เฟรดดี้ อัลวาเรซ : ที่ไหนที่มีครอบครัว…ที่นั่นเรียกว่าบ้าน
นับตั้งแต่มาอยู่กับทีมในซีซั่นที่แล้ว เฟรดดี้ อัลวาเรซ ถือเป็น 1 ในนักเตะต่างชาติที่เล่นได้อย่างคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุดของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในรอบหลายปี จะพูดแบบนี้ก็คงไม่เกินเลยไปนัก
ว่ากันว่าแข้งต่างชาติต้องใช้เวลาปรับตัวพักใหญ่ ๆ เมื่อเขาต้องย้ายทีมย้ายประเทศ แต่สำหรับ เฟรดดี้ บางครั้งมันอาจจะไม่ยากแบบนั้น
เพราะคำว่าบ้านและความสุขไม่ได้หายากเกินไปสำหรับเขาตราบใดที่มีครอบครัวอยู่ด้วย
และนี่คือเรื่องราวของ เฟรดดี้ อัลวาเรซ นักเตะทีมชาติคอสตาริกา ที่เคยไปเล่นในหลากหลายประเทศ แต่สามารถบาลานซ์ชีวิตครอบครัวและอาชีพให้ไปด้วยกันได้อย่างลงตัว
คอสตาริกา สร้าง เฟร็ดดี้ อัลวาเรซ
คอสตาริกา ไม่ได้เก่งกาจและเป็นขาประจำในฟุตบอลโลกของโซนอเมริกาเหนือด้วยการสร้างศูนย์ฝึกพัฒนาฟุตบอลแห่งชาติ Complejo Deportivo Fedefutbol – PLYCEM ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากฟีฟ่า
ศูนย์ฝึกแห่งนี้เป็นแหล่งพัฒนาแข้งเยาวชนที่คัดมาจากทั่วประเทศ รวมทั้งเป็นสถานที่พัฒนาบุคลากรในตำแหน่งต่างๆ เกี่ยวกับกีฬาฟุตบอล เช่น โค้ช, ผู้ตัดสิน, สตาฟฟ์โค้ชสาขาต่างๆ, บุคลากรที่ทำงานด้านฟุตบอล เช่น ฝ่ายดูแลสนาม, การตลาด และเมื่อมีสิ่งเหล่านี้พวกเขาจึงมีนักฟุตบอลฝีเท้าดี ๆ ขึ้นมาเรื่อย ๆ หลังจากยุค 2000s เป็นต้นมา และหนึ่งในนั้นคือ เฟร็ดดี้ อัลวาเรซ นักเตะของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
เฟรดดี้ อัลวาเรซ เป็นนักเตะตำแหน่งกองกลางเชิงรุก ตัวของเขานั้นผ่านการค้าแข้งมาในหลาย ๆ ประเทศทั้งใน คอสตาริกา, อุรุกวัย, เปรู, สวีเดน และ นอร์ธ มาซิโดเนีย
การที่เขาพยายามย้ายทีมบ่อย ๆ นั้นมีเหตุผลมากมายประกอบกัน ไม่ว่าจะการพยายามจะยกระดับพัฒนาฝีเท้าตัวเอง ซึ่งการย้ายแต่ละครั้งก็ทำให้เขาได้มีโอกาสก้าวขึ้นมาติดทีมชาติคอสตาริกาในชุดเยาวชน แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเขาต้องการให้ภรรยาและลูกของเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ค่าเฉลี่ยของนักเตะในลีกสูงสุดของประเทศ คอสตาริกา มีรายได้เดือนละ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 1.3 แสนบาทต่อเดือน ซึ่งตัวเลขนี้เป็นตัวเลขเฉลี่ย สำหรับนักเตะอายุน้อย ๆ และไม่ใช่ในลีกสูงสุด หรืออยู่กับทีมใหญ่ ๆ ก็จะลดหลั่นลงไปอีก แหล่งขาวบอกว่านักเตะในระดับลีก 2 ของ คอสตาริกา มีรายรับเฉลี่ยแค่ 800 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือ 27,000 บาทเท่านั้น
เท่านี้ก็น่าจะทำให้คุณพอเห็นภาพของการพยายามย้ายทีมไปเรื่อย ๆ ของ เฟรดดี้ อัลวาเรซ และถ้าจะไปในลีกที่มีรายได้ตอบโจทย์หน่อยก็คงต้องเป็นฟุตบอลยุโรป ซึ่งถ้าฝีเท้าดี แบกทีมได้ ก็จะได้ค่าเหนื่อยที่สมน้ำสมเนื้อ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลสำคัญมาก ๆ ที่ทำให้ เฟร็ดดี้ อัลวาเรซ ย้ายไปค้าแข้งในลีกประเทศ นอร์ธ มาซิโดเนีย ชคูปี ในปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่เขามีลูกคนที่ 2 และเขาก็รู้ว่าการไปในประเทศที่เขาไม่รู้จัก พูดภาษาที่นั่นไม่ได้ และที่นั่นก็ไม่มีคนพูดภาษาสเปนได้ และที่สำคัญเขาต้องไปที่นั่นเพียงคนเดียวอีกด้วย
ปรับตัวเรื่องง่าย ๆ
"ผมย้ายไปเล่น มาซิโดเนีย ในช่วงที่โควิดกำลังระบาด ผมเข้าใจในทันทีและตัดสินใจว่าผมจะต้องเสียสละเพื่อครอบครัว" อัลวาเรซ อธิบายกับ Nacional สื่อของฝั่งอเมริกาเหนือ
ณ ตอนนั้นลูกของเขากำลังโตขึ้นทุกวัน อิรินา ลูกสาวคนโตกำลังเข้าสู่วัยเรียนอนุบาลและการจะย้ายมาในประเทศที่เกิดปัญหาเรื่องภาษาคงไม่เหมาะนัก ส่วนลูกคนเล็กของเขาก็ยังเล็กมาก เขาจึงต้องตัดสินใจแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออกร่วมกับภรรยา ด้วยการเดินทางไป มาซิโดเนีย เพียงคนเดียวเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพ และชีวิตความเป็นอยู่ครอบครัว
เขาและภรรยาตกลงจะแยกกันอยู่สักระยะเพื่อให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง และสำหรับคุณพ่อที่มีลูกอยู่ในวัยกำลังน่ารักวัยกำลังพูดนี่คือเรื่องที่ยากที่สุด ยิ่งกว่าการปรับตัวเข้ากับฟุตบอลและวัฒนธรรมในที่ใหม่ด้วยซ้ำ
"ผมกล้าใช้คำว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากจริง ๆ ในช่วง 6 เดือนแรก ภรรยาผมเข้าใจในอาชีพของนักฟุตบอล เธอพยายามไม่คิดมากเรื่องนี้ แต่ผมนี่แหละที่เป็นเองเพราะเวลาที่พวกเขาโทรหาผมและลูกสาวถามผมว่า 'พ่ออยู่ไหน' มันยากที่จะตอบกับเธอ แค่ได้ยินก็เจ็บจี๊ดแล้ว มันเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ยาวนานมาก แต่คุณต้องเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น บางครั้งเราก็ต้องเสียสละเพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า" อัลวาเรซ กล่าว
"ตอนที่ผมมาที่นี่ต้องเจอทั้งความเหงาเพราะอยู่คนเดียว เรื่องของโรคระบาด แต่ผมก็ต้องพยายามปรับตัว ซึ่งผมคิดว่าเมื่อเวลาเริ่มผ่านไปผมก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมากขึ้น ในแง่ของฟุตบอลและชีวิตความเป็นอยู่"
อัลวาเรซ พยายามพบปะพูดคุยกับเพื่อน ๆ ทุกคนในทีมเท่าที่จะทำได้ แน่นอนว่าที่นั่นไม่มีใครพูดภาษาสเปนได้ เขาจึงต้องปรับตัวเข้าหาคนอื่น ๆ ขณะที่เรื่องของฟุตบอลเขาก็ยอมรับว่าแม้ลีกมาซิโดเนีย จะไม่ใช่ลีกใหญ่มีชื่อเสียง แต่ความเข้มข้นของลีก ก็ทำให้เขาพัฒนาตัวเองได้ดีมากขึ้นกว่าที่เคย
"ในแง่ของแนวทางการเล่นผมว่าผมเป็นผู้ใหญ่ขึ้นพอสมควร ผมรู้สึกว่าผมฟิตกว่าเดิม เมื่อก่อนผมจ่ายบอลแล้วผมหยุดวิ่ง แต่เดี๋ยวนี้ผมจ่ายบอลแล้วผมก็พยายามมองหาที่ว่าง สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นในการฝึกซ้อมและพวกเขาจะต้องร้องขอสิ่งนี้จากคุณ คุณจะต้องทำมันแบบไม่มีทางเลือก"
"ปกติแล้วผมเล่นเป็นมิดฟิลด์เบอร์ 10 แต่ช่วงนี้ผมพัฒนาขยับลงมาเป็นเบอร์ 8 ผมคิดว่ามันทำให้ผมสัมผัสบอลได้มากขึ้น และทำให้ผมเห็นเหลี่ยมมุมต่าง ๆ ในเกมมากขึ้นในการเป็นตัวเชื่อมระหว่างกองหลังกับกองหน้า" อัลวาเรซ กล่าว
ก้าวเป็นตัวหลักและจุดหมายต่อไป
อัลวาเรซ ใช้เวลาไม่นานขยับขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีม ชคูปี ปีแรกเขาเล่นทั้งหมด 33 เกม ยิงไป 2 ประตูทำไป 15 แอสซิสต์, ปีที่ 2 เขายิงไป 8 ประตูกับอีก 18 แอสซิสต์ ช่วยพาทีมเป็นแชมป์ลีกได้สำเร็จ ขณะที่ฤดูกาลล่าสุดเขายิงไป 10 ประตูทำไปอีก 20 แอสซิสต์ เรียกได้ว่าคุณภาพของเขาเพิ่มมากขึ้นในทุกปีในแง่ของผลลัพธ์
"ผมมีความสุขมากในตอนนี้ ตั้งแต่ผมยังเด็ก มันเเป็นความฝันของผมที่จะได้เล่นในรายการอย่างแชมเปี้ยนส์ลีก ทีมของเรากว่ามาถึงจุดนี้ได้มันยากมาก เราเจอกับทีมอย่างเชอริฟฟ์ที่เคยเอาชนะเรอัล มาดริด, ลูโดโกเร็ตส์จาก บัลแกเรีย นั่นเป็นสุดยอดประสบการณ์ของผม" เขากล่าว
มันไม่ง่ายที่นักเตะจากละตินจะทำผลงานได้โดดเด่นในทันทีแบบนี้ อย่างไรก็ตาม อัลวาเรซ แสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่ยอดเยี่ยม เขาเป็นนักเตะที่ปรับตัวเขาหาคนอื่น และไม่สร้างปัญหาให้กับทีม ไม่นานนักเขาก็ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ คือการเพิ่มค่าเหนื่อย ทำให้เขามีเงินมากพอที่จะนำครอบครัวของเขามาอยู่ในประเทศนอร์ธ มาซิโดเนียด้วย
มีคำกล่าวที่เปรียบเทียบสถานการณ์ของเขาได้เป็นอย่างดี ด้วยประโยคคลาสสิกที่ว่า “บ้านไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นความรู้สึก”
สิ่งนี้หมายถึงไม่ว่าคุณจะอยู่บนพื้นที่ส่วนไหนของโลกใบนี้ แต่ตราบใดที่คุณอยู่ท่ามกลางคนที่คุณรัก และคนที่รักคุณ… คุณสามารถเรียกที่นั่นว่าบ้านได้อย่างเต็มใจ
เอเชีย ประเทศไทย และ บีจี
ฤดูกาล 2023-24 คือปีที่เขาย้ายเข้าเป็นนักเตะใหม่ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ซึ่งจากสิ่งที่กล่าวมาก็ยืนยันได้ในระดับหนึ่งว่า บีจี จะได้นักเตะที่มีคุณภาพในการสร้างสรรค์เกมแบบที่พวกเขากำลังต้องการ นอกจากนี้ยังได้นักเตะที่ผ่านประสบการณ์ระดับเกมแชมเปี้ยนส์ลีกมาแล้วอีกด้วย
แต่ใครจะคิดว่า บีจี ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากกว่าที่คาดคิดเอาไว้ เฟร็ดดี้ คือนักเตะที่ทำไป 7 ประตูและ 10 แอสซิสต์ในทุกรายการ ซึ่งสิ่งที่เห็นชัดคือเขาเป็นนักเตะที่มีมาตรฐานเส้นคงวาเสมอ
ไม่ว่าช่วงเวลาที่ทีมจะเล่นดีหรือแย่ แต่เฟรดดี้ ยังคงรักษาฟอร์มการเล่นของตัวเอง และเป็นความหวังในแดนกลางของทัพกระต่ายแก้วอย่างแข็งขัน
ไม่นานมานี้เขาเพิ่งได้สัญญาฉบับใหม่จากสโมสร ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ณ ตอนนี้เขาอยู่ในจุดที่เลยคำว่าปรับตัวไปแล้ว มันเป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทาย และพาทีมก้าวหน้าสู่ความสำเร็จแบบที่แฟน ๆ ต้องการ ไปพร้อม ๆ กับการใช้ชีวิตในประเทศไทยพร้อมภรรยา และลูก ๆ ที่เป็นความสุขในทุก ๆ วันให้กับเขา แม้จะต้องอยู่ห่างไกลบ้านเกิดเป็นพันกิโลเมตร
“ขอบคุณสโมสรที่เชื่อมั่น ขอบคุณแฟนบอลบีจีที่ทุกคนที่เปิดรับและให้กำลังใจผมเสมอมา ผมจะสู้เพื่อ บีจี … แน่นอนที่สุดผมจะอยู่ที่นี่ต่อไป” เฟรดดี้ ให้สัมภาษณ์หลังการขยายสัญญาฉบับใหม่
นอกจากเรื่องฝีเท้า ถ้วยแชมป์ และสถิติต่าง ๆ เหนือสิ่งอื่นใดคือเรื่องของทัศนคติความมุ่งมั่น บีจี ได้ตัวนักเตะที่ผ่านการปรับตัวที่ยากที่สุดในชีวิตมาแล้ว ไม่น่าแปลกใจที่เขาปรับตัวได้อย่างรวดเร็วกับบีจี และกลายเป็นคนสำคัญของสโมสรและแฟน ๆ ตั้งแต่ย้ายมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
ข่าวและบทความล่าสุด