เคซูเกะ โกโต : ดาวยิงวัยมัธยมที่สร้างปรากฏการณ์ในเจลีกจนเชลซีเร่งคว้าตัว
กลายเป็นกระแสครึกโครมไปทั่วแดนซามูไร หลัง เชลซี ทีมดังจากเกาะอังกฤษ กำลังเร่งคว้าตัว เคซูเกะ โกโต กองหน้าจาก จูบิโล อิวาตะ สโมสรในเจ 2
เนื่องจากแข้งวัย 18 ปีรายนี้กำลังได้รับความสนใจจากหลายทีมในยุโรป ไม่ว่าจะเป็น เวสต์แฮม, อาแจ็กซ์ อัมเตอร์สดัม, เฟเยรนูร์ด และเซบียา
อะไรที่ทำให้เด็กหนุ่มจากจังหวัดชิซึโอกะ กลายเป็นแข้งเนื้อหอมให้หลายทีมรุมแย่งตัว ติดตามไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
ดาวยิงร่างยักษ์
เคซูเกะ โกโต อาจจะไม่ได้เป็นชื่อที่คุ้นหูแฟนบอลชาวไทย หรือแฟนบอลต่างประเทศ มากนัก เมื่อเด็กหนุ่มวัย 18 ปี เพิ่งจะเบียดขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของ จูบิโล อิวาตะ ได้เป็นฤดูกาลที่ 2 เท่านั้น
เขาคือผลผลิตจากท้องถิ่นอย่างแท้จริง เมื่อเกิดและเติบโตจากเมือง ฮามามัตสึ จังหวัดชิซึโอกะ ฐานที่มั่นของ จูบิโล ก่อนจะเริ่มต้นเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 4 ขวบหลังเข้าเรียนในโรงเรียนสอนฟุตบอล คาวาอิ สปอร์ต ซ็อคเกอร์ สคูล โดยได้รับอิทธิพลจาก ยูซูเกะ พี่ชายที่แก่กว่าเขา 3 ปี
ชีวิตของเขาดูเหมือนจะมีฟุตบอลเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมาตลอด เมื่อ เคซูเกะ เป็นสมาชิกของชมรมฟุตบอลโรงเรียนมาตั้งแต่ชั้นประถม รวมถึงได้เข้าร่วมในทีมชุด U15 และ U18 ของ จูบิโล
แน่นอนว่าจุดเด่นของเขาคือความสูง เขามีรูปร่างที่โดดเด่นกว่าผู้เล่นวัยเดียวกันมาตั้งแต่เด็ก โดยมีส่วนสูงถึง 173 เซนติเมตร หรือเทียบเท่ากับผู้ใหญ่ มาตั้งแต่ชั้นประถม 6 และมันก็สูงขึ้นเรื่อยๆ มานับตั้งแต่นั้น
ด้วยเหตุนี้ ทำให้ตำแหน่งเริ่มแรกของเขาไม่ใช่กองหน้า แต่เป็นกองหลัง และกองกลางตัวรับ ซึ่ง โกโต รับหน้าที่นี้ทั้งในสโมสรและทีมชาติญี่ปุ่นชุดเยาวชน ไม่ว่าจะเป็น U15 หรือ U16
ทว่า จุดเปลี่ยนก็เกิดขึ้นในปี 2021 เมื่อโค้ชเล็งเห็นศักยภาพในการเป็นดาวยิงของ โกโต และเปลี่ยนให้เขามาเล่นเป็นศูนย์หน้า อีกทั้งยังได้ดันเขาขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 2022 ทั้งที่ตอนนั้นเขาเพิ่งจะอยู่เพียงชั้นม. 5 เท่านั้น
เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมนัดอุ่นเครื่อง แถมยังสามารถยิงประตูได้ในเกมกระชับมิตรกับ ชิมิซึ เอสพัลส์ คู่แข่งรวมเมืองที่ตอนนั้นเล่นอยู่ในระดับ เจ1
แต่ถึงอย่างนั้น ฤดูกาลแรกในลีกอาชีพของ โกโต กลับจบลงไม่สวยนัก เมื่อเขาได้ลงสนามในเกมอย่างเป็นทางการเพียงแค่นัดเดียวในศึกเอ็มเพอร์เรอร์ส คัพ แถมทีมยังร่วงตกชั้นลงมาเล่นใน เจ2
อย่างไรก็ดี มันก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางบทใหม่ของเขา
ความหวังใหม่ฟุตบอลซามูไร
การตกชั้นของ จูบิโล อาจจะทำให้แฟนบอล หรือผู้เกี่ยวข้องต้องผิดหวัง แต่ไม่ใช่สำหรับ โกโต เมื่อมันทำให้เขามีบทบาทมากขึ้นในทีมในภารกิจกลับไปเล่นในเจ1 ให้ได้ภายใน 1 ปี
และเพียงนัดแรกในเจ2 โกโต ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง หลังลงมาเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 64 ก่อนจะเหมายิงสองประตูช่วยให้ จูบิโล ที่ถูก ฟาเจียโน โอคายามะ ผู้มาเยือนนำห่าง 0-3 ตีตื้นมาเป็น 2-3 ในท้ายที่สุด
ทั้งนี้ สองประตูดังกล่าว ไม่เพียงแต่ทำให้แฟนบอล จูบิโล เจอความหวัง แต่มันยังทำให้ โกโต กลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ที่ทำประตูได้ในเจลีก ด้วยวัย 17 ปี 250 วัน ทำลายสถิติเดิมของ นาโอฮิโร ทาคาฮาระ (18 ปี 290) ที่อยู่ยืนยงมากว่า 25 ปีได้สำเร็จ
“มันแค่จุดเริ่มต้น ผมอยากจะแก้ไขข้อผิดพลาด และพาทีมเก็บชัยชนะ” โกโต กล่าวกับ Nikkan Sports
หลังจากนั้น เขาก็ได้รับโอกาสจาก อาคิโนบุ โยโคอูจิ กุนซือของทีมอยู่บ่อยครั้ง และได้ลงเล่นไปถึง 20 เกมในเจ2 โดยเป็นตัวจริงถึง 5 เกม ก่อนจะตอบแทนความไว้ใจด้วยการยิงไปถึง 5 ประตูในครึ่งฤดูกาลแรกของลีกรองญี่ปุ่น
จุดเด่นของ โกโต คือรูปร่างที่สูงใหญ่ และร่างกายที่แข็งแกร่ง ปัจจุบันเขามีส่วนสูงถึง 191 เซนติเมตร ที่ทำให้ลูกกลางอากาศของเขากลายเป็นฝันร้ายของกองหลังในเจ2
ทั้งนี้ แม้จะมีส่วนสูงที่โดดเด่น แต่เขากลับมีความเร็วที่ไม่ธรรมดา ตามสไตล์กองหน้ายุคใหม่ รวมถึงเทคนิคที่ยอดเยี่ยม ที่ทำให้เขาสามารถทำประตูได้หลากหลาย ไล่ตั้งแต่เข้าฮอส พลิกยิง ไปจนถึงลากเลื้อยไปจบสกอร์ด้วยตัวเอง
“ด้วยส่วนสูง 191 เซนติเมตร ทำให้เขาคือผู้เล่นสารพัดประโยชน์ที่เล่นได้ทุกตำแหน่งและทุกระดับ” เว็บไซต์ของ จูบิโล ระบุ
“เขายังมีความแข็งแกร่ง ความเร็ว และเทคนิค ที่เล่นได้อย่างมั่นคงตลอด 90 นาที บวกกับมีไหวพริบในสถานการณ์ต่างๆ”
ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกใจที่จะทำให้เขา กลายเป็นแข้งเนื้อหอมที่หลายทีมในยุโรปรุมจีบ แถมตัวเขาเองยังมีความใฝ่ฝันที่จะออกไปเล่นในต่างประเทศมาตั้งแต่เด็ก ที่สะท้อนจากเบอร์เสื้อ 42 ที่เขาบอกว่ามันคือคำพ้องเสียงของคำว่า “ออกไปสู่โลกกว้าง” (โยะนิเดรู ; โยะนิ แปลว่า 42)
ส่วนสุดท้าย เชลซีจะได้ตัวเขาไปหรือไม่ หรือทีมใดในยุโรป จะได้ตัวเขาไป ก็คงต้องลุ้นกัน แต่เชื่อว่าไม่ว่าทีมไหนจะได้ตัวเขาไป คงจะได้เห็นความทุ่มเทแบบฉบับญี่ปุ่นจากตัวเขาอย่างแน่นอน
“ตอนนี้ผมเป็นฝ่ายหาเงิน ดังนั้นผมจึงต้องพยายามอย่างเต็มที่” โกโต กล่าวกับหนังสือพิมพ์ Anata no Shizuoka
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของฟุตบอลญี่ปุ่น ในการผลักดันนักเตะออกไปเล่นในต่างแดน ที่ไม่ว่าจะอายุเท่าไร แต่มันคือโอกาสในการพัฒนาวงการฟุตบอลของพวกเขา จนทำให้ลีกแดนซามูไร แข็งแกร่งจนยากจะมีชาติไหนในเอเชียเทียบเท่า
แหล่งอ้างอิง
https://www.nikkansports.com/soccer/news/202302180001149.html
ข่าวและบทความล่าสุด
MOST POPULAR
เดอะตุ๊ก มองแข้งโอนสัญชาติไม่ได้เสียหาย
แฟนสาวดูกัลล์ ทำ VLOG ชีวิตที่บุรีรัมย์ สุดอึ้งสภาพชีวิตหมาจรจัด
แข้งลีกา 2 อินโดฯ จวกทีมชาติ เน้นแข้งลูกครึ่ง-ปิดโอกาสแข้งใน ปท.
โค้ชอิรัก U23 ชู อินโดนีเซีย เป็นคู่ต่อสู้ที่เล่นด้วยยาก
นาอิงโกลัน วิจารณ์ ทีมชาติอินโดนีเซีย พลาดแล้วนโยบายเสริมแข้งนอก
