เจาะสไตล์คู่ สุภโชค - อาซาโนะ : คู่หูที่ทำให้ "มิซา" ใช้ "เช็ค" เป็นตัวหลัก

เจาะสไตล์คู่ สุภโชค - อาซาโนะ  : คู่หูที่ทำให้ "มิซา" ใช้ "เช็ค" เป็นตัวหลัก
ชยันธร ใจมูล

จากคนที่ไม่เคยโดนส่งลงมาแม้กระทั่งรายชื่อตัวสำรองเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้ สุภโชค สารชาติ กำลังจะกลายเป็นตัวหลักของ คอนซาโดเล ซัปโปโร แล้ว จากการลงเป็นตัวจริง 3 เกมติด และยิงได้ถึง 2 ลูก

ความเปลี่ยนแปลงจากศูนย์ถึงตอนนี้คืออะไร เรามีเบื้องหลังการแจ้งเกิดของ สุภโชค ที่ ซัปโปโร มาฝาก

ปัญหาตอนย้ายมาของ สุภโชค

แน่นอนว่าขึ้นชื่อว่าฟุตบอลญี่ปุ่น มันก็ต้องเหนือกว่าฟุตบอลลีกของไทยอยู่พอสมควร เรื่องนี้มันชัดเจน ๆ มากจนถึงขั้นที่แม้แต่นักเตะที่ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่งของไทยอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ ก็ยังเจอปัญหาเรื่องนี้ไม่ว่าจะตอนอยู่กับ คอนซาโดเล ซัปโปโร หรือที่เห็นชัดที่สุดก็ตอนที่อยู่กับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวถึงขั้นยอมรับด้วยตัวเองว่าแท็คติก และรายละเอียดในการเล่นต่าง ๆ นั้นยาก ซับซ้อน และต้องทำให้เป๊ะตามที่โค้ชวางแผนมาแบบสุด ๆ

ดังนั้นตัวของ สุภโชค เองก็เช่นกัน เขามาอยู่กับ ซัปโปโร ในครึ่งซีซั่นแรกเมื่อปีที่แล้ว เขาได้โอกาสลงสนามในเกมลีกรวมเพียงแค่ 7 เกมเท่านั้น และเมื่อคิดเป็นนาที สุภโชค จะได้ลงเล่นเพียงแค่ 93 นาทีเท่านั้นหากนับเฉพาะบอลลีกซึ่งถือเป็นเกณฑ์ชี้วัดได้ดีที่สุด

เรื่องนี้จะมีใครรู้ดีไปกว่า "เฮ้ดโค้ช" กุนซือย่าง "มิชา" หรือ มิไฮโล เปโตรวิช เคยพูดถึงเรื่องนี้ตรง ๆ หลังถูกถามว่าทำไมบางเกมถึงไม่ส่งชื่อ สุภโชค แม้กระทั่งตัวสำรอง โดยเขาตอบว่า

"สุภโชค เริ่มคุ้นเคยกับวิธีการเล่นของทีมแล้ว แต่ก็ยังคงต้องการเวลาปรับตัวกับการลงเล่นในศึกเจลีก เนื่องจากยังมีเรื่องของความรู้สึก และสถานการณ์ของทีมที่ยังไม่ง่ายในตอนนี้ จึงยังไม่สามารถส่งชื่อเขาลงเล่นในเจลีก"
Photo : Football Tribe

ขณะที่ สุภโชค ก็สัมภาษณ์กับสื่อ ญี่ปุ่น ในทิศทางเดียวกันว่า

"ผมไม่เคยมีประสบการณ์ไล่เพรสซิ่งสูงในไทยมาก่อน ผมจึงรู้สึกช็อคในตอนแรก แต่มิชาสอนผมในทุกรายละเอียด ผมเริ่มต้นจากศูนย์ มันต้องใช้สมรรถภาพทางร่างกายสูงมาก แต่ผมคิดว่ามันทำให้ฟุตบอลของเรามีประสิทธิภาพและสนุกมากขึ้น"

ซึ่งรูปแบบการเล่นของ คอนซาโดเล ตามหลักแล้วคือระบบการเล่น 3-4-1-2 ซึ่งแน่นอนว่าจากระบบนี้ แตกต่างกับที่ สุภโชค เคยเล่นที่ไทยพอสมควร เพราะเจ้าตัวหนักไปทางการเล่นเป็นตัวริมเส้นมากกว่า

ที่ คอนซะ ระบบนี้จะไม่มีตัวริมเส้นที่เป็นตัวรุก มีเพียงวิงแบ็คเท่านั้นที่จะเล่นแบบยืนชิดขอบสนาม ซึ่งจุดนี้ในช่วงที่ สุภโชค พยายามพิสูจน์ตัวเองเขาก็เคยถูก มิชา จับไปเล่นมาก่อนเหมือนกัน

จนกระทั่งเวลาผ่านไปนับตั้งแต่ที่ สุภโชค ย้ายไปญี่ปุ่น ในวันที่ 1 กรกฎาคม ปี 2565 จนกระทั่งปัจจุบันก็ครบ 1 ปีพอดี สุดท้ายสิ่งที่แฟน ๆ รอคอยก็มาถึง สุภโชค เบียดตัวเองขึ้นมาเป็นตัวจริงได้สำเร็จ... เหตุผลก็เพราะว่า ?

แนวรุกต้องจัดจ้าน

แน่นอนจากระบบ 3-4-1-2 ที่ที่เหมาะกับ สุภโชค ที่สุดเหลือเพียง 2 ตำแหน่งเท่านั้น นั่นคือการเล่นเป็นกองกลางตัวรุก หรือกองหน้าคู่ .. ซึ่งผลที่ออกมาชัดเจนจากการลงสนามหลัง ๆ คือ สุภโชค เจอตำแหน่งของตัวเองเเล้ว นั่นคือตำแหน่งหน้าคู่ ที่ ณ ตอนนี้เขาได้จับคู่กับ  ยูยะ อาซาโนะ กองหน้าอีกคนหนึ่ง

เดิมทีตำแหน่งนี้ตัวยืนคือ อาซาโนะ โดยมีหน้าคู่เจ้าประจำอีกคนคือ สึโยชิ โอกาชิวะ ที่เป็นเบอร์แรก และ คิม กุน ฮี กองหน้าชาวเกาหลีใต้ เป็นตัวสแตนด์บายเบอร์ 3 ... ก่อนที่ สุภโชค จะชิงตำแหน่งจาก กุน ฮี ได้ (ในช่วง โอกาสชิวะเจ็บ) ด้วยเหตุผลที่ มิชา เป็นคนพูดเองว่า "เขาคือนักฉกฉวยโอกาสชั้นเยี่ยม"

แฟนบอลไทยอาจจะมีภาพจำ สุภโชค ในรูปแบบของคนที่ลากบอลทะลุทะลวงรวดเร็ว ดวล 1-1 บริเวณริมเส้นเก่ง แต่การปรับมาเป็นหน้าคู่ของเขาตอนนี้ มิชา ได้เปลี่ยนสไตล์ของ สุภโชค ไปพอสมควร

วิธีการเล่นของ สุภโชค จากการเห็นด้วยสายตาในเกมแต่ละนัด คือการเป็นกองหน้าที่คอยขยับออกมารับบอลในด้านกว้าง และถอยลงมาช่วยเกมรับบริเวณกลางสนามในรูปแบบของการเพรสซิ่งเป็นหลัก โดย เขา และ อาซาโนะ จะคอยทำหน้าที่นี้สลับกัน ถ้าคนหนึ่งถ่างออกด้านกว้าง หรือถอยลงมาเล่นต่ำ อีกคนจะเป็นคนคอยขยับและทำทางเพื่อเล่นบอลแบบชิงจังหวะได้เสียแบบแทงทีเดียวทะลุไลน์เกมรับ

นี่คือเรื่องของการฉกฉวยโอกาสอย่างที่ มิชา บอก เพราะ สุภโชค จะมีจังหวะเล่นกับบอลแบบตอนที่เล่นอยู่ไทยน้อยมาก รูปแบบการเล่นของเขาจะเป็นในลักษณะของการ รับบอล ส่งบอล และวิ่งทำทาง แทบไม่มีจังหวะการเลี้ยงกินตัว 1-1 แบบจะ ๆ ให้เห็นถ้าไม่ใช่จังหวะที่ได้เสียจริง ๆ

เรื่องนี้มีสถิติยืนยัน โดยสถิติของ สุภโชค ในเจลีกฤดูกาลนี้คือ "เลี้ยงบอล 6 ครั้ง" ซึ่งถือว่าน้อยมากหากวัดจากการลงเล่นเจลีกทั้งหมด 415 นาที เฉลี่ยแล้วทุก ๆ 75 นาที สุภโชค จะได้จับและเลี้ยงบอลไปข้างหน้าโดยตรงเพียง 1 ครั้งเท่านั้น .... แต่ในคำว่าน้อยก็แลกมาด้วยประสิทธิภาพ เพราะมีสถิติลึกลงไปอีกคือจากการเลี้ยง 6 ครั้ง สุภโชค มีสถิติเลี้ยงผ่าน 66.67%  (เลี้ยง 6 ครั้งผ่าน 4 ครั้งโดยประมาณ)

เหนือสิ่งอื่นใดแม้การเลี้ยงน้อยลง แต่สิ่งที่แลกมาคือการ "ยิงประตู" โดย สุภโชค ยิงมากกว่าเลี้ยง อ้างอิากสถิติ ยิงทั้งหมด 12 ครั้ง (เฉลี่ย 2.6 ครั้งต่อเกม) และชัดสุด ๆ ว่าเขาคือกองหน้าคือจากการยิงทั้งหมด 12 ครั้งมีถึง 11 ครั้งที่ สุภโชค ได้ง้างเท้าจากในกรอบเขตโทษ ... นอกจากนี้เจ้าตัวยังมีทักษะการยิงที่ดีชัดเจน

โดยมีความแม่นยำในการยิงเข้ากรอบ 60%  การเปลี่ยนโอกาสยิงให้เป็นประตู 25% ว่าง่าย ๆ คือง้างเท้า 4 ครั้งต้องมีประตู 1 ลูก โดยเฉพาะ 2 ลูกที่ยิงได้ติดต่อกันล่าสุด จะเห็นได้ว่าเป็นการยิงแบบที่แท็ปอินง่าย ๆ ในกรอบ 6 หลาแสดงให้เห็นเรื่องของการเคลื่อนที่ตัวเปล่าที่ดีขึ้นมาก ๆ ของ สุภโชค ... นี่คือสิ่งที่สถิติบอกโดยที่เราไม่ต้องอวยให้เสียเวลา

ส่วนสิ่งสำคัญอีกอย่างที่นับวัน สุภโชค ก็ได้โอกาสมากขึ้นคือการเล่นเข้ากับกับ อาซาโนะ ที่เป็นหน้าคู่กัน รวมถึงกองกลางตัวรุกอย่าง โยชิคาอิ โคมาอิ  ... ข้อนี้เราอาจจะไม่มีตัวเลขมายืนยันแต่ถ้าคุณได้ดู สุภโชค ในช่วง 3-4 เกมหลัง คุณจะได้เห็นเขาหมุนตำแหน่งกับผู้เล่น 2 คนนี้อยู่ตลอด เรียกได้ว่าสร้างความสมดุลในแนวรุก ให้มีผู้เล่นกระจายอยู่ในพื้นที่อันตรายอยู่ตลอด อันเป็นสาเหตุให้ คอนซะ เป็นหนึ่งในทีมที่ยิงประตูในเจลีกได้มากที่สุด (41 ประตู เป็นรองเพียง โยโกฮาม่า มารินอส จ่าฝูง ที่ยิงไป 44 ลูก)

มีคอมเมนต์แฟนญี่ปุ่นในทวิตเตอร์ ที่น่าสนใจมีอยู่ว่า "เคมี ระหว่าง สุภโชค กับ อาซาโนะ ดูจะเข้ากันดีกว่า กุน ฮี เวลาที่พวกเขาเล่นด้วยกันทำให้แนวรุกของทีมมีจังหวะจะโคนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด" ซึ่งถ้าใครได้ชมเกม ก็น่าจะคิดแบบนี้เช่นกัน

สิ่งที่จะต้องทำต่อจากนี้

เราไม่สามารถรู้ได้ว่าสิ่งที่ สุภโชค ทำสำหรับผลงานของเขาในตอนนี้นั้นประทับใจหรืออยู่ในจุดที่ มิชา เรียกร้องจากเขามากแค่ไหน แต่ที่เเน่ ๆ สุภโชค แสดงให้เห็นชัด ๆ เลยคือเรื่องทรรศนะคติ ก่อนหน้านี้เขาโดนบอกว่ามีปัญหาเรื่องร่างกาย แข็งแรง แข็งแกร่งไม่พอที่จะเล่นฟุตบอลญี่ปุ่น เขาก็เริ่มทำให้เห็นแล้วด้วยการลงสนามแบบได้นาทีมากขึ้นในทุก ๆ เกม โดยเกมล่าสุด สุภโชค ก็เล่นไปถึง 82 นาที

ซึ่งหลังเกมก็มีสัมภาษณ์จาก มิชา ถึง สุภโชค สั้น ๆ ว่า "เขาฉกฉวยโอกาสได้ดีมาก ๆ และกำลังทำผลงานได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง" แม้จะกล่าวถึงสั้น ๆ แต่ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า สุภโชค กำลังเป็นหนึ่งในคนสำคัญของ มิชา มากขึ้นเรื่อย ๆ

สิ่งที่ สุภโชค จะต้องทำจากนี้ คล้าย ๆ กับตอนที่ ชนาธิป มาญี่ปุ่นในช่วงแรก ๆ นั่นคือเพื่อทำให้เขาไว้ใจจนได้รับเลือกให้ลงสนามแล้ว สิ่งที่ต้องตามมาหลังจากนี้คือเรื่องของความสม่ำเสมอ รักษามาตรฐานให้ดี และจึงไปคิดเรื่อง "การระเบิดฟอร์ม" ที่ทำให้ทุกคนเห็นว่าเขาคือนักเตะที่ทีม ๆ นี้จะขาดเขาไปไม่ได้ ... เชื่อว่าแฟนฟุตบอลไทยทุกคน หรือแม้กระทั่งแฟนฟุตบอลญี่ปุ่นก็อยากจะให้ สุภโชค ไปให้ถึงจุดนั้นอย่างแน่นอน

บทความที่เกี่ยวข้อง

เปลือยใจแบบหมดเปลือก "สุภโชค" ให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่นกับ 1 ขวบปีในเจลีก

เปิดสถิติการยิงประตูของ สุภโชค กับ ซัปโปโร : ยิงกี่ลูก ? ยิงทีมไหนบ้าง ?

แชร์บทความนี้
หัวหน้ากองบรรณาธิการ, คิดไซด์โค้ง-ThinkCurve
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ