เอกี้ เมาลาน่า : วันเดอร์คิดอินโดฯที่ล้มลุกคลุกคลานในยุโรปแต่ยังไม่หนีกลับบ้าน
เอกี้ เมาลาน่า เขาอาจจะอายุเพียง 22 ปี แต่เขากลายเป็นหนึ่งในซูเปอร์สตาร์ของวงการฟุตบอลอินโดนีเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยังเป็นที่ยอมรับในฉายา เมสซี่แห่งอินโดนิเซีย
แนวรุกมากพรสวรรค์ถือเป็นหนึ่งในนักกีฬาคนดังของประเทศ จากยอดผู้ติดตาม 2.4 ล้านคนบน Instragram และเขาถือว่าเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตามอง ในศึก เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คัพ 2022 นี้
Think Curve - คิดไซด์โค้ง จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับนักเตะหนุ่มคีย์แมนคนสำคัญของทัพการูด้า แล้วคุณจะรู้ว่านอกจากฝีเท้า เด็กคนนี้ยังมีหัวจิตหัวใจที่ไม่ธรรมดา
เรื่องที่เกี่ยวข้อง : เคนชิโร่ แดเนี่ยลส์ : กองหน้าฟิลิปปินส์ผู้เป็นบุตรแห่ง "หมัดเทพเจ้าดาวเหนือ"
กำเนิด “เอกี้ เมสซี่”
เอกี้ เริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลด้วยวัยเพียง 6 ปี กับโรงเรียนฟุตบอล Tasbi สโมสรชุมชนเล็ก ๆ ใน เมดัน ซึ่งพ่อของเอกี้ ไซอาริฟูดิน (Syarifudin) เป็นโค้ชฟุตบอลของที่นั่น
“ผมชอบฝึกสอนเด็ก ๆ และความจริงที่ว่าผมสามารถสอน เอกี้ ลูกชายของผมได้ด้วย ตอนที่เขาอยู่ที่ Tasbi ผมมักจะให้การฝึกสอนเพิ่มเติมแก่เขาเพื่อสนับสนุนการพัฒนาของเขานอกเหนือจากบทเรียนปกติ” ไซอาริฟูดิน บอกกับ Goal.com
ฝีไม้ลายมือของ เอกี้ ในวัยเด็กนั้นถูกจุดประกายโดยชายที่ชื่อว่า ซูบักจา ซุยฮาน พนักงานบริษัทรับเหมาของรัฐ ที่ชื่นชอบฟุตบอล ดันไปเห็น เอกี้ ลงสนามแข่งขันในช่วงปี 2011 และการมองไม่กี่ครั้งเขาก็ดูออก เด็กคนนี้เก่งเกินกว่าจะเล่นในสนามชุมชนหรือท้องถิ่นแบบนี้
ซุยฮาน เชื่อว่า เอกี้ ควรได้ฝึกและซ้อมแบบที่มีมาตรฐาน เขาจึงได้พูดคุยกับพ่อของ เอกี้ เกี่ยวกับพรสวรรค์ของลูกชาย และบอกว่ามีที่แห่งหนึ่งที่เหมาะกับความสามารถของ เอกี้ และ ซุยฮาน ก็รอจนกระทั่ง เอกี้ มีอายุ 13 ปี ซึ่งเป็นวัยที่สามารถเข้าสู่ศูนย์ฟุตบอลเยาวชนชื่อดังของกรุงจาการ์ตา ชื่อว่า “โรงเรียนกีฬา ลากูนัน อีลิท”
ซึ่งโรงเรียนกีฬา ลากูนัน อีลิท เป็นโรงเรียนกีฬาชั้นนำของประเทศอินโดนิเซียที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเพื่อเฟ้นหานักกีฬาเยาวชนที่มีพรสวรรค์เพื่อนำมาพัฒนาและต่อยอดไปในอนาคต
โดยโรงเรียนแห่งนี้มีแนวคิดที่คล้ายกับ ลา มาเซีย ศูนย์ฝึกสอนฟุตบอลชื่อดัง ภายใต้สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลน่า ซึ่งเป็นสโมสรชั้นนำของสเปน ที่ปลูกฝังและปลูกปั้น ลิโอเนล เมสซี่ ให้กลายมาเป็นโคตรนักเตะระดับโลกในปัจจุบัน
ซึ่ง ลากูนัน อีลิท จะรับสมัครเด็ก ๆ เพียง 8 คนต่อปีจากทั่วอินโดนีเซีย และเด็ก ๆ อาจถูกไล่ออกหากพวกเขาไม่สามารถแสดงศักยภาพได้อย่างที่โรงเรียนคาดหวังไว้
ที่แห่งนี้ เป็นที่ให้กำเนิดนักเตะระดับแนวหน้าของอินโดนิเซียมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผู้รักษาประตู อันดริทานี อาร์ดิยาซ่า (Andritany Ardhiyasa) แบ็กขวา ปูตู เกเด้ (Putu Gede) กองกลาง มูฮัมหมัด ฮาร์เกียนโต (Muhammad Hargianto) และเอียน หลุยส์ คาเบส (Ian Louis Kabes) กองหลัง อับดุล เลสตาลูฮู (Abduh Lestaluhu) และอิลฮัม อาร์ไมน์ (Udin Armaiyn)
เอกี้ ใช้เวลาการฝึกซ้อมและแสดงศักยภาพในโรงเรียนนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม เด็กหนุ่มคนนี้เต็มไปด้วยแพชชั่นบนเส้นทางฟุตบอล ความทะเยอทะยานและพรสวรรค์ ทำให้ บัมบัง วาร์ซิโต หัวหน้าโค้ชฟุตบอลของโรงเรียนรู้ที่ได้รับมอบหมายให้พัฒนานักฟุตบอลรุ่นเยาวชน 24 คนที่ได้รับการคัดเลือก เขาประทับใจกับความสามารถที่แสดงออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติของ เอกี้ ทันทีเมื่อเขาเห็นเอกี้เป็นครั้งแรก
"เอกี้นั้นแตกต่าง พรสวรรค์ของเขาแตกต่างจากเด็ก ๆ ทั่วไป ทักษะของเขาคือพรสวรรค์" บัมบังกล่าวระหว่างการสัมภาษณ์พิเศษกับ Jakarta Globe
บัมบัง กล่าวว่า “จริง ๆ แล้วเขามาช้าไปหน่อยในการมารับเข้าเรียนประจําปีของเราในเวลานั้น แต่เนื่องจากความสามารถของเขานั้นยอดเยี่ยม เราจึงยังคงรับเขาเข้าโรงเรียน”
นอกจากความสามารถอันยอดเยี่ยมของเขาแล้ว บัมบัง ยังกล่าวว่า เอกี้ ยังเป็นคนที่ขยันมีระเบียบวินัยและอ่อนน้อมถ่อมตน และรับฟังคําแนะนําจากโค้ชและรุ่นพี่เสมอ
“มีช่วงเวลาหนึ่งในเกมที่ผมเห็นเอกี้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของเขาได้ ผมเข้าไปหาเขาหลังจบเกมและบอกเขาว่า เอกี้ ถ้านายอยากประสบความสําเร็จ นายต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมตัวเอง ควบคุมความโกรธของนาย' เขารับฟังผมตั้งแต่นั้นมา” บัมบังกล่าว
“ผมภูมิใจในตัวเขามาก แน่นอนว่าโค้ชคนอื่นก็เช่น ผมเห็นด้วยกับโค้ชคนอื่น ๆ ว่าเขาสามารถเป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุดของอินโดนีเซียได้เช่นเดียวกับเมสซี่”
เป็นธรรมดาที่เด็กคนที่ตัวเล็ก รวดเร็ว คล่องแคล่ว และเล่นฉลาด จะถูกเรียกว่า “...(ชื่อตัวเอง) เมสซี่” และ เอกี้ เมาลาน่า ก็ถูกเรียกแบบนั้นเป็นครั้งแรกที่ ลากูนัน อีลิท
“ผมจําได้ว่าช่วงปีแรก ๆ ของเขาที่ ลากูนัน ผมบอกกับผู้ช่วยของผมว่าเด็กเท้าซ้ายคนนี้ดูเหมือนเมสซี่ เรามีเมสซี่อยู่ในทีมของเรา” บัมบัง เล่า
“ด้วยเท้าซ้ายที่แข็งแกร่งของเขาผมมักจะวางเขาไว้ทางปีกขวาและปีกซ้ายเพื่อทำให้คู่ต่อสู้สับสน แต่ผมชอบให้เขาเล่นเป็นตำแหน่งหน้าต่ำมากกว่า”
เอกี้ อยู่ที่โรงเรียนกีฬา ลากูนัน อีลิท เป็นเวลาสามปีครึ่งก่อนที่เขาจะถูกเรียกตัวติดทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ไปแข่งขันราย “ตูลง คัพ” ในปี 2017
โดยรายการ ตูลง คัพ นี้ถือเป็นรายการฟุตบอลสำหรับเยาวชนที่ดังที่สุดรายการหนึ่งของโลก นักเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เธียร์รี่ อองรี, คาฟู และ ดานี อัลเวส รวมถึงอีกเป็นร้อย ๆ คนที่พูดชื่อไปก็ต้องร้องอ๋อ ต่างก็ผ่านการแข่งขันรายการนี้มาเเล้วทั้งนั้น
ความแข็งแกร่งระดับรวมตัวท็อปทั่วโลกทำให้ อินโดนีเซีย ยู19 ไม่สามารถเก็บแต้มในรอบแบ่งกลุ่มได้เลย แต่หนึ่งในนักเตะก็เฉิดฉายที่สุด นั่นคือ เอกี้ ซึ่งหลังจากเล่นเพียงสามนัด เขาได้รับรางวัล Jouer Revelation อันทรงเกียรติ รางวัลเดียวกับที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ ซีเนอดีน ซีดาน เคยได้รับมาก่อน
ผลงานดังกล่าวทำให้เขากลายเป็นหนึ่งใน 60 ดาวรุ่งที่ดีที่สุดในโลกฟุตบอลประจำปี 2017 โดย The Guardian สื่อของประเทศอังกฤษ หลังจากที่ทำผลงานได้น่าประทับใจกับทีมชาติอินโดนีเซีย ชุดอายุต่ำกว่า 19 ปี ในตูลง ทัวร์นาเมนต์ ที่ ฝรั่งเศส … มาถึงตอนนี้ อาเซียน ก็เล็กเกินไปแล้วสำหรับเขา
เดินหน้าสู่ยุโรป
จากตูลง คัพ ปี 2017 ชื่อเสียงของ เอกี้ ก็เริ่มกะฉ่อนขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเขาช่วยให้อินโดนีเซียจบอันดับสามในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี และเขายังได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์เมนต์ควบกับรางวัลดาวซัลโว เขายิงไปทั้งหมด 8 ประตู รวมถึงอีก 2 ประตูที่อินโดนีเซียเอาชนะเมียนมาเจ้าภาพ 7-1 ในนัดชิงอันดับสาม
สโมสรจากยุโรปมากมายได้มุ่งความสนใจมาที่เขามากขึ้นเรื่อย ๆ จากผลงานที่โดดเด่นขึ้นอีกครั้ง ในรอบคัดเลือก ของ ศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี มีหลายสโมสรในยุโรปที่ให้สนใจในตัวเขา บนหน้าสื่อมีการลือกันว่าสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง อาหยักซ์, เบนฟิก้า, สปอร์ติ้ง ลิสบอน,แซงต์-เอเตียน เข้ามาเกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม เอกี้ เลือกจะย้ายไปกับทีมเล็ก ๆ ในลีกโปแลนด์ ที่ชื่อ Lechia Gdańsk เซ็นสัญญา 3 ปี ในเดือนมีนาคม 2018 ก่อนจะย้ายไปร่วมทีมอย่างเป็นทางการ ตอนที่เขาอายุ 18 ปีเต็ม
เขาเผยด้วยตัวเองว่า “ผมไปฝึกซ้อมอยู่ที่ฝรั่งเศสอยู่ 7 วัน แล้วก็ได้รับข้อเสนอให้อยู่กับทีมต่อ แต่พูดจริง ๆ ว่าผมรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถคุยกับผมได้เลย ไม่มีใครพูดอังกฤษ แล้วผมก็ถูกปฎิบัติอย่างเย็นชา ซึ่งจริง ๆแล้วตัวผมเป็นคนที่เลือกจะอยู่ไหนก็จะทำให้ตัวเองรู้สึกสบายใจที่จะอยู่”
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่แย่เลย โปแลนด์ เป็นลีกที่ดีสำหรับก้าวแรก ผมมาที่นี่ผมพร้อมจะเรียนรู้และผมพร้อมที่จะพูดภาษาเดียวกับพวกคุณ” เอกี้ ในวัย 18 ปีว่าเช่นนั้น
เอกี้ ได้สวมเสื้อหมายเลข 10 พร้อมความคาดหวังของแฟน ๆ อย่างล้นหลาม สำนักข่าวของอินโดนีเซียเฝ้าติดตามเขาทุกฝีก้าว และเขาโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับทีมชุดบีของสโมสรด้วยสถิติลงเล่น 16 นัด ยิงไป 13 ประตู
แม้จะยังทำผลงานได้ไม่ดีในช่วงแรก เนื่องจากเขาต้องใช้เวลาในการปรับตัว ในที่สุดเขาได้ประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ในเดือนธันวาคม 2018 โดยถูกเปลี่ยนตัวลงมาในช่วงครึ่งหลัง
และแม้ เอกี้ จะเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลและเพื่อนรวมทีม แต่การก้าวขึ้นไปเล่นในฟุตบอลยุโรปเป็นเรื่องที่ยากเอาการ และเขาก็ไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงในโปแลนด์ได้ และในปี 2021 สัญญาของเขากับ เลเชีย ก็หมดลง ทางทีมตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับเพชรงามแห่งอินโดนีเซียรายนี้
ตลอด 3 ฤดูกาลที่อยู่ที่นั่น เอกี้ได้ลงสนามรวม 11 นัด ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ที่ไม่เลวสำหรับการเล่นอาชีพในยุโรป แต่ด้วยวัย 21 ปี เขาต้องหาโอกาสลงสนามให้ได้มากกว่านี้ และดูเหมือนเส้นทางของเขาบนเวทียุโรปกำลังจะจบลง … สื่ออินโดนีเซีย พยายามบอกว่าเขาเหมาะกับการกลับมาเล่นในบ้านเกิดอีกครั้ง แต่สำหรับ เอกี้ เขาไม่คิดแบบนั้น
แพ้ไม่ได้ต้องไปให้สุดทาง
เมื่อสโมสร เอฟเค เซนิก้า ในลีกสโลวาเกีย ได้เฝ้าดูและมั่นใจในศักยภาพในตัวเขา และหยิบยื่นโอกาสที่สองให้ แต่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้อนาคตของเขาเริ่มไม่แน่นอน แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้โอกาสที่สองของเขาหลุดลอยไปเมื่อเขาสร้างผมงานอันยอดเยี่ยมได้ทันทีกับสโมสรใหม่และกลายเป็นตัวหลักของทีมเซนิก้าอย่างรวดเร็ว
แม้สโมสรของเขาจะเริ่มต้นฤดูกาล 2021 ได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ เอกี้ เป็นนักเตะเพียงไม่กี่คนที่โดดเด่นขึ้นมา จากความสามารถในการจับบอลแรก ทักษะเฉพาะตัวและความเร็ว ที่น่าตื่นตาตื่นใจในตำแหน่งปีกขวา เขาลงสนาม 26 นัด ทำ 2 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ประสบความสำเร็จทีเดียวสำหรับเอกี้
เอกี้ใช้ความเร็วประสานกับทักษะในการเลี้ยงบอลและพลิกบอลที่เป็นจุดเด่น ทำให้เขาเป็นตัวอันตรายเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ริมเส้นหรือกลางสนาม การเลี้ยงบอลทะลุทะลวงของเขาคือฝันร้ายสำหรับกองหลัง เมื่อไม่แน่ใจว่าเท้าซ้ายของเขาจะพาบอลลากไปทางไหนต่อ
อย่างไรก็ตามตลอดเวลาที่เติบโตขึ้นมา เอกี้ ถูกเรียกตัวติดทีมชาติอินโดนีเซียมาทุกรุ่น จนกระทั่งได้เล่นในทีมชาติชุดใหญ่ เกมพบบรูไน เมื่อปี 2017
นอกจากนั้น เอกี้ ยิงให้ทัพการูด้าไปทั้งสิ้น 3 ประตู รวมถึงประตูในนัดชิงชนะเลิศ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ที่เจอทีมชาติไทย ที่ช่วยให้อินโดนีเซียเก็บผลเสมอได้ในนัดที่สอง
เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่อยากจะพิสูจน์ฝีเท้าในเวทียุโรป ซึ่งเขาตัดสินใจแล้วว่ายังไม่ถึงเวลาที่เขาจะกลับไปเล่นยังบ้านเกิดของตัวเอง เขายังคงมุ่งมั่นบนเส้นทางความฝันของตัวเองอย่างสุดความสามารถ
“ผมมีชื่อเสียงในเอเชีย แต่ที่นี่ผมยังไม่ได้สร้างชื่อให้ตัวเอง คุณรู้ไหมว่าอะไรทำให้ผมรำคาญ สื่อมองว่าผมเป็นผลิตภัณฑ์เป็นหลัก และผมก็แทบรอไม่ไหวที่จะเล่น ผมต้องการพิสูจน์ว่าทำไมผมถึงมาที่นี่ ผมไม่ได้มาที่นี่ด้วยเหตุผลทางการตลาด” เอกี้ พูดถึงเป้าหมายของเขาตั้งแต่วันแรกที่ได้ไปเล่นในยุโรป
ถึงตอนนี้อาจจะยังไม่มีใครรู้ว่า เอกี้ จะค้าแข้งที่ไหนต่อ โดยหลัก ๆ แล้วที่มีข่าวอยู่คือมีทางเลือกให้เขา 3 ทาง 1. คือการกลับมาเล่นในอินโดนีเซียกับ Persija Jakarta 2. คือเล่นกับ เลชเช่ ทีมใน กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ที่มีเจ้าของสโมสรเป็นชาวอินโดนีเซีย และ 3. คือการเล่นในญีปุ่น ซึ่งเรื่องนี้เปิดจากการให้สัมภาษณ์ของเอเย่นต์ของเจ้าตัวเอง
ไม่ว่าเขาจะเลือกทางไหนแต่การเก็บข้าวของไปเล่นในยุโรปตั้งแต่อายุ 17 ปี เดินทางไปเล่นกับทีมเล็ก ๆ ที่ไม่ไดมีชื่อเสียง ก็ทำให้ได้อะไรกลับมามากมาย และในวัย 22 ปี เส้นทางนักฟุตบอลของเขายังไกลมากกว่า 10 ปี ด้วยทัศนคติแบบนี้ น่ากลัวว่าในวันที่เขาพีกถึงขีดสุด เขาอาจจะกลายเป็นนักเตะอาเซียนที่ดีที่สุดในยุคของเขาก็เป็นได้
และในศึก เอเอฟเอฟ มิตซูบิสชี อิเล็กทริก คัพ 2022 ที่กำลังแข่งขันนี้ เอกี้ ยืนยันว่าเขาจะไม่ใช้รายการนี้เป็นบันไดสำหรับโอกาสของตัวเองในอนาคตแน่นอน เพราะเขาเชื่อว่านักเตะทุกคนต้องละทิ้งอีโก้ส่วนตัวและต้องมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะมอบความสามารถทั้งหมดให้กับถ้วยรางวัล เอเอฟเอฟ คัพ
“ไม่มี (เป้าหมายส่วนตัว) ดังนั้นผมจึงให้ความสําคัญกับทีมเป็นอันดับแรก เราต้องมีเป้าหมายเดียวอย่างที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้ นักเตะทุกคนต้องทุ่มเททํางานหนักเพื่อเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือแชมป์ในเอเอฟเอฟ คัพ”
การแข่งขันกลุ่ม A โดยในเกมแรกอินโดนีเซียสามารถเอาชนะกัมพูชาไปได้ 2-1 เกมที่สองเอาชนะบรูไนไปได้อย่างดุเดือดถึง 0-7 และในเกมถัดไปพวกเขาจะพบกับทีมชาติไทย ในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ เวลา 16.30 น.
สำหรับศึกลูกหนังชิงแชมป์อาเซียนเป็นรายการที่จัดขึ้นทุก ๆ 2 ปี โดย 11 ชาติที่อยู่ในภูมิภาคนี้ จะลงชิงชัยเพื่อชิงความเป็นหนึ่งด้านเกมลูกหนัง ว่ากันว่านี่คือการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว
นี่ถือเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันที่ Yanmar เป็นสปอนเซอร์หลักของการแข่งขันรายการนี้ หลังเคยเป็นมาแล้วในปึ 2016, 2018 และ 2020 โดย Yanmar จะโปรโมตการแข่งขันผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ในกลุ่มประเทศอาเซียนในระหว่างทัวร์นาเมนต์
“Yanmar ต้องการเป็นพลังขับเคลื่อนการใช้ชีวิตที่ก้าวหน้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงสนับสนุนชีวิตของคนในภูมิภาคนี้ ผ่านผลิตภัณฑ์, การให้บริการ, และทางเลือกในอุตสาหกรรมการเกษตรและการทำประมง ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Yanmar จะส่งต่อประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและแบ่งปันความสุขผ่านเกมฟุตบอล” สึโตมุ มูรายามะ ผอ.ฝ่ายธุรกิจกีฬาของ Yanmar กล่าว
สำหรับ การเข้ามาเป็นสปอนเซอร์ฟุตบอล AFF MITSUBISHI ELECTRIC CUP 2022 หนนี้ Yanmar จะทำกิจกรรมในภูมิภาคนี้ภายใต้สโลแกนที่ว่า “#Football is our engine -Challenge for tomorrows, together-" เพื่อตอกย้ำถึงความปรารถนาที่จะสนับสนุนผู้คนที่ต้องการท้าทายกับอนาคตต่อไป โดยมีฟุตบอลเป็นแรงขับเคลื่อนของคนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แหล่งอ้างอิง
https://jakartaglobe.id/news/the-making-of-egy-maulana-vikri-indonesias-lionel-messi
https://weszlo.com/2018/03/14/saint-etienne-ajaksu-benfiki-klubow-wloskich-egy-wybral-lechie/
https://www.transfermarkt.com/egy-maulana-vikri/profil/spieler/548371
https://voi.id/en/sports/235654?fbclid=IwAR1dc_nVS__3O1Htq30EK1TjMtIsybmfIAEgZbVR1oVyvPUbHE545VH3AIg
ข่าวและบทความล่าสุด
RELATED BY AUTHOR