เจา เฟลิกซ์ : เด็กหนุ่มผู้หลงทาง สู่การหวังติดปีกอีกครั้งที่ เชลซี
ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ในขณะที่ เมสซี ยังคงวนเวียนอยู่กับความผิดหวังกับการเล่นทีมชาติ
ในขณะที่ เอ็มบัปเป้ ย้ายมาค้าแข้งกับ ปารีสฯ ครบ 1 ปีและในขณะที่ ซาก้า พึ่งได้ก้าวขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของอาร์เซนอล ซึ่งเป็นขณะเดียวกันกับที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรง และกำลังจะกลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแห่งประวัติศาสตร์
เด็กหนุ่มคนนี้ย้ายออกจากบ้านเกิดเพื่อไปตามหาความฝันกับสโมสรอย่าง แอตเลติโก มาดริด ด้วยค่าตัวมหาศาลด้วยค่าตัวถึง 113 ล้านปอนด์ เป็นรองเพียงแค่เนย์มาร์ (198 ล้านปอนด์), คีเลียน เอ็มบัปเป้ (162 ล้านปอนด์), ฟิลิปป์ คูตินโญ (145 ล้านปอนด์) และอุสมาน เดมเบเล (135.5 ล้านปอนด์)
พอมาถึงตรงนี้แล้วบางคนน่าจะเดากันออกแล้วว่าเด็กหนุ่มที่ว่าคือใคร นั่นคือนักเตะรายใหม่ของทัพสิงห์บลูเชลซี แต่เส้นทางบนถนนลูกหนังของเขาจะเป็นอย่างไรมาติดตามไปพร้อม ๆ กับพวกเรา Think Curve - คิดไซด์โค้ง
ผลผลิตจากอคาเดมี่ที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์
เจา เฟลิกซ์ เกิดในเมือง วิเซอู ในประเทศโปรตุเกส ซึ่งเป็นบ้านเกิดเดียวกับอดีตแข้งทีมชาติโปรตุเกสอย่าง เปาโล ซูซ่า นักเตะที่เคยคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก กับ ยูเวนตุส และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุน ในช่วงยุค 90 และดูเหมือนว่า เฟลิกซ์ จะเดินตามรอยของรุ่นพี่ร่วมเมืองเกิดของเขาเพื่อจารึกชื่อของเขาในหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสรและทีมชาติ
เฟลิกซ์ นับเป็นผลผลิตของอคาเดมีเบนฟิกา เขาลงเล่นทั้งหมด 43 นัด ยิงไป 20 ประตูในฤดูกาลก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับทัพตราหมี และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของโปรตุเกส นอกจากนี้ เฟลิกซ์ ยังได้ลงเล่นประเดิมสนามให้กับทีมชาติโปรตุเกสครั้งแรกใน ศึก ยูฟ่าเนชันส์ลีก 2019 รอบรองชนะเลิศ ที่พวกเขาเอาชนะสวิตเซอร์แลนด์ 3-1
นอกจากนี้ เจา เฟลิกซ์ ยังเป็นนักเตะรายแรกที่ยิง แฮตทริกได้ในฟุตบอลรายการยุโรป ของ เบนฟิก้า นับตั้งแต่ อันโตนิโอ ปาเชโก้ ที่เคยทำไว้ในรายการ ยูฟ่า คัพ ปี 1992
ความยอดเยี่ยมที่กล่าวมาทำให้ เฟลิกซ์ กลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 5 ของโลก หลังจากที่แอตเลติโก มาดริด ปิดดีลคว้าตัวดาวรุ่งชาวโปรตุเกส วัย 19 ปี จากเบนฟิกาด้วยค่าตัวมหาศาลเกินอายุถึง 113 ล้านปอนด์ เพื่อทดแทน อองตวน กรีซมันน์ กองหน้าชาวฝรั่งเศสที่กำลังจะอำลาทีมไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า
นักเตะที่ใช่ แต่ผิดที่ ผิดเวลา
กับ เบนฟิก้า เฟลิกซ์ เล่นไปเพียง 1 ฤดูกาล ยิงไป 20 ประตู แต่ในตอนที่เขาอยู่ แอตฯ มาดริด เขาต้องใช้เวลายาวนานกว่า 129 นัด เพื่อทำ 33 ประตู แล้วทำไมล่ะ ทำไมเขาถึงโชว์ฟอร์มเหมือนตอนที่อยู่กับเหยี่ยวลิสบอนไม่ได้
ด้วยสไตล์การเล่นของเขากับสไตล์ของทีม ตราหมี นั้นดูจะไม่เข้ากันสักเท่าไหร่ และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อช่วงเวลาเกือบ 4 ปีที่ผ่านมาเขาไม่สามารถแสดงศักยภาพให้เห็นอย่างที่ทุกคนคาดหวังจากเขาได้
ระบบฟุตบอลของ ซิเมโอเน ที่เน้นรับ ไม่เอื้ออำนวยต่อผู้เล่นสไตล์เกมรุกสร้างสรรค์เท่าไหร่ เป็นสไตล์การเน้นรับเเล้วโต้กลับเร็ว ขึ้นเร็ว จบเร็วเเล้วกลับมาตั้งโซน และใช้เวลาส่วนใหญ่ของเกมการเเข่งขัน อยู่กับการไม่มีบอลมากกว่า ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ เฟลิกซ์ ไม่ได้มีโอกาสได้สร้างสรรค์เกมหรือโชว์ฟอร์มมากเท่าไหร่ ซึ่งเปอร์เซ็นการครองบอลของทัพตราหมีอยู่อันดับที่ 12 ของลีก เฉลี่ยอยู่ที่ 48% เท่านั้น
ซึ่งถ้าเทียบกับทีมใหม่ของ เฟลิกซ์ อย่าง เชลซี ที่มีเปอร์เซ็นการครองบอลมากสุดเป็นอันดับที่ 4 ของลีก เฉลี่ยอยู่ที่ 57% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทัพสิงห์บลูใช้เวลาส่วนใหญ่ครองบอลใส่คู่เเข่งมากกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน
"ลูกฟุตบอล มันเป็นของมีค่ามาก" เฟลิกซ์ กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ The Players' Tribune ระหว่างฤดูกาลที่เขาประสบความสำเร็จกับ เบนฟิก้า เมื่ออายุ 19 ปี "มันคือของขวัญ ของขวัญสำหรับคุณ ของขวัญสำหรับผม"
"เมื่อผมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และในฐานะนักเตะ ผมตระหนักว่านั่นคือสิ่งที่ผมรัก นั่นคือการได้ครองบอลและเล่นฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมและมีความสุข นั่นคือตอนที่ผมดีที่สุด นั่นคือตอนที่ผมเป็นตัวของตัวเอง"
ฌอง-โคลด อาเบดดู อดีตแมวมองเบนฟิก้า เล่าให้ Skysports ฟังว่า เฟลิกซ์ เป็นซูเปอร์สตาร์ที่มีศักยภาพทันทีที่เขามาถึงอคาเดมีของเบนฟิก้าจากปอร์โต้ตอนอายุ 15 ปี
"คุณสามารถเห็นทักษะของเขาได้ในทันที เขาคล่องแคล่วมากเมื่อครองบอล เขาให้ความรู้สึกว่าเขากําลังจะโบยบิน"
และ เฟลิกซ์ ได้เปิดเผยผ่าน Sport TV ว่าการเล่นให้ทีมชาติมีสภาพแวดล้อมและแผนที่เข้าทางมากกว่า แอตเลติโก้ มาดริด ซึ่งมันก็จริง เขาสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 โดยเขาทำ 2 แอสซิสต์ช่วยทัพฝอยทองถล่ม สวิตเซอร์แลนด์ 6-1 เข้ารอบไปชน โมร็อกโก
ด้วยบทบาทกับทีมชาติ เฟลิกซ์ มีอิสระในการยืนตำแหน่ง และสามารถสร้างสรรค์เกมรุกได้อย่างเต็มที่ ไม่เหมือนกับแท็คติกของ ดิเอโก ซิเมโอเน ที่ตราหมี
"แนวทางที่คุณเล่นที่นี่ และกับสโมสรมันแตกต่างกัน เมื่อสภาพแวดล้อมเป็นใจ สิ่งต่าง ๆ มันก็ดีขึ้น"
นอกเหนือจากเรื่องของสไตล์การเล่นแล้วจากการที่ เฟลิกซ์ มีผลงานที่ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ ในสีเสื้อของ แอตฯ มาดริด ซ้ำร้ายช่วงที่ผ่านมายังมีกระแสข่าวด้วยว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่กับ ดิเอโก ซิเมโอเน กุนซือของทีม จนทำให้เจ้าตัวตกเป็นข่าวลือเกี่ยวกับการย้ายทีมอย่างต่อเนื่อง กิล มาริน ซีอีโอของสโมสร เผยว่า
"การดึงเขาเข้ามาร่วมทีมนับเป็นการเดิมพันที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรแห่งนี้ ผมคิดว่าเขาเป็นนักเตะระดับโลก แต่เมื่อพิจารณาจากความสัมพันธ์ของเขากับโค้ช, ความสม่ำเสมอที่เขาได้ลงเล่น, แรงจูงใจของเขาแล้ว มันก็น่าจะเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่จะพิจารณาในการปล่อยเขาออกจากทีม ถ้าหากมันมีทีมที่ยื่นข้อเสนอเข้ามา"
"มันเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่จะคิดว่าเขาอาจจะย้ายออกจากทีม ที่จริงผมอยากให้เขาอยู่กับเราต่อนะ แต่ผมไม่คิดว่านั่นอยู่ในแผนของตัวนักเตะ"
ทำอย่างไรจึงจะติดปีกที่กรุงลอนดอน ?
หลังจากข่าวที่ทางสโมสรแอตเลติโก มาดริด ไฟเขียวในการปล่อยตัว เฟลิกซ์ แพร่สะพัดออกไปทั่วโลก ทำเอาทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปมากมายให้ความใจแข้งโปรตุกีสรายนี้กันอย่างล้นลาม ไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซนอล แต่สุดท้ายก็ไม่มีการเจรจาที่ชัดเจนจากทั้งสองทีม
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามทัพสิงห์บลูเชลซีจึงเล็งเห็นโอกาสดึงตัวนักเตะในครั้งนี้ ทีมที่แทบไม่มีข่าวกับตัวนักเตะมาก่อนจึงได้ยื่นข้อเสนออย่างจริงจังและปิดดีลนี้ไปแบบสายฟ้าแลบ
ด้วยเเผนการเล่น ที่ เกรแฮม พอตเตอร์ กุนซือคนปัจจุบันของเชลซี เฟลิกซ์ ดูเหมือนจะเป็นนักเตะในตำแหน่งที่ตอบโจทย์เขาอยู่เช่นกัน
และด้วยสไตล์การเล่นของ เฟลิกซ์ ที่คล้ายคลึงกับนักเตะที่ พอตเตอร์ เคยใช้งานในสมัยที่เป็นกุนซืออยู่ที่ไบรท์ตันฯ อย่าง เลอันโดร ทรอสซาด์ ซึ่ง ทรอสซาด์ สามารถปรับตัวเข้ากับบทบาทในทีมได้หลากหลายตำแหน่ง และสตาร์ทีมชาติโปรตุเกสที่เล่นได้ดีในช่วงฟุตบอลโลก 2022 ที่ผ่านมา ก็ทำได้เช่นกัน
เฟลิกซ์ เคยให้สัมภาษณ์กับ The Athletic เมื่อปีที่แล้วไว้ว่า
"ตำแหน่งที่ดีที่สุดของผมคือการเล่นเป็นกองหน้าตัวที่สอง เล่นเหมือนเป็นเบอร์ 10 โดยมีกองหน้าตัวเป้าค้ำอยู่ข้างหน้า"
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
แม้ตำแหน่งนี้จะมีขาประจำอย่าง เมสัน เมาท์ จองที่ไว้อยู่แล้ว และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไปเบียดแย่งตำแหน่งของแข้งลูกหม้อประจำสโมสร
แต่ก็หาก พอตเตอร์ ถอย เมาท์ลงไปยืนต่ำลงบนแดนกลางในบทบาทเบอร์ 6 หรือเบอร์ 8 และเลือกใช้ เฟลิกซ์ เล่นในตำแหน่งเบอร์ 10 การใช้งานทั้ง เมาท์ และ เฟลิกซ์ น่าจะทำให้เกมรุกของเชลซีขับเคลื่อนได้อย่างไหลลื่นมากขึ้น
และอีกตำแหน่งที่ เฟลิกซ์ เริ่มได้เล่นบ่อยขึ้นทั้งในสโมสรและทีมชาติคือ Inside forward เป็นปีกประเภทใหม่ สด ๆ ร้อน ๆ ที่พึ่งถือกำเนิดขึ้นมาได้ไม่กี่ปีมานี่ เป็นตำแหน่งที่เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีผู้เล่นหลายต่อหลายคนได้เปลี่ยนสไตล์มาเล่นตำแหน่งนี้
ปีกประเภทนี้ มักจะยืนสูงกว่าปีกประเภทอื่น ๆ มากกว่าปกติ ปีกโดยทั่วไปจะยืนอยู่ที่ริมเส้นกลางสนาม
แต่ Inside forward จะยืนรอบอลอยู่ที่ข้างกรอบเขตโทษ (อาจจะนับว่าเป็นกองหน้าด้วยซ้ำสำหรับตำแหน่งนี้) จากนั้นจะเลี้ยงบอลตัดเข้าไปในเขตโทษ เพื่อทำประตูหรือจ่ายบอลสั้น ๆ ให้เพื่อนที่สอดขึ้นมายิง
ตำแหน่ง Inside forward จะต้องมีทั้งความเร็ว การเลี้ยงบอล และการทำประตูที่เฉียบคม อีกทั้งปีกประเภทนี้จะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเท้าข้างที่ถนัด เนื่องจากเวลาตัดเข้าในได้แล้ว จะหามุมยิงได้ง่ายกว่าหากเท้าข้างที่ถนัดเป็นคนละข้างกับฝั่งที่เล่น แต่อาจมีข้อเสียคือนักเตะจะโยนบอลเข้ากลางได้ลำบาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นปัญหาเลยสำหรับ เจา เฟลิกซ์
และหากเป็นตำแหน่งนี้จะทำให้ เฟลิกซ์ จะสามารถมีพื้นที่ในการลากเลื้อยมากขึ้น ทั้งการเลี้ยงตัดเข้าในมายิงประตูด้วยตัวเอง รวมถึงการขึ้นบอลทางริมเส้นเพื่อเปิดพื้นที่ให้เพื่อนตรงกลาง ซึ่งเขาแสดงให้เห็นแล้วในฟุตบอลโลก 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่า เฟลิกซ์ ทำได้น่าประทับใจทีเดียว ด้วยผลงาน 1 ประตู 2 แอสซิสต์
ซึ่งบทบาทนี้จะคล้ายกับ เอเด็น อาซาร์ สมัยที่ยังลงเล่นให้กับเชลซี และกลายเป็นกำลังสำคัญในแนวรุกของทีมอยู่หลายปี
แม้ว่าจะอาจจะต้องแย่งตำแหน่งนี้กับนักเตะอย่าง คริสเตียน พูลิซิช, ฮาคิม ซีเย็ค รวมถึง ราฮีม สเตอร์ลิง แต่หากวัดจากฟอร์มปัจจุบัน เชื่อว่า เฟลิกซ์ ดูดีกว่าไม่น้อย
และนี่น่าจะเป็นตำแหน่งที่เป็นไปได้มากที่สุดแล้วที่เชลซีจะใช้งานเขาเป็นหลัก โดยมีหน้าเป้าเป็น ไค ฮาแวร์ตซ์ และ สเตอร์ลิง ประจำอยู่ที่ด้านขวา
"ผมพยายามสนุกให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้ และแน่นอนต้องอยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบด้วย ผมชอบทําให้แฟนบอลสนุกกับสไตล์การเล่นฟุตบอลของผม เกมที่ใหญ่ที่สุดคือเกมที่สนุกที่สุดในการเล่น ซึ่งผมจะสามารถแสดงความสามารถของผมได้"
เจา เฟลิกซ์ เด็กหนุ่มที่เล่นฟุตบอลเพื่อความสนุกสนานและเมื่อทุกอย่างลงตัว มีผู้เล่นเพียงไม่กี่คนบนโลกที่จะสามารถหยุด ความคิดสร้างสรรค์ การเลี้ยงบอลที่คล่องแคล่ว และการสัมผัสบอลที่เหนือชั้น ของเขาได้ และอย่างไรก็ตามเขารู้ดีว่าด้วยพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่จะมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
จากหนีตายสู่โบยบิน : เบื้องหลังโปรเจ็คต์ “ฮาว” ปฏิวัตินิวคาสเซิล
ผลงาน วิธีการ วิธีคิด : ทำไม อาร์เตต้า จึงถูกมองว่าเป็นร่างทรง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ?
ความจริงที่ สเปอร์ส : อันโตนิโอ คอนเต้ กับช่วงอาชีพที่เขารู้สึกท้อแท้ที่สุด
แหล่งอ้างอิง
https://sportmob.com/en/article/914552-top-facts-about-joao-felix
https://www.bbc.com/sport/football/48859847
https://theathletic.com/3978306/2022/12/07/atletico-madrid-joao-felix-transfer/
https://www.transfermarkt.com/
https://theathletic.com/3110796/2023/01/11/joao-felix-chelsea-atletico-madrid-my-game-my-words/