เจ-ชนาธิป เปิดใจถึงนายเก่า ‘โทรุ โอนิกิ’ ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ตัดสินใจย้ายทีม
ชนาธิป สงกระสินธ์ เพลย์เมคเกอร์ป้ายแดงของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ย้อนความหลังถึงสถานการณ์อันยากลำบากในการค้าแข้งกับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ภายใต้การคุมทัพของ โทรุ โอนิกิ เอาไว้พร้อมหลั่งน้ำตา
โดยในฤดูกาลนี้ เจ เริ่มต้นด้วยการเป็นตัวสำรอง ต้องรอโอกาสในการลงสนาม บางเกมก็ไม่มีชื่อแม้แต่ตัวสำรองด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยังคงอดทนรอโอกาส เนื่องจากทีมเริ่มฟอร์มไม่ดีแพ้ติดกันหลายนัด แต่ตัวของเขากลับทำผลงานในเกมอุ่นเครื่องซ้อมทีมได้แบบสวนทาง พร้อมกับย้อนเหตุการณ์แบบละเอียดเอาไว้ว่า
“มันมีคำถามในใจว่าทีมแพ้ติดกันหลายนัด แต่ทำไมยังไม่ใช้กูอีกวะ จนรู้สึกว่ามันมีแมตช์นึงเป็นเกม ลูวาน คัพ ผมแบกกระเป๋ามา ใส่เสื้อผ้าของทีมมา และก็ไปซ้อม คิดในใจว่า วันนี้กูต้องเล่น เพราะมันเป็นบอลถ้วย เป็นสิ่งที่ชุดสำรองต้องเล่น”
“แต่พอประกาศชื่อออกมา ผมไม่มีแม้กระทั่งชื่อเป็นสำรอง ผมก็รู้สึกว่า ผมไม่ทนแล้ว ผมว่าผมทนมาพอสมควรแล้ว ผมไม่เคยซ้อมแล้วงอแงกับโค้ช ทุกอย่างผมเป็นมืออาชีพหมด”
“ผู้ใหญ่ในสโมสรก็เรียกผมไปคุยว่า ทำไมถึงอยากย้ายออก เพราะโค้ชยังอยากใช้ ชนา อยู่ทุกคนที่นี่ก็ชอบ ชนา หมด แต่ผมก็ตอบไปด้วยเหตุผลแบบผู้ใหญ่คุยกัน อายุมากขึ้นคนภายนอกอาจมองว่าอยู่ญี่ปุ่นสบาย รับเงินเดือน แต่ผมเป็นนักฟุตบอลผมอยากเล่นให้แฟนบอลดู แต่ผมไม่ได้เล่น ผมรู้สึกว่าผมไม่อยากเสียเวลาตรงนี้แล้ว”
“พวกเขาก็บอกว่าทนอีกนิดได้มั้ย อยู่ให้สุด ตอนนี้เรายังไม่สามารถทำให้ ชนา เป็น ชนา ได้ อาจเป็นเพราะระบบทีม หรือตัวชนาอาจยังมีความเกรงใจอยู่ แล้ววันที่ทุกอย่างมันจะปิดดีลนี้ลง โค้ชก็มาคุยกับผมประมาณสองชั่วโมง ตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ปีครึ่ง เขาคุยกับผมมากที่สุด เพื่อนร่วมทีมก็บอกแบบนั้น”
“คือผมกับโค้ชไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน คุยกันด้วยเหตุผลเหมือนเดิม ผมบอกว่า ผมไม่ได้เกลียดโค้ชเลย ในวันนี้ที่ผมต้องออก แต่ถ้าถามว่าผมโกรธโค้ชมั้ย ในการเป็นนักฟุตบอลคนนึง มันโกรธอยู่แล้ว”
“ผมบอกโค้ชไปว่า ทีมชนะผมยินดีกับทีมเสมอ แต่ทีมแพ้ทั้งที่ผมพร้อมแล้ว ผมพร้อมมากแล้วนะ ผมอยากเล่นมากละ แต่ผมยังไม่ได้โอกาสนั้นที่ได้เล่น โค้ชเขาบอกว่าขอโทษที่คิดเยอะไป ขอโทษชนาที่ไม่สามารถให้โอกาสลงเล่นได้อย่างสม่ำเสมอ”
“เขารู้สึกเสียดายมากที่ผมเป็นหนึ่งในสามนักเตะของทีมที่มีเทคนิคดีที่สุด ร่วมกับ อากิฮิโระ อิเอนากะ และ เรียวตะ โอชิมะ ผมก็คิดในใจว่าถ้าผมดีขนาดนั้นทำไมไม่ให้ผมเล่น เขาก็มีระบบของเขา สไตล์การเล่นของเขา แล้วเขาบอกผมว่า ผมยังเล่นเกมรับได้ไม่ดุดันมากพอในสิ่งที่เขาต้องการ”
“ผมก็บอกกับโค้ชว่า วันนี้ผมอาจจะออกไป แต่ผมยังเรสเป็คโค้ชอยู่ ผมไม่ได้เกลียดโค้ชจริงๆ”
โทรุ โอนิกิ มีถามติดตลกกับ ชนาธิป ไว้ว่าจะมาเมืองไทยได้อยู่ใช่มั้ย จะไม่โดนแฟนคลับเล่นงานใช่มั้ย ตัวเขารู้ว่าชนากดดัน เพราะเขาไม่รู้หรอกว่าการเป็นซูเปอร์สตาร์นั้นเป็นยังไง เนื่องจากเขาไม่เคยอยู่ในจุดนั้น ไม่รู้เลยว่าตัวของ ชนา แบกรับความกดดันไว้มากแค่ไหน
ซึ่งตัวของ ชนาธิป ตอบกลับไปว่า ผมแบกรับไว้มากจริงๆ เป็น ชนาธิป มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ผมต้องแบกรับความคาดหวังของคนไทยและคนญี่ปุ่น แต่ผมมาอยู่ที่นี่ ผมไม่สามารถทำได้ ไม่สามารถลงเล่นสม่ำเสมอได้ มันเป็นสิ่งที่ผมผิดหวังในตัวเอง แต่ผมไม่เคยเสียใจที่มาอยู่ที่นี่ ขอโทษที่ผมไม่สามารถช่วยทีมได้เหมือนกัน
ช่วงท้าย โอนิกิ พยายามโน้มน้าวให้ผมอยู่ต่อ ปีหน้าทุกอย่างอาจดีขึ้นก็ได้ แต่ตัวของ เจ ตอบไปว่าอยากกลับบ้าน เพราะอยู่ญี่ปุ่นมาแล้ว 7 ปี อยากกลับบ้านแล้ว
โอนิกิ ฝากข้อความทิ้งท้ายกับ ชนาธิป ไว้ว่า อยากให้ชนากลับไปมอบแรงบันดาลใจให้กับนักฟุตบอลไทย เล่นฟุตบอลแบบที่อยากจะเป็น แล้วจงจำไว้ว่าถ้าชนาเล่นฟุตบอลอย่างมีความสุข เล่นอย่างมีความมั่นใจ ไม่มีใครเก่งเท่าชนาเลย นั่นคือข้อความสุดท้ายก่อนกอดกันแล้วออกจากห้องไป
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : https://www.facebook.com/watch/?v=1395401617909650
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เจาะศุภชัย 2 เวอร์ชั่น : ทำไมเล่นให้ บุรีรัมย์ เด่นกว่าทีมชาติ ?
เมื่อครั้งหนึ่ง “อิชิอิ” เคยทำงานในโรงอาหาร หลังคว้ารองแชมป์สโมสรโลก
คล้ายตรงไหนบ้าง? : ศุภณัฏฐ์ นักเตะเงา โลซาโน่ ในสายตาสื่อต่างประเทศ
เวียดนามกร้าวก่อนซีเกมส์ : "4 ปีก่อน ทรุสซิเย่ร์ ก็เคยพาทีมเวียดนามยู 19 เอาชนะไทยมาแล้ว
เก่งในสนามไม่พอ : สาเหตุใด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึงครองความยิ่งใหญ่ได้แบบยั่งยืน ?
ศุภณัฏฐ์ นำทัพ : 6 วันเดอร์คิดเอเชียที่ติดอันดับโลกปี 2019 ทุกวันนี้เป็นอย่างไร ?