เเซมบ้าสไตล์ : เบื้องหลังเเท็คติกบราซิลกับเหตุผลที่ใช้ตัวรุกถึง 9 ตัว

เเซมบ้าสไตล์ : เบื้องหลังเเท็คติกบราซิลกับเหตุผลที่ใช้ตัวรุกถึง 9 ตัว
นันทน์ภูมิ พุทธิพงษ์

ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ เดินทางมาถึงรอบก่อนรองชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อย เเละทีมชาติบราซิลของติเต้ ต้องโคจรไปพบกับโครเอเชีย  

เราทราบกันดีอยู่เเล้วว่า ก่อนทัวร์นาเมนท์จะเริ่มขึ้น ติเต้ เฮดโค้ชทีมชาติบราซิล ประกาศรายชื่อออกมาได้น่าสนใจมากๆ เพราะว่าเขาขนตัวรุกไปถึง 9 คนด้วยกัน นำทัพด้วย เนย์มาร์ , วินิซิอุส จูเนียร์ , กาเบรียล เชซุส , ราฟินญ่า , ริชาร์ลิซอน , แอนโทนี่ , กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ , เปโดร เเละโรดริโก้ ก่อนที่ กาเบรียล เชซุส จะบาดเจ็บเเละต้องถอนตัวออกไปทำให้เหลือเพียงเเค่ 8 คน เเต่เเค่นี้ก็เพียงพอเเล้ว ในการระเบิดฟอร์มของพวกเขา เพราะ 4 นัด พวกเขายิงไป 7 ประตู เเละเสียเพียงเเค่ 1 ประตู

นี่ยังไม่นับพวกที่ผิดหวังพลาดโอกาสมาเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายอีกหลายๆคน ที่ทำผลงานได้ดีในระดับสโมสร เรียกได้ว่าน่าจะเป็นยุครุ่งเรืองของบรรดาตัวรุกสัญชาติบราซิลเลยก็ว่าได้ หลังจากที่เคยขาดเเคลนไปในช่วงปี 2010

กรณีศึกษาจาก เชซุส : นักเตะเจ็บหนักจากทีมชาติ สโมสร ได้อะไรชดเชยบ้าง ? | Think Curve - คิดไซด์โค้ง
Think Curve - คิดไซด์โค้ง นับเป็นข่าวร้ายของ อาร์เซนอล เมื่อดาวยิงตัวกลั่นของทีมอย่าง กาเบรียล เชซุส ได้รับบาดเจ็บระหว่างทำศึกฟุตบอลโลก 2022 กับทีมชาติบราซิล และทำท่าว่าจะต้องใช้เวลาพักฟื้นหลายเดือน

เราจะพาไปดูว่า เเท็คติกของ ติเต้ เป็นเเบบไหน ทำไมเขาถึงเอาตัวรุกไปมากขนาดนี้ ติดตามได้ที่ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

ฟุตบอลของติเต้เป็นแบบไหน ?

“เรามีนักกีฬาที่เล่นในระดับสูงเเละกำลังทำได้ดีอยู่หลายคน พวกเขาสมควรที่จะได้รับโอกาสนี้” ติเต้ให้สัมภาษณ์หลังจากถูกนักข่าวถามถึงเหตุผลในการเอาตัวรุกมาหลายคน

“เราให้ความสำคัญของผู้เล่นตั้งแต่กองกลางไปจนถึงเกมรุกก็จริง แต่การรักษาสมดุลคือแนวคิดหลักของทีม การชนะในเกมระดับสูงเราต้องสร้างโอกาสและทำคะแนน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าแนวรับของเราไม่ใช่กุญแจสำคัญในการชนะ” ติเต้ กล่าวเพิ่มเติม

ติเต้ เป็น เฮดโค้ชทีมชาติบราซิลมาเเล้ว 6 ปี เเข่งไป 76 นัด เเพ้เเค่ 5 เกม เเล้วถ้าดูจากสถิติรอบคัดเลือก เเข่ง 17 นัด ชนะ 14 เสมอ 3 ยิงได้ 40 ประตู เสีย 5 ประตู ค่าเฉลี่ย 2.35 ประตูต่อนัด ใกล้เคียงกับทีมชุดที่ได้เเชมป์ ปี 2002 มาก ค่าเฉลี่ยยิงประตูต่อเกมของทีมชุดนั้นอยู่ที่ 2.57 ประตูต่อเกม สิ่งที่อยู่เบื้องหลังการยิงถล่มทลายขนาดนี้คือ เเท็คติกของติเต้

Photo : Sportsnet

ติเต้ เป็นโค้ชสไตล์เกมรุกเเละชอบที่จะให้ลูกทีมเน้นครองบอลคุมเกมเข้าทำเเละสร้างโอกาส โดยมีค่าเฉลี่ยการครองบอลอยู่ที่ 72.7 % ต่อเกม เเละมีค่าเฉลี่ยการต่อบอลอยู่ที่ 524.13 ครั้งต่อ 90 นาที โดยในจำนวนนี้มีการวางบอลยาวอยู่ที่ 5.61 % เท่านั้นเอง ถือว่าน้อยมากๆ เน้นบอลสั้นเท้าสู่เท้ากันซะมากกว่า บราซิลมักจะเริ่มเกมด้วยระบบ 4-2-3-1 เเต่เวลา build up play ทีมจะเปลี่ยนรูปแบบมาเป็น 3-2-5 โดยที่ทีเด็ดอยู่ที่การเคลื่อนสลับตำเเหน่งของผู้เล่นเพื่อสลัดตัวประกบเเละเปิดพื้นที่ ( positional play)

3 - เซ็นเตอร์ 2 คน บวกกับฟูลเเบ็ค 1 คน ที่หุบเข้ามาช่วยเซ็นเตอร์ในการ build up play

2 - กองกลาง 1 คน กับ ฟูลเเบ็ค 1 คน จะมีฟูลเเบ็คฝั่งใดฝั่งหนึ่งหุบเข้าไปช่วยกองกลางตัวรับเเทนที่ตำเเหน่งของกองกลางอีกคนที่ดันขึ้นไปช่วยในเเนวรุก เเละการหุบเข้าไปของฟูลเเบ็ค ถ้าฝ่ายตรงข้ามตามมาประกบ ก็จะทำให้พื้นที่เดิมของฟูลเเบ็คนั้นเกิดพื้นที่ว่างขึ้นให้กองกลางลงไปรับบอลเเละพาบอลขึ้นมาได้ เเต่ถ้าตามมาประกบไม่ทัน ฟูลเเบ็คก็สามารถรับบอลตรงพื้นที่กลางสนามได้เลยด้วยตัวเอง

Photo : Head Topics

5 - ตัวรุก 5 คน โดยมีตัวรุกธรรมชาติอยู่เเล้ว 4 คน อีกคนหนึ่งจะเป็นกองกลางที่สอดเเทรกขึ้นมาช่วยในแผงเกมรุก ถ้าดูจาก 4 เกมที่ผ่านมา นักเตะกองกลางที่ติเต้ มักจะใช้งานในตำเเหน่งนี้ คือ ลูคัส ปาเกต้า

เขามักจะให้ปาเกต้าสอดขึ้นมาเล่นร่วมกับแผงตัวรุก ให้กลายเป็น 5 คน ยืนให้กว้างที่สุด เเละต่อบอลกันไปมาเพื่อทำลายสมดุลในเเนวรับของคู่เเข่ง ดูได้จากสถิติค่าเฉลี่ยการผ่านบอลต่อเกมของบราซิลจะเน้นถ่ายบอลไปในเเนวกว้าง มากกว่า เเนวลึก ยิ่งกองหลังฝ่ายตรงข้ามขยายกว้างเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเพราะจะยิ่งมีพื้นที่ให้เล่นได้มากขึ้น เนย์มาร์ที่ยืนอยู่ตรงกลาง จะมีอิสระในการเล่นมากขึ้น ส่วนปีกเเทบจะยืนชิดริมเส้นเลย เพื่อสร้างสถานการณ์ดวล 1 ต่อ 1 กับกองหลังฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเราก็รู้กันอยู่เเล้วปีกของบราซิลเเต่ละคนระดับเวิลด์คลาสสทั้งนั้น การดวล 1 ต่อ 1 เเทบจะเป็นฝันร้ายของกองหลังฝ่ายตรงข้ามเลยก็ว่าได้

ส่วนเกมรับบราซิลก็ถือว่าทำได้ดีมากๆ เสียไปเพียงเเค่ 5 ประตู ในรอบคัดเลือก เมื่อเวลาที่ทีมเสียบอล ติเต้ สั่งให้ลูกทีมเพรสซิ่งสูงเลย ให้ช่วยกันเพรสซิ่งตั้งเเต่เเดนบนเเล้วเอาบอลกลับมาครอบครองให้เร็วที่สุด ผู้เล่นบราซิลจะช่วยกันเพรสซิ่ง ยืนใกล้ๆกัน รุมเเย่งบอล เพื่อที่เวลาเพรสซิ่งเเล้วสามารถชิงบอลกลับมาได้ จะมีผู้เล่นบราซิลอยู่ใกล้ๆกันกับคนที่ได้บอล สามารถต่อบอลกันเเกะเพรสซิ่งฝ่ายตรงข้ามเเล้วเปลี่ยนจากรับเป็นรุกให้เร็วที่สุด

เป็นเหตุผลให้บราซิลเสียประตูน้อย เพราะติเต้เชื่อว่าการเล่นเกมรับที่ดีที่สุดคือการไม่ให้คู่เเข่งได้ครอบครองบอลหรือให้เวลาครอบครองบอลของคู่เเข่งให้น้อยที่สุด เเละการเพรสซิ่งตั้งเเต่เเดนบนช่วยลดโอกาสในการโดนโจมตีในพื้นที่อันตรายได้ บราซิลเเทบจะไม่ให้เวลาคู่เเข่งกับลูกบอลเลย เสียบอลเเล้วรีบเเย่งคืนให้เร็วที่สุดเอาบอลกับมาสร้างเกมรุกต่อ เพราะเกมรับที่ดีสุดคือการเล่นเกมรุกให้บอลอยู่กับเราให้นานที่สุด และนั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่เขาซื้อเกมรุกเป็นอันดับแรก

9 คน 9 สไตล์

เเล้วยิ่งฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในครั้งนี้ สามารถเปลี่ยนตัว ได้ 5 คน ภายในการเปลี่ยน 3 ครั้ง อาจจะเป็นเหตุผลให้ติเต้ขนตัวรุกมาเยอะขนาดนี้ เพราะว่าถ้าเกิดตันๆเจาะไม่เข้าจริงๆ ก็สามารถเปลี่ยนตัวรุกที่สดใหม่ให้ลงมาเปลี่ยนโมเมนตัมของเกมได้ทั้งแผงเลย

จาก 4 เกมเเรก เราพอสังเกตเห็นเเล้วว่า ใครบ้างที่จะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในแผงเกมรุก 4 คนของติเต้ หากไม่มีอาการบาดเจ็บใดใด มารบกวน นั้นก็คือ

ลูคัส ปาเกต้า - ปาเกต้า เล่นกับ เวสต์แฮม ต้นสังกัดด้วยการเป็นตัวรุกที่ยืนอยู่หลังกองหน้า แต่ในทีมชาติบราซิล เขาถูกถอยต่ำลงมาเพื่อช่วยงานในเเดนกลางมากกว่าเดิม จุดเด่นของ ปาเกต้า คือลูกขยันที่มากกว่าแนวรุกคนอื่น ๆ นั่นจึงทำให้เขาได้ปรับวิธีการเล่นของเขานั้นสร้างประโยชน์ให้ทีมได้เป็นอย่างมาก และในช่วงที่ เนย์มาร์ เจ็บ เขายังได้ขยับขึ้นมาเล่นตำแหน่งนี้แทนที่ได้อีกด้วย

Photo : Reuters

เนย์มาร์ - หากไม่มีอาการบาดเจ็บ เขาจะลงเล่นในตำเเหน่งหมายเลข 10 ทำหน้าที่เป็นเพลย์เมกเกอร์ของทีม เรียกได้ว่าเนย์มาร์คือหัวใจหลักในเกมรุกของทีมชุดนี้ ทั้งในเเง่ของฝีมือเเละสภาพจิตใจของเพื่อนๆ เพราะจากสองเกมที่เขาได้รับบาดเจ็บเเละไม่ได้ลงสนามเกมรุกของบราซิลดูจะไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร

ริชาร์ลิซอน - ลงทำหน้าที่ในตำเเหน่งกองหน้าตัวเป้า เขาเเสดงให้เห็นเเล้วว่าเขาคือกองหน้าตัวหลักของทีมชุดนี้ โชว์ผลงานตอบเเทนความไว้วางใจจากติเต้ที่เชื่อมั่นในตัวเขาเหลือเกิน 4 นัด ยิงไป 3 ประตู นำเป็นดาวซัลโวของทีมในฟุตบอลโลกครั้งนี้

วินิซิอุส จูเนียร์ - ประจำการทางปีกซ้าย คอยใช้ความสามารถเฉพาะตัวเลี้ยงปั่นป่วนกองหลัง เเละทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม กองหลังคนเดียวเเทบจะหยุดเขาไม่อยู่ เเละการเล่นร่วมกับเพื่อนก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม อย่างเช่น ลูกที่แปะบอล ให้ คาเซมิโร่ หวดเข้าไปในเกมที่เอาชนะ สวิตเซอร์เเลนด์

ราฟินญ่า - ทำหน้าที่ทางกราบขวา ผลงานอาจจะยังไม่หวือหวาเท่าไหร่ เเต่สิ่งที่ติเต้ซื้อจากเขาคือ การเล่นลูกเซ็ตพีชที่เเม่นยำ โดยเขารับหน้าที่หลักเป็นคนเตะมุมให้กับทีม เเละเป็นมือสังหารจุดโทษอันดับ 2 ของทีม รองลงมาจาก เนย์มาร์ เเละเวลาเกมตันๆเจาะไม่เข้าอาจจะมีทีเด็ดจากการเลี้ยงตัดเข้าในเเละโชว์ลูกยิงไกลของเขาให้เราได้เห็นกัน

Photo : Euronews

นี่คือโฉมหน้าของ 4 คน ที่ ติเต้ใช้เป็นตัวหลักในเกมรุก เราจะพาไปดู อีก 4 คนที่เหลือ ว่าพวกเขาเล่นฟุตบอลสไตล์ไหนเเละสามารถลงมาเปลี่ยนโมเมนตัมของเกมยังไงได้บ้าง

โรดริโก้ - ตัวรุกสารพัดประโยชน์ที่เล่นได้ทุกตำเเหน่งในแผงเกมรุก ขึ้นอยู่กับว่าติเต้จะใช้งานเขาที่ตรงไหน จุดเด่นของเขาคือเทคนิคความคล่องตัวที่ไปกับลูกฟุตบอลได้ดี มีความสามารถเฉพาะตัวสูง มักจะเอาชนะ การดวล 1 ต่อ 1 ได้บ่อยๆ

กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ - ปีกความเร็วสูงของอาร์เซน่อล ติดทีมชาติชุดนี้มาในฐานะ ตัวเเบ็คอัพของ วินิซิอุส จูเนียร์ ทางกราบซ้าย เขาอาจจะไม่ได้พริ้วไปกับบอลได้ดีเท่ากับวินิซิอุส เเต่จุดเด่นของเขาคือ ความเข้าใจเกมที่มากเกินวัย ความเร็วเเละการเคลื่อนที่ตอนไม่มีบอล เราจะสังเกตเห็นได้ว่า มาร์ติเนลลี่ ตอนเล่นให้กับอาร์เซน่อล เขาเป็นปีกที่มักจะสอดเเทรกไปอยู่ในตำเเหน่งที่ได้เปรียบได้ในการลุ้นทำประตูอยู่เสมอ เป็นอีกหนึ่งความหลากหลายในเเนวรุกที่ ติเต้ ต้องการ หากเขาต้องการจะเปลี่ยนวิธีการเล่นของทีม

แอนโทนี่ - ปีกขวาจอมตัดเข้าในเเล้วปั่นโค้งๆ คือตัวตายตัวเเทนที่ติเต้ เอามาเพื่อสลับสับเปลี่ยนกับราฟินญ่าในทางกราบขวาอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนอกจากราฟินญ่าเเล้วเขาเป็นคนเดียวในเเผงเกมรุกที่ถนัดเท้าซ้ายเเละถนัดเล่นทางกราบขวามากที่สุด ทีเด็ดของแอนโทนี่ อย่างที่เรารู้ๆกันว่าคือลูกยิงไกล เวลาโดนอุดเเละเกมตึงๆ ลูกปั่นโค้งๆของเขานี่เเหละ จะสร้างความเเตกต่างให้กับทีมได้

Photo : The Straits Times

เปโดร - กองหน้าตัวเป้าธรรมชาติจากฟลาเมงโก ด้วยผลงาน 29 ประตู จาก 59 นัด ทำให้เขามีชื่อติดทีมมาเหนือซูเปอร์สตาร์ของลิเวอร์พูลอย่าง โรเเบร์โต เฟอร์มิโน่ เพราะ ติเต้ เป็นโค้ชที่ชอบให้กองหน้ามีสัญชาตญาณการจบสกอร์อยู่ในตัวโดยธรรมชาติ คือต้องลงมาเชื่อมเกมได้ด้วย เเต่หน้าที่หลักของคุณคือหาจังหวะทำประตูให้ได้ ดูได้จากการที่เขาชอบใช้งาน ริชาร์ลิซอนเป็นกองหน้าตัวหลัก ทำให้เขาเลือก เปโดร มาเพื่อเป็น เเบ็คอัพ ของ ริชาร์ลิซอน ในตำเเหน่งหน้าเป้า กรณีเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นกับริชาร์ลิซอน

จะเห็นได้เลยว่า เเนวรุกบราซิลชุดนี้มีความหลากหลายมากๆ สามารถลงเล่นทดเเทนกันได้อย่างไม่มีเขินหรือถ้าหากว่า ติเต้ อยากเปลี่ยนวิธีการเล่น เปลี่ยนวิธีการเข้าทำของทีม ความหลากหลายของผู้เล่นชุดนี้ก็เอื้อประโยชน์ให้เขาหยิบมาใช้งานได้อย่างเต็มที่

ไม่ใช่เเค่ในเเง่ของแผนการเล่น เเต่ถ้าเราสังเกตดีๆ จาก 4 นัด ที่ผ่านมา บราซิลชุดนี้มีทีมสปิริตที่ดีเหลือเกิน ทุกคนดูรักใคร่ กลมเกลียว สามัคคี เวลายิงเข้าก็มาล้อมวงกันเป็นวงกลมเพื่อฉลองประตู เเถมยังมีท่าเต้นน่ารักๆสไตล์เเซมบ้าให้เเฟนบอลได้ดู ที่เหมือนมีโค้ดลับเซ็ตท่ากันไว้เเล้ว กระซิบกันนิดเดียว เเทบจะทุกคนรู้เลยว่าต้องเต้นท่าไหน สเต็ปไหน เเม้เเต่ ติเต้ ก็เอากับเขาด้วย

ต้องตามกันต่อว่าในฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ บราซิลในฐานะเต็ง 1 จะสามารถไปไกลได้ถึงไหนจะถึงฝั่งฝันเเล้วคว้าเเชมป์โลกสมัยที่ 6 มาครองได้ไหม เพราะทีมชุดนี้ น่าจะเป็นบราซิลชุดที่ดีที่สุดในรอบ 20 ปี หลังจากได้เเชมป์ฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2002 เเละเราอาจจะได้เห็น ติเต้ เต้น มูนวอล์ค โชว์ หากบราซิลคว้าเเชมป์โลกมาครองได้สำเร็จก็เป็นได้

เเหล่งอ้างอิง

https://www.marca.com/en/world-cup/2022/09/22/632c2153ca47416e1d8b4570.html

https://totalfootballanalysis.com/article/fifa-world-cup-2022-tactical-preview-brazil-tactical-analysis-tactics

https://www.aljazeera.com/sports/2022/11/7/brazil-name-nine-forwards-in-attack-minded-world-cup-squad

https://www.washingtonpost.com/sports/soccer/brazils-world-cup-squad-includes-9-forwards-dani-alves/2022/11/07/8ca4afe4-5eba-11ed-a131-e900e4a6336b_story.html

https://www.transfermarkt.com/pedro/leistungsdaten/spieler/432895/plus/0?saison=2021

แชร์บทความนี้
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

MOST POPULAR

สนใจโฆษณาติดต่อ