เกรกัวร์ อัคเซลร็อด : แข้งลวงโลกที่หลอกทีมระดับ UCL จนได้เซ็นสัญญาอาชีพ
การที่สโมสรจะเซ็นสัญญากับนักเตะสักคน นอกจากต้องพิจารณาเรื่องฝีเท้าแล้ว ข้อมูลส่วนตัวก็เป็นอีกเรื่องที่จะมองข้ามไม่ได้ เพราะบางทีข้อมูลที่ได้รับมาจาก เอเยนต์ หรือ นักเตะ อาจไม่ตรงกับความจริง ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาในอนาคต ก็ควรเช็คประวัติให้ละเอียดถี่ถ้วนเสียก่อน
นี่ไม่ใช่สิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นในโลกฟุตบอล มันเคยมีกรณีตัวอย่างให้เห็นมานักต่อนัก อย่างเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็มีเคสของ ซิลาส วามันกิตูก้า ดาวยิงสตุตการ์ต ที่ถูกจับได้ว่าปลอมแปลงทั้งชื่อและอายุ โดยการช่วยเหลือจากเอเยนต์คนเก่า นั่นทำให้เขาถูกสมาคมฟุตบอลเยอรมันสั่งแบน 3 เดือน ซึ่งส่งผลกระทบต่อทีมม้าขาวที่จะไม่ได้ใช้งานกองหน้ารายนี้ไปด้วย
เรื่องที่เกี่ยวข้อง : พวกเขาอยู่ไหนกัน ? : ตามหา “เด็กเทพยูทูบ” วัยประถมในอดีต ทุกวันนี้ รอดหรือร่วง
กรณีคลาสสิคหน่อยก็ต้องย้อนไปถึงปี 1996 เมื่อมีนักเตะจากทีมนอกลีกที่ชื่อ อาลี เดีย ไปหลอก แกรม ซูเนสส์ กุนซือของเซาแธมป์ตันว่า เขาเป็นญาติของ จอร์จ เวอาห์ ตำนานดาวยิงเอซี มิลาน จนได้ย้ายมาร่วมทีมนักบุญแดนใต้ ด้วยสัญญา 1 เดือน และได้ลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีกด้วย ซึ่งต่อมาความจริงก็ถูกเปิดเผย
อย่างไรก็ดี สองตัวอย่างที่ว่ามาฟังดูเด็กไปเลย เมื่อเทียบกับเรื่องราวของ เกรกัวร์ อัคเซลร็อด อดีตแข้งจอมลวงโลกชาวฝรั่งเศส ที่ถูกยกให้เป็นจอมโกหกอันดับหนึ่งตลอดกาลของวงการลูกหนังโลก เรื่องราวของเขามีที่มาที่ไปอย่างไร ? ทำไมถึงสร้างวีรกรรมจนเป็นที่โจษจันแบบนี้ได้ ? ติดตามได้ที่ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
เกรกัวร์ อัคเซลร็อด เหมือนกับเด็กฝรั่งเศสอีกหลายคน เขาคลั่งไคล้การเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก ๆ และมีความฝันอยากเป็นนักเตะอาชีพ แต่ติดตรงที่ฝีเท้าของเขาไม่ได้เรื่อง เข้าขั้นห่วยแตกเมื่อเทียบกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ถึงขนาดทำให้พ่อของตัวเองอับอายจนต้องสั่งห้ามเล่นฟุตบอล
“ผมลงเล่นเกมแรกตอนอายุ 10 ขวบ สำหรับผมแล้ว มันเหมือนนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีก” อัคเซลร็อด เล่าผ่าน Daily Mail
“ผมลงดวลกับทีมที่ดีมาก และเราก็แพ้ไป 4-0 และตอนที่ผมกับพ่ออยู่บนรถ พ่อก็พูดกับผมว่า ‘เกร็ก ฉันผิดหวังมากเลย แกห่วยแตก แถมยังขี้เกียจ ฉันไม่อยากเห็นแกในสนามฟุตบอลอีกต่อไป’ ”
“ผมช็อคมาก เพราะการอยู่กับเพื่อน ๆ ในสนามฟุตบอลคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผมในรอบสัปดาห์แล้ว”
ด้วยคำสั่งของผู้เป็นพ่อ เกรกัวร์ อัคเซลร็อด จึงไม่ได้ลงแข่งฟุตบอลแบบจริงจังอีกเลย ในระหว่างช่วงอายุ 10 - 18 ปี เขาทำได้เพียงเอาลูกบอลมาเล่นคนเดียวในสวนหลังบ้าน แต่เขาก็ไม่เคยหยุดความฝันที่จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ อีกอย่างเขาต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่า พ่อคิดผิดที่มาดูถูกความสามารถของเขาแบบนั้น
แต่แทนที่ เกรกัวร์ อัคเซลร็อด จะใช้วิธีฝึกฝนเพื่อเสริมความเก่งกาจให้กับตัวเอง เขากลับเลือกใช้วิธีสกปรกเพื่อก้าวไปให้ถึงจุดนั้น นั่นคือการสร้างเว็บไซต์เพื่อปลอมโปรไฟล์ของตัวเองว่าเป็นนักเตะชุดสำรองของสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
เขาไม่ได้สร้างโปรไฟล์ปลอมขึ้นมาแบบลวก ๆ แต่ยังไปคัดลอกข้อมูลของนักเตะเปแอสเชอย่าง นิโกลาส์ อเนลก้า จากหนังสือพิมพ์ L'Equipe มาใส่เป็นผลงานของตัวเอง เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับโปรไฟล์ด้วย
ความจริงแล้ว อัคเซลร็อด ก็ไม่ได้โกหกไปซะทุกอย่าง เพราะเขาก็เล่นอยู่กับเปแอสเชจริง ๆ แต่เป็น เปแอสเช ที่อยู่ในลีกสมัครเล่นของประเทศ โดยเจ้าตัวพูดเองว่า นี่คือลีกที่แย่ที่สุดในระบบฟุตบอลของฝรั่งเศสแล้ว
“คุณสามารถเป็น คริสเตียโน โรนัลโด้ ของทีมระดับดิวิชั่น 5 ได้ แต่ไม่มีใครดูคุณเล่นหรอก ไม่มีใครดูผมลงเล่นกับเปแอสเช เพราะมันเป็นแค่ฟุตบอลที่เอาแต่เตะและก็วิ่งตามไป” อัคเซลร็อด กล่าว
เมื่อลงทุนกุเรื่องโกหกไปขนาดนั้น เกรกัวร์ อัคเซลร็อด ในวัย 19 ปี จึงถอยหลังไม่ได้อีกแล้ว เขาตัดสินใจตัดขาดจากครอบครัว เพื่อมุ่งหน้าสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ยอมใช้ชีวิตลำบากในห้องเช่าโทรม ๆ เล็ก ๆ ไหนจะต้องไปทำงานกับแม็คโดนัลด์เพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเองอีก
ทีนี้ อัคเซลร็อด ก็เริ่มแผนขั้นต่อไป เขาแต่งชุดของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แบบเต็มยศ และพยายามแอบเข้าไปในสนามซ้อมของสโมสร จากนั้นเขาก็ถ่ายรูปของตัวเองและนำมาลงในเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มความแนบเนียนให้กับโปรไฟล์ และเขาก็จัดการร่อนประวัติที่สร้างขึ้นมาไปยังสโมสรต่าง ๆ เพื่อขอร่วมทดสอบฝีเท้า
ความพยายามของ เกรกัวร์ อัคเซลร็อด สัมฤทธิ์ผลจนได้ แม้ว่าทีมใหญ่อย่าง เชลซี, แมนฯ ซิตี้ และ อาร์เซนอล จะไม่สนใจเขา แต่ สวินดอน ทาวน์ ทีมในลีกล่างของอังกฤษ ปิ๊งโปรไฟล์ของเขาเข้าอย่างจัง จึงเรียกตัวเขาให้มาร่วมทดสอบฝีเท้า
“วันแรกของการทดสอบฝีเท้า (ที่สวินดอน) สภาพร่างกายและความเข้าใจแท็คติคของผมเป็นศูนย์ ตอนซ้อมลงทีม ผู้รักษาประตูเปิดบอลยาวมาให้ผม ผมพยายามกระโดดโหม่ง แต่พลาดลูกบอลเข้าหน้าของผมเต็ม ๆ ทุกคนในสนามหัวเราะกันหมด” อัคเซร็อด รำลึก
แน่นอนว่าจากความอับอายในการซ้อมครั้งนั้น เกรกัวร์ อัคเซลร็อด ก็ไม่ได้รับสัญญาจาก สวินดอน ทาวน์ แต่การเดินทางของเขายังไม่จบแค่นี้ เพราะต่อมาเขายังได้ไปทดสอบฝีเท้ากับ บอร์นมัธ และ สวินดอน ทาวน์ เป็นครั้งที่สอง แต่ก็ยังไม่ได้รับสัญญาอยู่ดี
โดยเฉพาะการทดสอบกับ สวินดอน ทาวน์ ในครั้งหลังนั้น อัคเซลร็อด สามารถทำได้ 2 ประตู ในเกมอุ่นเครื่อง แม้ว่าจะไม่ได้รับสัญญาจากทีม แต่วันนั้นมีตากล้องจาก Sky Sports ช่องทีวีดังของอังกฤษ ไปบันทึกภาพด้วย อัคเซลร็อด จึงนำคลิปที่เขายิงได้ไปใส่ในเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มดีกรีให้กับโปรไฟล์ของตัวเอง
กระทั่งปี 2009 สิ่งที่ เกรกัวร์ อัคเซลร็อด ลงแรงทำมาตลอดก็เห็นผล เมื่อ ซีเอสเคเอ โซเฟีย ทีมดังของลีกบัลแกเรีย ที่เพิ่งได้สิทธิ์ไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เรียกให้เขาไปทดสอบฝีเท้า ปรากฎว่า อัคเซลร็อด ทำผลงานเข้าตาโค้ชของทีม เขาจึงได้รับสัญญา 3 ปี ค่าเหนื่อยเดือนละ 15,000 ยูโร (550,000 บาท) และเขาก็จรดปากกาเซ็นสัญญาไปเรียบร้อยแล้ว
ณ ตอนนั้น ความฝันของ เกรกัวร์ อัคเซลร็อด เป็นจริงแล้ว สิ่งที่เขาพยายามทำมาตลอดไม่สูญเปล่า แต่ว่าเขาก็มีความสุขได้เพียงชั่วข้ามคืน เพราะมันไม่มีความลับในโลกนี้ ในที่สุดการกุเรื่องเป็นอดีตนักเตะสำรองของเปแอสเชและปลอมโปรไฟล์ของเขาก็แตกจนได้ เขาจึงถูก ซีเอสเคเอ โซเฟีย ยกเลิกสัญญาและไล่กลับฝรั่งเศสทันที
“ผมไปทดสอลฝีเท้าอยู่ 2 วัน และโค้ชก็มาบอกเอเยนต์ของผมว่า เขาอยากเซ็นสัญญากับผม พวกเขาถ่ายรูปผมในชุดซีเอสเคเอ ผมเซ็นสัญญาไปแล้ว พวกเขาลงภาพผมเซ็นสัญญาลงในเว็บไซต์สโมสร” อัคเซลร็อด กล่าว
“แต่เพียงชั่วข้ามคืน แฟนบอลเปแอสเชก็ทำลายผมจนไม่มีชิ้นดี เมื่อมีแฟนบอลของ ซีเอสเคเอ โซเฟียคนหนึ่ง ติดต่อไปหาชุมชนออนไลน์ของแฟนบอลเปแอสเชว่า ‘เรากำลังจะเซ็นสัญญากับ เกร็ก อัคเซลร็อด พวกคุณคิดอย่างไรกับเขา ?’ ”
“ปรากฎว่าไม่มีแฟนเปแอสเชคนไหนรู้จักผม พวกเขาบอกว่าผมโกหก พวกเขาเช็คเว็บไซต์ของผมหมดแล้ว แม้ว่าจะมีข้อมูลบางอย่างเป็นเรื่องจริงก็ตาม เช่น คลิปยิงประตูกับสวินดอน ”
“แฟนบอลของซีเอสเคเอจึงติดต่อไปที่นักข่าวทุกคนในโซเฟีย และพวกเขาก็พบว่าสโมสรเซ็นสัญญากับนักเตะลวงโลก”
อย่างไรก็ดี เกรกัวร์ อัคเซลร็อด ก็ยังไม่ยอมหยุดฝันของตัวเอง และตระเวณไปทดสอบฝีเท้าในกรีซ, คูเวต และแคนาดา จนได้รับสัญญาและลงเล่นกับ มิสซิสเซาก้า อีเกิ้ลส์ ในทีมลีกสูงสุดแคนาดา ในที่สุดเขาได้ลงเล่นฟุตบอลอาชีพจริง ๆ เสียที แต่เขาก็เล่นที่นั่นได้เพียง 1 ฤดูกาล ก่อนจะห่างหายจากการเล่นฟุตบอลไป
ปัจจุบัน เกรกัวร์ อัคเซลร็อด ผันตัวมาเป็นเอเยนต์นักฟุตบอลแล้ว และยังเขียนหนังสืออัตชีวประวัติที่มีชื่อว่า 'Pro At All Costs' บอกเล่าเรื่องราวการเป็นจอมลวงโลกของเขา เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับนักเตะรุ่นใหม่ที่อยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ