เบรนเเดน กัน : แข้งลูกครึ่งขวัญใจแฟน มาเลเซีย ผู้เอาชนะมะเร็งและคืนสู่สังเวียนลูกหนัง
การเผชิญหน้ากับมาเลเซีย ไม่มีครั้งใดเลยที่เป็นงานง่าย และเหนืออื่นใดคือ ไทย ยังไม่ชนะพวกเขาเลยในการพบกัน 6 ครั้งหลังสุด และมีชายคนหนึ่งที่ต่อสู่กับโรคร้ายและกลับมาเป็นฟันเฟืองสำคัญของทีมชาติมาเลเซียอีกครั้ง เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่ ช้างศึกต้องระวัง ก่อนที่จะพบกันในวันเสาร์ที่ 7 มกราคม 2022
วันนี้ Think Curve - คิดไซด์โค้ง จะพาทุกท่านมารู้จักกับชายที่สามารถเอาชนะมะเร็งและกลับมาสู่สังเวียนฟุตบอลอีกครั้งได้สำเร็จ
ลูกครึ่งผู้เป็นความหวัง
เบรนเเดน กัน มีเชื้อสายมาเลเซียและออสเตรเลีย และด้วยความที่เติบใหญ่ในบ้านเกิดของฝั่งแม่ชาวออสเตรเลีย ทำให้เขากลายเป็นเด็กฝึกในอะคาเดมี่ของ ซูเธอร์แลนด์ ชาร์คส์ สโมสรในลีกออสเตรเลีย
กัน สั่งสมประสบการณ์และพัฒนาฝีเท้าในลีกออสเตรเลียอยู่พักหนึ่งโดยเฉพาะกับทีมดังอย่าง ซิดนี่ย์ เอฟซี
ทว่าเนื่องจากพ่อของเขามีครอบครัวอยู่ที่มาเลเซียและพวกเขามักจะกลับมาที่นี่บ่อย ๆ และมันทำให้ประสบการณ์การเป็นนักฟุตบอลอาชีพครั้งแรกของเขากับมาเลเซียเริ่มต้นขึ้น ซึึ่งแน่นอนว่าการเป็นลูกครึ่งในลีกอาเซียนนั้นคุณมักจะได้รับการปฎิบัติเป็นอย่างดี ที่แน่ ๆ ก็คือรายรับที่กระโดดเพิ่มมาในทันทีจากการเล่นที่ ออสเตรเลีย
โดยค่าเฉลี่ยของรายได้นักเตะในลีก เอ ลีก ออสเตรเลีย ทีเ่ป็นลีกสูงสุดจะตกเป็นเงินไทยอยู่ที่ราวปีละ 4 ล้านบาท (จากการเก็บข้อมูลในปี 2020) ขณะที่รายได้ของ เบรนเเดน กัน ณ ตอนนี้ มีการอ้างอิงว่าเขามีรายรับต่อปีอยูที่ราว ๆ 1 ล้านดอลลาร์ หรือปีละ 33-34 ล้านบาทเลยทีเดียว
โดยในปี 2012 กัน เริ่มย้ายมาเล่นให้กับสโมสร เซบะห์ ทีมในลีกมาเลเซีย และได้รับสัญชาติมาเลเซียในปีต่อมา ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับทีม เกลันตัน ในปี 2014 จนกระทั่งถูกเรียกติดทีมชาติมาเลเซียในปี 2016 และเล่นมาจนถึงปัจจุบัน
ไม่ว่าเขาจะมาที่ มาเลเซีย ด้วยเหตุผลอะไร แต่ที่แน่ ๆ เขาและครอบครัวภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้รับเกียรติในการลงเล่นให้กับทีมชาติ มาเลเซีย ซึ่งจนถึงตอนนี้เขาก็เป็นขุนพลตัวหลักของเสือเหลืองมาครบ 6 ปีแล้ว
“มันวิเศษมาก” กัน กล่าว “พ่อของผมตื่นเต้นมากทุกครั้งที่ผมใส่เสื้อและเป็นตัวแทนของทีมชาติ”
“เห็นได้ชัดว่าเมื่อผมใส่เสื้อตัวนั้น ผมให้ 100% ไม่ว่าตราสัญลักษณ์จะเป็นอย่างไร แต่ในเวลาเดียวกันเมื่อคุณได้รู้จักวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของฟุตบอลมาเลเซียมันก็ทําให้คุณตื่นเต้นมากที่จะเล่นให้กับประเทศ”
“และเมื่อเราลงเล่นรอบคัดเลือกสําหรับฟุตบอลโลกที่กําลังจะมาถึง เราเล่นในบ้านต่อหน้าผู้คน 90,000 คนที่เชียร์เรา มันทําให้ขนที่คอของคุณรุกและมันเหลือเชื่อมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนั้น”
“ผมรู้สึกมีความสุขมากที่ได้เป็นตัวแทนของประเทศ ผมมีความหลงใหลในประเทศนี้มาก”
กัน เล่าว่าจริง ๆ แล้วนอกจากเขาจะภูมิใจในความสำเร็จของตัวเองเเล้ว เขายกมีแพสชั่นในการเล่นทีมชาติมาเลเซียแบบสุด ๆ เพราะเหตุผลของแฟนบอล ที่มีความคลั่งไคล้ฟุตบอลเป็นอย่างมาก บรรยากาศที่ กัน ได้พบ โดยเฉพาะในสนาม บูกิต จาลิล นั้นเขายอมรับว่าเขายังไม่เคยพบในเกมฟุตบอลของ ออสเตรเลีย เลยด้วยซ้ำ
บ่อยครั้งที่มันเป็นพรีเมียร์ลีกอังกฤษหรือแมตช์สําคัญของยุโรป แต่เมื่อทีมชาติมาเลเซียทำแข่งขัน จะมีเพียงจุดสนใจเดียวสําหรับประเทศที่มีประชากร 32 ล้านคน
“มันเหลือเชื่อมากที่พวกเขารักฟุตบอลในประเทศขนาดนี้” กัน กล่าว
และเขายังกล่าวชื่นชมสนามกีฬาแห่งชาติบูกิตจาลิลผ่านสื่ออีกว่า
“ผมไม่คิดว่าจะมีอะไรใกล้เคียง บูกิต จาลิล” กัน บอกกับ FIFA.com
“ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต มันค่อนข้างบ้า ผู้คนจากต่างประเทศที่ได้มาสัมผัสบรรยากาศและหลายคนบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นในชีวิตของพวกเขา”
“จากมุมมองของผู้เล่น คุณจะได้ยินเสียงจํานวนหนึ่งในพื้นที่ส่วนใหญ่ แต่คุณไม่สามารถกลบเสียงนั้นได้ ผมเคยไปอเมริกาใต้และเห็นได้ชัดว่าการสนับสนุนฟุตบอลที่นั่นยอดเยี่ยมมาก แต่จริง ๆ แล้วที่นี่ (มาเลเซีย) คล้ายกับที่นั่น”
หลังจากรับใช้ชาติครั้งแรก กัน ก็กลายเป็นตัวหลักของ มาเลเซีย มาอย่างสม่ำเสมอ
จุดเปลี่ยนของชีวิต
แต่ก็เหมือนฝันร้าย มิดฟิลด์ในวัย 33 ปี จากสโมสรเซลังงอร์ เอฟเอ ถูกตรวจพบว่า ป่วยเป็นโรคมะเร็งอัณฑะตั้งแต่ช่วงกลางปี 2021
“เรื่องราวชีวิตผมมีแต่เรื่องราวดี ๆ แม้แต่เรื่องร้ายก็ยังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผม และทำให้ผมค้นพบมุมสว่างในทุก ๆ เหตุการณ์ มันช่วยเสริมสร้างตัวผมและการยืนหยัดของผมผ่านอุปสรรคที่เข้ามา"
“มันนำพาผมไปสู่ความท้าทายครั้งต่อไป”
“ผมตรวจพบโรคมะเร็งอัณฑะ ผมได้เข้ารับการผ่าตัดและเตรียมเผชิญกับส่วนต่อไปของขั้นตอนการรักษาในเร็ว ๆ นี้”
กัน เป็นแข้งกำลังหลักสำคัญของทัพเสือเหลืองมาโดยตลอด และเป็นนักเตะมาเลเซียที่แฟนบอลชาวไทยคุ้นเคยกันดี
แม้เขาจะถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งลูกอัณฑะ จนต้องเลิกเตะบอลไปพักรักษาตัว ก่อนจะเอาชนะโรคร้ายและกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง
นับจากวันนั้นเป็นเวลาหนึ่งปี เขายอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสําหรับเขาที่จะผ่านพ้นไปได้อดีตกัปตันทีม เซลังงอร์ เอฟเอ กล่าวว่า มันเปลี่ยนโลกของเขา แต่เขาก็มุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับมัน
"หนึ่งปีนับจากวันนั้น ตั้งแต่การวินิจฉัย (มะเร็ง) มันเปลี่ยนโลกของผม"
ว่ากันว่าโรคมะเร็งนั้นกลัวความสุข และความเชื่อมั่น … เรื่องนี้อาจจะไม่มีการยืนยันได้ 100% แต่ อย่างน้อย ๆ กัน ก็เชื่อแบบนั้น เขาไม่ยอมรับชะตากรรมและจะอยู่อย่างซึมเศร้าและหดหู่ไปกับ โรค ๆ นี้ เพราะเขามีคนที่ยังต้องการเขา และคนทีเขาสามารถตัดสินใจได้ในทันทีว่า “เขาต้องสู้ต่อ”
“ผมโชคดีที่มีแรงสนับสนุนมากมายรอบตัวผม ภรรยา และ โคโค เจ้าตัวน้อยของผม คนที่ทำให้ผมอยากใช้ชีวิตต่อไปเพื่อเติมเต็มส่วนที่หาย ครอบครัวที่น่ารักของผมที่อยู่เคียงข้างผม ไม่ว่าจะเจอกับอุปสรรคใด ๆ เพื่อนที่ยอดเยี่ยมที่ไม่ทอดทิ้งผมไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ๆ และแฟนบอลมากมาย”
“โรคมะเร็งจะไม่มีทางมากำหนดชะตาชีวิตผม มันเป็นเพียงเส้นทางสั้น ๆ ที่สวยงามที่จะนำพาผมเดินทาง และพาผมกลับมาอยู่ในเส้นทางแห่งความสุขที่ผมเคยได้รับก่อนหน้านี้”
สิ่งที่ต้องยอมรับในตัว กัน คือ ในช่วงที่เขาตรวจพบมะเร็งนั้น เขาต้องอยู่ในมาเลเซียเพียงลำพัง เพราะช่วงเวลาดังกล่าวตรงกับช่วงล็อคดาวน์ของ มาเลเซีย ซึ่งกฎการเดินทางเข้าออกเข้มมาก ๆ ยกตัวอย่างเช่น อนาวิน จูจีน อดีตนักเตะทีมชาติไทยที่ค้าแข้งใน มาเลเซีย กับ เปตาลิง จายา ซิตี้ ก็ยังไม่ได้สามารถเดินทางกลับไทยได้เลย ณ เวลานั้น 2 ประเทศจะมีพรมเเดนติดกันก็ตาม
ยิ่งห่างใกลคนรักยิ่งต้องแกร่งขึ้นอีกหลายเท่า แต่กันตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่ยอมแพ้มะเร็งเพียงเพราะความลำพัง เขาตั้งใจไว้ว่าจะกลับไปหาลูกและภรรยา นั่นคือส่วนสำคัญของชีวิตที่แท้จริง ฟุตบอลเป็นเพียงองค์ประกอบเล็ก ๆ เท่านั้นหากเทียบกับครอบครัว
“ผมพยายามดูแลตัวเองและรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ส่วนตอนที่ยากที่สุดของเรื่องนี้ก็คือภรรยาและลูกชายของผมอยู่ที่ออสเตรเลียในตอนนั้น ผมต้องผ่านกระบวนการด้วยตัวเอง แต่การสนับสนุนที่ผมได้รับจากทุกคนนั้นยอดเยี่ยมมาก”
หลังจากเอาชนะมะเร็ง กัปตันเซลังงอร์มุ่งมั่นที่จะช่วยให้ เรด ไจแอนท์ กลับคืนสู่วันแห่งความรุ่งโรจน์ของพวกเขาอีกครั้ง เขาต่อสู้อย่างกล้าหาญและการผ่าตัดผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
“การกลับมาจากจุดนั้น ผมคิดว่ามันจะเป็นเหมือนอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ แต่มันก็เป็นความท้าทายที่แตกต่างจากความพ่ายแพ้มากมาย มันเป็นอะไรที่สับสนมากทั้งทางอารมณ์และสภาพร่างกาย” กัน กล่าวหลังจากต่อสู่กับโรคร้ายได้สำเร็จ
กัน ยังโพสต์อัปเดตเกี่ยวกับอาการของเขาบน Instagram ส่วนตัว และใช้ประสบการณ์ของเขาเพื่อให้กําลังใจแฟนบอล ว่า
“ไม่เป็นไรที่บางครั้งจะอ่อนแอและรู้สึกถึงอารมณ์ของมัน”
“โดยส่วนตัวแล้วมันไม่ได้เกี่ยวกับการสูญเสียเส้นผม แต่เป็นเครื่องเตือนใจอย่างต่อเนื่องว่ามะเร็งเป็นเรื่องจริงและส่งผลกระทบต่อคนจํานวนมากทั่วโลก”
“อย่าอายหรือละอายใจ ยอมรับกับการดำเนินชีวิตและรูปลักษณ์ใหม่ที่มาพร้อมกับมัน”
และในที่สุด คิงส์ คัพ 2021 ที่ผ่านมาเขาถูกเรียกติดทีมชาติอีกครั้ง และเขาคือหนึ่งในคีย์แมนสำคัญที่ทำให้มาเลเซียชนะไทย ในช่วงดวลลูกจุดโทษ แถมเขายังเคยทำประตูทีมชาติไทยในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ในเกมที่มาเลเซีย เปิดบ้านเฉือนชนะ ทีมชาติไทย 2-1
ซึ่งในเส้นทางนักเตะอาชีพของเขานอกเหนือจากการได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งแล้ว เขายังเคยได้รับอาการบาดเจ็บที่เอ็นไขว้หน้า (ACL) ถึงสองครั้ง ซึ่งมันเกิดขึ้นในปี 2015 และ 2016
เขาต่อสู้กับการผ่าตัดเอ็นไขว้หน้าถึงสองครั้ง และยังต่อสู้กับโรคมะเร็งอีกด้วย เรียกได้ว่าเขาเป็นนักเตะที่มีหัวใจแข็งแกร่งและไม่ยอมแพ้ที่สุดคนหนึ่งในโลกลูกหนังเลยก็ว่าได้
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ขุนพลเลือดผสม : ฟิลิปปินส์กับการปลุกกระแส ‘ลูกครี่ง’ จนสะท้านอาเซียน
เอกี้ เมาลาน่า : วันเดอร์คิดอินโดฯที่ล้มลุกคลุกคลานในยุโรปแต่ยังไม่หนีกลับบ้าน
ไร้เจ้าชายฟาอิค : การเข้ารอบ AFF ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ “บรูไน”
แหล่งอ้างอิง
https://malaysiapost.com.my/2022/07/07/kanser-mengubah-dunia-saya-brendan-gan/