ของ สิงห์เจ้าท่า ในเวลานี้ ขยับขึ้นมารั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงในศึก ไทยลีก เป็นการชั่วคราว หลังมีลูกได้-เสียเท่ากับ แบงค็อก ยูไนเต็ด อดีตจ่าฝูงที่ +10 ประตู แต่พวกเขายิงประตูได้มากกว่า แล้วคงสามารถพูดได้เต็มปากแล้วว่า การท่าเรือ คงเป็นผู้ท้าชิงแชมป์ลีกที่น่ากลัวจริงๆ ในฤดูกาลนี้

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : https://www.siamsport.co.th/football-thailand/thaileague-1/4581/

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

คอนเฟิร์ม ศุภณัฏฐ์ เจ็บแฮมสตริง ต้องพักหลายสัปดาห์

แชร์บทความนี้
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ