เอสโตเนีย เก่งแค่ไหน มีอะไรที่ห้ามประมาท?

ทันทีที่จบเกมกับจอร์เจีย “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ก็ต้องเก็บกระเป๋า มุ่งหน้าสู่กรุงทาลินน์ ที่อยู่ห่างจาก กรุงทบิลิซี ทางตอนเหนือราว 3,000 กิโลเมตร เพื่อทำศึกกับ เอสโตเนีย ในเกมอุ่นเครื่องนัดที่ 2 ในยุโรป

แม้ว่าคู่แข่งของทีมชาติไทยทีมนี้ อาจจะเป็นทีมระดับกลาง ค่อนไปทางล่างของยุโรป แต่ฟุตบอลของพวกเขาก็มีความเป็นมาที่ยาวนาน แถมครั้งหนึ่งยังเคยไปเล่นฟุตบอลโอลิมปิกมาแล้ว

เอสโตเนีย เป็นทีมแบบไหนกันแน่ หรือมีอะไรที่ ทีมชาติไทย ต้องระวังเป็นพิเศษ ติดตามไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง ได้ที่นี่

อดีตทีมโอลิมปิก

ฟุตบอลของเอสโตเนีย นั้นมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน พวกเขารู้จักกับกีฬาชนิดนี้มาตั้งแต่เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิรัสเซีย ก่อนจะก่อตั้งสมาคมฟุตบอล ในปี 1921 หรือไม่กี่ปีหลังได้รับเอกราช และได้เป็นสมาชิกของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่าในปี 1923

Eesti jalgpall on X: "94 YEARS AGO: On 25 May 1924 Estonia competed at the Olympic Games in Paris. The historic match against USA ended with a narrow 0:1 defeat. #retro #eestikoondis #

จากนั้นในปีต่อมา เอสโตเนีย ก็ได้มีโอกาสร่วมการแข่งขันฟุตบอลระดับเมเจอร์เป็นครั้งแรก หลังได้รับเชิญไปเล่นฟุตบอลโอลิมปิก 1924 ที่ปารีส ที่กลายเป็นหนึ่งในทัวร์นาเมนต์แห่งความทรงจำของชาติ

ฟุตบอลโอลิมปิกในยุคนั้น ยังใช้ระบบทัวร์เนาเมนต์แบบแพ้คัดออก และเอสโตเนีย ก็ต้องโคจรมาพบกับ มาพบกับ สหรัฐอเมริกา เจ้าของเหรียญเงินและเหรียญทองแดงในปี 1904 (สหรัฐ ฯ ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขัน 2 ทีม)

25 พฤษภาคม 1924 นักเตะทั้ง 11 คนของเอสโตเนีย ลงเล่นต่อหน้าแฟนบอลกว่า 8,000 คนในสนาม สต๊าด เพอร์ชิง และพวกเขาก็มาโชคร้ายตั้งแต่นาทีที่ 15 เมื่อมาเสียจุดโทษ ก่อนที่จะถูก แอนดี สตราเดน สังหารเข้าไป

ช่วงครึ่งหลัง เอสโตเนีย พยายามทวงประตูคืน และมามีโอกาสทองฝังเพชร ในนาทีที่ 68 เมื่อมาได้จุดโทษบ้าง แต่ เอลมาร์ คัลจ็อต มิดฟิลด์ของทีม ซัดไปชนคานอย่างจัง และทำให้พวกเขาแพ้ไป 1-0 ตกรอบไปอย่างเสียดาย

อย่างไรก็ดี หลังตกรอบ ทีมชาติเอสโตเนีย ก็ยังไม่กลับบ้าน พวกเขาคิดว่ามันเร็วเกินไป จึงตัดสินใจอยู่ปารีสต่อ จนกว่าทัวร์นาเมนต์จะจบลง ที่ทำให้พวกเขาได้ลงเตะกระชับมิตรกับทีมชาติไอร์แลนด์ และพ่ายไปด้วยด้วยสกอร์ 3-1

ยิ่งไปกว่านั้น นักเตะหลายคนจากทีมชุดนี้ยังมีสตอรี่ที่น่าสนใจในภายหลัง ไม่ว่าจะเป็น โยฮันเนส เบรนเนอร์ ที่แขวนสตั๊ดตอนอายุ 24 ปี เพื่อไปเป็นทหาร, หรือ เอิร์นท์ โยลล์ ที่ผันตัวไปเป็นผู้สื่อข่าวกีฬาและบรรณณาธิการ รวมถึง เอวัลด์ ทิปเนอร์ ผู้รักษาประตูของทีม ที่ติดทีมชาติเอสโตเนียอีกครั้งในกีฬาฮ็อคกี้ และได้ไปเล่นโอลิมปิกฤดูหนาว ที่จัดขึ้นในปีเดียวกัน

อย่างไรก็ดี นี่กลับเป็นความรุ่งเรืองครั้งสุดท้าย ของวงการฟุตบอลเอสโตเนีย

สมันน้อยแห่งยุโรป

แม้ว่าหลังโอลิมปิก 1924 พวกเขาจะสามารถก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์บอลติก ถึง 2 ครั้งในปี 1929 และ 1931 แต่มันก็เป็นเพียงทัวร์นาเมนต์เล็กๆ ของกลุ่มประเทศที่มีพรมแดนติดทะเลบอลติก ที่มีทีมเข้าร่วมเพียงแค่ 3 ทีมได้แก่ ลิธัวเนีย, ลัตเวีย และเอสโตเนีย เท่านั้น

นอกจากนี้ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เอสโตเนีย ยังถูกผนวกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ที่ทำให้ทีมชาติของพวกเขา ต้องอยู่ภายใต้ร่มเงาของแดนหมีขาวกว่า 50 ปี

และกว่าที่ เอสโตเนีย จะกลับมาได้ ก็ต้องรอจนถึงปี 1991 หลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย ที่ทำให้ทีมชาติของพวกเขากลับมาก่อร่างสร้างตัวอีกครั้ง แต่เนื่องจาก 50 ปีที่หายไป มันนานเกินไป ทำให้พวกเขาตามหลังชาติอื่นในยุโรปไม่ทันแล้ว

Estonian men's football team go down 2:0 to Azerbaijan in Euro 2024 qualifier | News | ERR

พวกเขากลายเป็นทีมแจกแต้มแห่งยุโรป ที่ปัจจุบันรั้งอยู่ในอันดับ 115 ของโลก อีกทั้งยังไม่เคยผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลก หรือฟุตบอลยูโร รอบสุดท้ายแม้แต่ครั้งเดียว

แถมผลงานปัจจุบัน ยังย่ำแย่เหลือทน เมื่อเอสโตเนีย เพิ่งจะเอาชนะคู่แข่งได้เพียงเกมเดียวจากการลงสนาม 8 นัดในปีนี้ อีกทั้งยังพบกับความปราชัยมา 3 เกมรวด และเสียไปถึง 13 ประตู

อย่างไรก็ดี ใช่ว่าพวกเขาจะเป็นขนมกรุบ สำหรับทีมชาติไทย เพราะอันที่จริง เอสโตเนีย ก็มีผู้เล่นฝีเท้าดีอยู่ในทีมไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น คาร์ล ยาค็อบ ไฮน์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีมที่ค้าแข้งอยู่กับ อาร์เซนอล, มัคซิม ปาสโคท์สี แนวรับจากกราสฮอปเปอร์ ซูริค รวมถึง จอร์จี ทันยอฟ กองกลางจากเปสคารา ในเซเรีย ซี ของอิตาลี

Karl Jakob Hein: Why I snubbed Manchester United for at Arsenal

นอกจากนี้ พวกเขายังมาเป็นทีมที่นิยมใช้แผนกองหลัง 3 คน ด้วยระบบ 3-5-2 หรือ 3-4-2-1 โดยวาง เฮนรี อันนิเยร์ อดีตหัวหอกเมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นกองหน้าตัวเป้า พร้อมด้วย เฮนริค โอจามา และ คอน
สแตนติน วาสซิลีเยฟ มิดฟิลด์จอมเก๋าเป็นตัวสนับสนุน ส่วนแนวรับ คาร์ล ยาค็อบ ไฮน์ ยืนปักอยู่หน้าปากประตู

ด้วยความที่ เอสโตเนีย ยังไม่ชนะเลยใน 7 เกมหลังสุด ซึ่งโปรแกรมนัดล่าสุดในศึก ยูโร รอบคัดเลือก เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา พวกเขาพ่ายคาบ้านให้กับ อาเซอร์ไบจาน อย่างน่าผิดหวัง 0-2 แม้จะพยายามเปลี่ยนวิธีการเล่น จากเดิมที่พอเจอกับทีมแกร่งๆ อาทิ เบลเยี่ยม และ สวีเดน ที่จำเป็นต้องเลือกรับแล้วสวนกลับ มาเป็นการครองบอลต่อเกมสู้

Azerbaijan beat Estonia 2-0 in Euro 2024 qualifiers

แผนการเล่นที่พวกเขาวางแนวทางไว้เป็นการเล่นเซนเตอร์แบ็คสามคนระบบ 3-4-2-1 มีวิงแบ็คโจมตีทางริมเส้นทั้งสองฝั่งเป็นหลัก กองกลางสองคนทำหน้าที่หนักในการชิงพื้นที่กลางสนามทั้งเกมรุกและเกมรับ คอยป้อนบอลให้กับแนวรุกสามคนที่ค้ำอยู่แดนบนสุด

แม้ว่าสถิติการครองบอลจะสูสีกับอาคันตุกะ อาเซอร์ไบจาน เป็นรองเพียงเล็กน้อยที่ 48.8 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับทีมเยือนที่ครองบอลได้ 51.2% แต่เรื่องของความคมนั้นสู้ไม่ได้ มีโอกาสได้ส่องประตูทั้งหมด 12 ครั้ง แต่ยิงพลาดเป้าไปหมด มีเพียง เฮนรี่ อานิเยร์ อดีตกองหน้าของ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ยิงตรงกรอบไปสองครั้งแต่เปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้

Goals and Highlights: Estonia 0-2 Azerbaijan in Euro Qualifiers 2024 | 10/13/2023 - VAVEL USA

หนนี้กลับมาเล่นในบ้าน สภาพอากาศที่ อา เลอ ค็อก อารีน่า เมืองทาลลินน์ ค่อนข้างจะเย็นจัด อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 9 องศา ท้องฟ้ามีเมฆปกคลุมประมาณ 20% มีความชื้นสูงประมาณ 70% ส่วนกระแสลมโดยประมาณพัดเฉลี่ย ซึ่งน่าจะส่งผลไม่น้อยกับระบบการหายใจของนักฟุตบอลทีมชาติไทย ที่ไม่คุ้นเคยกับการเล่นในภูมิอากาศเช่นนี้มาก่อน ปัจจัยทั้งหมดนี้ล้วนเป็นข้อได้เปรียบของเจ้าบ้านที่หวังปลดล็อคเก็บชัยชนะให้ได้สักที

ทำให้เชื่อว่าเกมกับ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย พวกเขาต้องจัดเต็มอย่างแน่นอน เพราะไม่ใช่แค่การได้ดวลกับทีมจากเอเชีย ที่ไม่ค่อยได้เจอบ่อยนักเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการเรียกความมั่นใจก่อนเกมฟุตบอลยูโร รอบคัดเลือก ที่จะเตะกันอีกทีในเดือนหน้า

ก็ต้องมาลุ้นกันว่า ช้างศึก จะทำผลงานได้ดีแค่ไหน กับการทัวร์ยุโรป นัดที่ 2 รวมถึงจะมีโอกาสได้เห็นผู้เล่นหน้าใหม่ลงสัมผัสเกมขนาดไหน ร่วมเชียร์ ร่วมเป็นกำลังใจให้พวกเขาได้ที่ช่องไทยรัฐทีวี 32 ในวันที่ 17 ตุลาคม เวลาเดิม 23:00 น. เป็นต้นไป