เมา,ชน มีคนเสียชีวิต : นักเตะต่างประเทศกับคดีเมาเเล้วขับจบแบบไหนบ้าง ?
เมาแล้วขับถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายในทุก ๆ ประเทศบนโลกนี้ และมีนักเตะอาชีพระดับแถวหน้าของโลกหลายคนเคยต้องคดี บางคนเมาแล้วขับชนรถคันอื่นจนเกิดอุบัติเหตุ บางคนเมาแล้วขับจนทำให้มีคนเสียชีวิตเลยก็มี
หลังจากถูกคดีเหล่านั้นพวกเขาต้องเจอกับอะไรบ้าง ลงเล่นเกมฟุตบอลอาชีพได้ไหม สังคมมองพวกเขาอย่างไร ? ติดตามที่ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
คดีความต้องมาก่อน
เหตุผลที่การเมาแล้วขับเป็นเรื่องร้ายเเรง เพราะมันหมายถึงการขาดจิตสำนึกในการใช้รถใช้ถนน และไม่ได้ห่วงความปลอดภัยกับผู้ร่วมใช้ทาง ไม่ว่าจะกับผู้คนหรือรถคนอื่น ๆ ก็ตาม
แต่อย่างไรเสียแม้จะทุกประเทศจะมีกฎหมายที่เข้มข้นสำหรับเรื่องนี้ แต่มันก็ยังยากจะทำให้สถิติคดีเมาแล้วขับเป็น 0 อยู่ดี เนื่องจากการดื่มสังสรรค์ถือเป็นกิจกรรมที่คนเมืองส่วนใหญ่นับเป็น 1 ในการพักผ่อนและผ่อนคลาย และบางครั้งเมื่อเหล้าเข้าปาก มันก็มักจะเลยเถิด จากที่จะกินน้อย ๆ เพื่อเข้าสังคม กลายเป็นการกินจนเมาขาดสติเพราะบรรยากาศพาไป ... และแน่นอนคนเมาไม่เคยคิดว่าตัวเองเมา และการขับของตัวเองกลับบ้านก็เป็นอะไรที่ง่าย ไม่ยุ่งยาก เท่ากับการเรียกใช้บริการต่าง ๆ แล้วค่อยมาเอารถของตัวในวันรุ่งขึ้น และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องแย่ ๆ ที่จะตามมาในภายหลัง
ในโลกของฟุตบอลนั้นมีนักเตะที่เคยละเมิดกฎเมาแล้วขับมากมาย มีทั้งสร้างความเสียหายเบา และหนักกันไปในแต่กรณี
กรณีทีเกิดอุบัติเหตุแต่ไม่ได้ร้ายแรงนั้นยกตัวอย่างเช่น ดาร์รอน กิบสัน อดีตนักเตะของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงปี 2007-2010 นั้น เคยเมาแล้วขับ ในช่วงปี 2015 โดยเขานั้นขับ Nissan GT-R Nismo ชนกับคนปั่นจักรยาน โดยคู่กรณีนั้นได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ซึ่งหลังจากตรวจแอลกอฮอล์ก็พบว่า กิบสัน มีปริมาณเกินกำหนด ทำให้เขาต้องเจอกับคดีความที่มากมายตาม จนเป็นต้นเหตุให้อาชีพค้าแข้งของเขาทรุดลงอย่างรวดเร็ว
จากความผิดเมาแล้วขับชนคนปั่นจักรยานได้รับบาดเจ็บ กิบสัน ต้องจ่ายเงินสินไหมทดแทนให้คู่กรณี 5,700 ปอนด์ (ราว 230,000 บาท) และโดนยึดใบขับขี่ 20 เดือน นอกจากนี้ยังต้องบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวมเป็นระยะเวลา 200 ชั่วโมงในเวลา 12 เดือน
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่คดีเดียวของเขา เพราะในอีก 3 ปีต่อมา กิบสัน โดนคดีเมาเเล้วขับอีกครั้ง ครั้งนี้เขามีปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 150 มิลลิกรัม มากเกินเกณฑ์ถึง 3 เท่า ก่อนขับไปชนรถแท็กซี่ที่กำลังจอดอยู่รวดเดียวถึง 3 คัน
เมื่อเป็นความผิดซ้ำ แน่นอนว่าคราวนี้โทษจึงหนักกว่าเดิม คือการจ่ายค่าเสียหายให้กับคู่กรณีทั้ง 3 เจ้านอกจากนี้ เขายังถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ 40 เดือน (ลดเหลือ 27 เดือนในเวลาต่อมา หลังสารภาพผิด) บำเพ็ญประโยชน์ 250 ชั่วโมงภายในเวลา 2 ปี แม้เขาจะไม่ได้ติดคุกตลอดชีวิต หรืออะไรทำนองนั้น
แม้ตัวบทกฎหมายอาจจะไม่ได้ทำให้เขาต้องติดคุกตลอดชีวิตหรืออะไรทำนองนั้นแบบที่หลายคนอยากเห็น แต่ต้นสังกัดของ กิบสัน อย่างซันเดอร์แลนด์ ก็ประกาศยกเลิกสัญญากับ กิบสัน ทันทีหลังจากเขาถูกจับคดีดังกล่าวได้เพียงไม่กี่วัน
ซึ่งในตลอดช่วงเวลาที่ยังต้องขึ้นศาลในคดีนี้ กิบสัน ก็ไม่ได้มีสโมสรไหนมอบสัญญาการลงเล่นให้กับเขาเลย จนกระทั่งศาลตัดสินคดีอย่างเป็นทางการดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น โดยระยะเวลาของกระบวนการทางศาลใช้เวลา 6 เดือน กิบสัน จึงได้สโมสรใหม่นั่นคือ วีแกน แอธเลติก ซึ่งในความผิดซ้ำซากก็ทำให้เขาไม่เคยกลับมาเล่นในระดับสูงได้อีกเลยหลังจากนั้น
"ถ้าย้อนกลับไปได้ผมจะไปบอกตัวเองตอนหนุ่มเลยว่า 'อย่าเมาแล้วขับเด็ดขาด' การเมาเหล้าเป็นจุดเริ่มต้นแห่งหายนะ ผมมีสติไม่พอที่จะควบคุมตัวเอง ผมเสียใจมากและผมอยากให้ทุกคนรู้ว่าผมชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวผมเคยก่อไว้โดยไม่มีข้อแม้ เพราะนั่นคือความเสียใจที่สุด ไม่ใช่แค่สำหรับอาชีพนักฟุตบอลแต่มันคือความเสียใจที่สุดในชีวิตของผมเลย" กิ๊บสัน ในวันที่แขวนสตั๊ดแล้วมองย้อนไปยังอดีตของตัวเอง
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
แม้การเมาเเล้วขับของ กิบสัน อาจจะไม่ได้ทำให้ใครเสียชีวิต แต่มันก็ร้ายแรงพอที่จะทำให้เขาสูญเสียแทบทุกอย่างในอาชีพไปโดยปริยาย
มีนักเตะอีกหลายคนที่เมาแล้วขับ แต่ไม่ได้ก่ออุบัติเหตุ เพียงแค่โดนตรวจวัดแอลกอฮอล์ ก็มากพอที่จะทำให้พวกเขามีมุมมองที่เปลี่ยนไปต่อการเมาแล้วขับไปตลอดกาล เช่น เวย์น รูนี่ย์ สมัยที่ยังเป็นวัยรุ่นเเละเล่นให้กับ เอฟเวอร์ตัน สโมสรก็ปรับเงินเขา 3 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังห้ามขับรถยนต์เป็นเวลานานถึง 2 ปี อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมี ยาย่า ตูเร่ ของ แมนฯ ซิตี้ , โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ของ ลิเวอร์พูล ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกปรับเงินและโดนห้ามขับขี่อย่างน้อย 1 ปี ย้ำอีกครั้งว่าพวกเขาไม่ได้ก่อุบัติเหตุใด ๆ แค่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกำหนด ก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่สโมสรจะต้องเข้ามาจัดการเรื่องเหล่านี้ให้เด็ดขาด ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซาก เพราะวันนี้อาจจะแค่ชนสิ่งของ วันข้างหน้าหากยังไม่ห้ามปราม อาจจะไปชนคนอื่น ๆ จนถึงแก่ชีวิตก็เป็นได้ ....
ซึ่งในกรณีนี้ก็มีนักเตะคนหนึ่งที่เคยกระทำมาก่อน และยังเป็น นักเตะดังระดับแถวหน้าของโลก ที่เคยได้เเชมป์พรีเมียร์ลีกและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกมาแล้วอย่าง มาร์กอส อลอนโซ่ อดีตนักเตะของ เชลซี ที่ปัจจุบันอยู่กับ บาร์เซโลน่า
เมาเเล้วขับ มีคนตาย แต่ได้เล่นต่อ
เรื่องของ อลอนโซ่ นั้นเกิดขึ้นในปี 2011 โดยในตอนนั้นเขาอายุ 20 ปี และกำลังเล่นให้กับสโมสร โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส ที่อยู่ในพรีเมียร์ลีก
เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่เขากลับไปที่กรุงมาดริด โดยตัวของ อลอนโซ่ นั้นออกจากงานปาร์ตี้ และขับรถด้วยความเร็ว 70 ไมล์ต่อชั่วโมง (112 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ในพื้นที่จำกัดความเร็วที่ 30 ไมล์ต่อชั่วโมง (48 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และที่แย่กว่าการขับเร็วเกินกฎหมายเเล้ว เขายังอยู่ในสภาวะเมาเเล้วขับด้วย
มีการเปิดเผยว่าปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายของ อลอนโซ่ อยู่ที่ 93 มิลลิกรัม เกินกว่ากฎหมายกำหนดที่ 50 มิลลิกรัม ซึ่งเมื่อบวกความเร็ว ความเมา และสภาพถนนที่เปียกชื้น อลอนโซ่ ก็ขับรถเสียหลักพุ่งชนกำแพง ส่งผลให้ผู้โดยสารในรถที่เป็นหญิงสาวอายุ 22 ปี เสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 คน
รายงานในวันที่ 3 พฤษภาคม ปี 2011 หรือ ณ วันนั้นจากเกิดเหตุของ เดอะ การ์เดี้ยน สื่อของอังกฤษเผยว่า "ศาลสืบสวนเบื้องต้นที่ 4 ในกรุงมาดริดยืนยันว่าได้ปล่อยตัว มาร์กอส อลอนโซ่ เมนโดซ่า นักฟุตบอลซึ่งต้องสงสัยว่าก่ออาชญากรรมต่อความปลอดภัยทางถนน, ขับรถในขณะที่มีแอลกอฮอล์เกินกำหนด, อาชญากรรมของการฆาตกรรมโดยประมาท และทำให้ได้รับบาดเจ็บโดยประมาท"
"เบื้องต้น ผู้พิพากษายังได้กำหนดมาตรการป้องกันไว้ก่อนเพื่อถอนใบอนุญาตขับขี่ของเขาและกำหนดคำสั่งห้ามขับรถทั่วอาณาเขตของประเทศในช่วงระยะเวลาของกระบวนการสอบสวน”
ภายหลังเขาได้รับโทษจำคุก 4 ปี ก่อนจะเปลี่ยนเป็น 21 เดือน และเมื่อมีการพิจารณาไกล่เกลี่ยกับญาติผู้เสียชีวิต ก็ไม่น่าเชื่อว่า อลอนโซ่ จะถูกลงโทษเพียงแค่ปรับเงินและยึดใบขับขี่
ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ได้มีข้อมูลที่ชัดเจนเปิดเผยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพียงแต่มีการวิเคราะห์ถึงประเด็นดังกล่าวว่า ใน สเปน นั้นการกรณีที่เมาแล้วขับและผู้โดยสารบนรถคันนั้นเสียชีวิตไม่ถือว่าเป็นการฆาตกรรม เป็นเพียงความประมาทเท่านั้น
ซึ่งประเด็นดังกล่าวก็ถูกวิจารณ์ในโลกอินเตอร์เน็ตว่าเป็นข้อกฎหมายที่เบาเกินไปสำหรับการเมาแล้วขับ
ขณะที่ในทางของฟุตบอลนั้นหลังจากวันเกิดเหตุ โบลตัน ต้นสังกัดของ อลอนโซ่ ก็ไม่ได้ใส่ชื่อเขาลงในทีมอีกเลยจนกระทั่งจบฤดูกาล 2010-11 (เหลือโปรเเกรมอีก 4 นัด) แม้ว่าเขาจะได้รับอนุญาตให้ลงเล่นฟุตบอลอาชีพได้ในขณะพิจารณาคดีก็ตาม ซึ่งปลายทางของเรื่องนี้คือ อลอนโซ่ ถูกตัดสินว่าเมาแล้วขับ ประมาทจนก่อนให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ไม่ใช่การประมาทจนนำไปสู่การฆาตกรรม
แน่นอนว่าไม่มีการเปิดเผยหลักฐานการพิจารณาคดีว่าทำไม อลอนโซ่ จึงไม่ได้รับโทษที่แรงกว่านั้น แต่ที่แน่ ๆ คือเขาได้รับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นและชดเชยให้กับฝั่งผู้เสียชีวิตเป็นเงินกว่า 500,000 ยูโร หรือราว 17 ล้านบาท ซึ่งคดีความทั้งหมดมาจบลงในปี 2016 หรือ 5 ปีหลังจากเกิดเหตุ และเขายังคงได้ลงเล่นฟุตบอลอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งทุกวันนี้
อย่างไรก็ตามในกรณีของ อลอนโซ่ นั้นอาจจะไม่ชัดเจนเท่าไหร่ เพราะไม่ใช่การชนคนอื่น แต่เป็นการทำให้ผู้โดยสารในรถเสียชีวิต ซึ่งหากจะให้ชัดกว่านี้อาจจะต้องยกกรณีของนักอเมริกันฟุตบอลที่ชื่อว่า เฮนรี่ รักซ์ (Henry Ruggs)
รักซ์ เป็นผู้เล่นของทีม ลาส เวกัส ไรเดอร์ ตัวของ รักซ์ นั้นก็เมาเเล้วขับ(ปริมาณมากกว่ากำหนด 2 เท่า) เช่นกัน และขับด้วยความเร็วถึง 156 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนจะลดความเร็วเหลือ 127 ไมล์ต่อชั่วโมงหรือ 200 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ชนท้ายกับรถคนหนึ่งที่มีหญิงสาววัย 23 ปีและสุนัขอยู่บนรถ ความแรงในการชนทำให้รถผู้เสียหายไฟลุก จนทุกคนที่อยู่บนรถคันนั้นเสียชีวิตทั้งหมด
ตัวของ รักซ์ ก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน และทันทีที่เขารักษาตัวเรียบร้อย เขาถูกสั่งขังทันทีในข้อหาอาชญากรหลายกระทง รวมทั้งการขับรถภายใต้ฤทธิ์สุราจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตและขับรถโดยประมาท
ในเบื้องต้นเขาได้ยื่นเงินประกันตัวจำนวน 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5 ล้านบาท)
ฝั่งญาติผู้เสียชีวิตพยายามเรียกร้องความเป็นธรรมสำหรับเรื่องนี้อย่างเต็มที่ แต่รักซ์ ก็ยังให้ทนายสู้คดีนี้ และจนถึงตอนนี้การพิจารณาคดียังถูกเลื่อนไปถึง 4 ครั้ง ซึ่งหากการตัดสินว่าเขาผิดจริง เขาจะต้องถูกจำคุกอย่างน้อย 2 ปี และสูงสุดถึง 50 ปี
“คุณไม่สามารถจินตนาการถึงความเจ็บปวดได้เลย” คุณลุงของผู้เสียชีวิตพูดถึงการตายของหลานสาว ก่อนจะฝากถึง รักซ์ ที่พยายามสู้คดีนี้ว่า "คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณรู้สึกอย่างไร คุณไม่มีความรู้สึกด้วยซ้ำ"
ในเรื่องของคดีความนั้นยังไม่ได้รับข้อสรุปจนกระทั่งตอนนี้ อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ รักซ์ ก็ถูกยกเลิกสัญญากับต้นสังกัด และไม่มีทีมไหนรับเขาไปเล่นอีกเลย
ตราบาปตลอดชีวิต
แม้จะไม่ได้ติดคุกหรือได้รับโทษที่รุนแรง แต่มันก็เกิดผลกระทบกับอาชีพนักฟุตบอลของ อลอนโซ่ เช่นกัน เพราะทุกครั้งที่ลงสนาม อลอนโซ่ มักจะโดนโห่จากแฟนบอลฝั่งตรงข้ามอยู่ตลอด เพื่อเป็นการย้ำเตือนว่าทุกคนยังคงไม่ลืมการกระทำของเขา
ครั้งหนึ่งในเกมที่ เชลซี เจอกับ สเปอร์ส ในปี 2017 แฟนบอลของไก่เดือยทอง ได้ทำป้ายผ้าที่มีข้อความว่า "มาร์กอส อลอนโซ่ ไอ้ฆาตกรเด็กสาว"
นอกจากนี้ อลอนโซ่ ยังคงถูกตั้งคำถามอยู่ตลอดเวลาจาก ความรู้สึกไม่ยุติธรรมเกี่ยวกับคดี ท้ายที่สุด มีคนเสียชีวิตในอุบัติเหตุรถชน ส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คนมากมาย อลอนโซ่ รอดพ้นจากการลงโทษใด ๆ และคำถามต่อมาคือหากกรณีแบบนี้เกิดขึ้นกับประชาชนทั่วไปคดีความจะจบลงเหมือนกันหรือไม่ ? ... ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องมีคำตอบไหนที่ยืนยันได้แน่ชัด 100% เพียงแต่มันเป็นคำถามที่เกิดจากความรู้สึกไม่เป็นธรรมในฐานะปุถุชนคนธรรมดา
ล่าสุดเมื่อปี 2021 เรื่องของ อลอนโซ่ ก็ถูกนำมาเปรียบเทียบกับกรณี "อัดคลิปเตะแมว" ของ เคิร์ท ซูม่า นักเตะของทีม เวสต์แฮม ที่โดนปรับจากเหตุการณ์ดังกล่าวถึง 350,000 ยูโร (ราว 12 ล้านบาท) นอกจากนี้ ซูม่า ยังถูกสปอนเซอร์อย่าง Adidas ยกเลิกสัญญาอีกต่างหาก แน่นอนว่าคดีเตะแมว กับเมาเเล้วขับจนมีคนเสียชีวิตนั้น หากวัดตามความรุนแรงแล้ว เคสของ ซูม่า นั้นไม่ร้ายแรงเท่า แต่การที่เขาโดนปรับ โดนแบน และโดนลงโทษจากต้นสังกัดและสปอนเซอร์นั้น ถือว่าหนักหนากว่าโทษที่ อลอนโซ่ ได้รับด้วยซ้ำ
ทุกวันนี้ยังมีคนถามในทวิตเตอร์อยู่เลยว่าทั้ง ๆ ที่ อลอนโซ่ ก่อปัญหาใหญ่กว่าและซับซ้อนมากกว่าทำไมเขาจึงเหมือนกับไม่ได้โดนลงโทษใด ๆ เลยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า อลอนโซ่ คงไม่ออกมาตอบเรื่องนี้ด้วยตัวเองแน่ แต่อย่างน้อยทุก ๆ ครั้งที่มีปัญหาลักษณะนี้เกิดขึ้นชื่อของเขาจะต้องถูกนำมาเอี่ยวด้วยเสมอ และมันจะกลายเป็นตราบาปติดตัวเขาไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน แม้จะสวนทางกับการลงโทษทางกฎหมายก็ตาม
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
วัยรุ่นทรงอย่าง BAD : แข้งเด็กผู้สร้างวีรกรรมซ่ายิ่งกว่าปลาโลมากระโดด
Nordic Mentality : การ ‘ใช้ชีวิต’ ที่ทำให้นักเตะนอร์เวย์ดู ‘ไนซ์’ อยู่ไหนก็มีแต่คนรัก
จบ ป.ตรี เงินเดือน 3 ล้าน : วิชาลับในรั้วมหา'ลัยของ คาโอรุ มิโตะมะ
แหล่งอ้างอิง
https://www.allsoccer.co.uk/news/fans-compare-kurt-zouma-fine-to-that-of-marcos-alonso-who-killed-a-girl/
https://the18.com/soccer-news/did-marcos-alonso-kill-someone-comparing-alonso-henry-ruggs?fbclid=IwAR2XyjEP23_nMTEHeBbp-vu0ckYOQSJ6GuNMeJSemH1O14Z9EKSKHglGTEI
https://www.reddit.com/r/askspain/comments/pn0kwi/how_come_marcos_alonso_didnt_receive_a_more/
https://www.generation95.com/why-do-fans-boo-marcos-alonso-the-marcos-alonso-car-crash-information/
https://www.theguardian.com/football/2011/may/03/bolton-marcos-alonso-car-accident