เมื่อ ‘เทกุ’ ผู้ถนัดแผนหลังสี่ต้องมาใช้ระบบหลังสาม ดวลกับ ‘เมืองทอง’ เวอร์ชั่นหลังรั่ว
เมื่อบอร์ดบริหารของทาง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ตัดสินใจลมพัดหวนไปดึงตัว มาโกโตะ เทกุระโมริ กลับมาคุมทีมเป็นคำรบที่สอง ต้องยอมรับกันตามตรงว่า แฟนบอลกระต่ายแก้ว จับตามองกับการคืนถิ่นครั้งนี้กันแบบแทบไม่กะพริบตา เนื่องจากผลงานก่อนนหน้าที่เขาคุมทัพ ชลบุรี เอฟซี ก็ไม่นับว่าประสบความสำเร็จหรือเปลี่ยนแปลงอะไรแบบเป็นชิ้นเป็นอัน
บทสรุปของ เทกุ กับ บีจี รอบก่อน อาจไม่ได้ลงเอยกันสวยงามเท่าไหร่นัก เพราะทั้งบอร์ดบริหารและหัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวญี่ปุ่น ต่างฝ่ายต่างมีแนวคิดเป็นของตัวเอง แทบไม่มีใครลดราวาศอกให้แก่กัน แต่จากการหันหลับมาคืนดีกันรอบนี้ หมายความได้เนืองๆ ว่า คงพยายามหาจุดกึ่งกลางระหว่างกันอยู่
แม้ว่าผลงานของ เทกุ จะเปิดตัวสวยในการรีเทิร์น ด้วยการคว้าแชมป์ เจ ลีก เอเชีย ชาลเลนจ์ 2023/24 เหนือทีมพันธมิตรจากแดนปลาดิบอย่าง เซเรโซ โอซาก้า แต่ภาพรวมในการเล่นบอลลีก ยังดูไม่ปังอย่างที่คิด เนื่องจากลงเล่นอย่างเป็นทางการนัดแรก ก็ทำได้แค่บุกไปเสมอกับ พีที ประจวบ อย่างจืดๆ 1-1
โชคยังดีที่เกมช่วงกลางสัปดาห์ เทกุ ปลดล็อคชัยชนะเกมแรกในการคัมแบ็คสู่ ไทย ลีก กับ บีจี ได้ด้วยงานที่ไม่ยากนัก หลังเปิดบ้านเอาชนะ อุทัยธานี เอฟซี ได้ด้วยจังหวะการฉวยโอกาสลงโทษคู่แข่งที่เฉียบคมกว่า 2-0 ทั้งที่รูปเกมยังไม่ลงตัวทั้งรุกและรับ
เหตุผลที่ผลงานของ เทกุ ยังไม่ปังแบบทันทีทันใดมีความเป็นไปได้จากปัจจัยใดบ้าง? คู่แข่งของพวกเขาที่ต้องบุกไปเยือนในเกม บิ๊ก แมตช์ วันอาทิตย์นี้อย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด ใครอาการหนักกว่ากัน? สภาพความพร้อมของทั้งสองทีมเมื่อเทียบกันแล้ว ผลมีสิทธิ์ออกหน้าไหนมากกว่า ติดตามไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
แผนถนัดคือหลังสามหรือหลังสี่?
หากย้อนไปค้นหาสถิติการคุมทีมของ เทกุ กับ ฉลามชล ทั้งหมด 13 นัด โดยที่เขาได้รับอำนาจสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจแบบเต็มตัว จะเห็นได้ว่า ไม่มีเกมไหนเลยสักเกมเดียวที่เขาใช้แผนเกมรับแบบ เซนเตอร์แบ็ค 3 คน แบบที่เขาทำกับ บีจี อยู่ในตอนนี้
ส่วนกับ บีจี รอบแรกที่บทสรุปของเขาจากข่าวสารที่จริงบ้างไม่จริงบ้าง? ที่แฟนบอลรับสาส์นไปจนบางคนไม่ได้ไตร่ตรอง แทบจะน้อยคนนักที่จะรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 'เทกุ' กับ 'บอร์ดบริหารของ บีจี' ไม่ได้มีรอยร้าวที่หนักหนาสาหัส มีเพียงแค่การสื่อสารและแนวความคิดที่ไม่ตรงกันบางประเด็นเท่านั้น
ย้อนกลับไปในสมัยที่เขารับงานในประเทศบ้านเกิดกับ เวกัลตะ เซ็นได ก็ใช้แผนหลังสามไปเพียงแค่ 4 นัดจากทั้งหมด 43 นัด หากย้อนเวลาเก่าไปกว่านั้น เทกุ เคยคุมทีม วี วาเรน นางาซากิ ทั้งหมด 93 นัด ใช้ระบบหลังสามไปแค่ 5 นัดเท่านั้น
แนวทางการเล่นของ เทกุ เน้นไปที่การต่อบอลทำเกม เคาะบอล ต่อบอล เพื่อล่อคู่แข่งออกจากพื้นที่โซนเกมรับ รอจังหวะโอเวอร์โหลดผู้เล่นแนวรุกของฝั่งตัวเอง เข้าไปเอาชนะในพื้นที่ที่ต้องการโจมตีด้วยตัวผู้เล่นที่มากกว่าแบบฉับพลันและมีประสิทธิภาพ ซึ่งระบบการเล่นที่เหมาะกว่า คือ การยืนกองหลังแบบ 4 คน ที่ฟูลแบ็คทั้งสองฝั่งสามารถเติมขึ้นมาเล่นเกมบุกได้ การโยกบอลสวิทช์บอลแต่ละฝั่งมีตัวเลือกที่พร้อมเติมมาช่วยได้ทันท่วงที
ไม่มีใครทราบได้ว่าการที่ เทกุ เลือกใช้ระบบหลังสามในการคุมทัพ กระต่ายแก้ว รอบสอง เป็นผลมาจากตัวผู้เล่นที่มีอยู่ในมือ หรือ ปัญหาอาการบาดเจ็บของตัวหลัก แต่สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ แนวทางการขึ้นเกมที่เน้น โยนบอลจากริมเส้นมากกว่าการต่อบอล ตามรูปเกมที่มีเสียงแฟนบอลวิจารณ์มา แล้วทำให้มิดฟิลด์ตัวสร้างสรรค์เกมอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ หรือ เฟร็ดดี้ อัลวาเรซ ดูมีบทบาทกับทีมลดน้อยลง
หลังจบเกมกับ พีที ประจวบ เทกุ ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเขามีการบ้านที่ต้องแก้ไขอีกมากมายกับ บีจี ตามที่กล่าวไว้ว่า
"เกมนี้ทั้งสองทีมต่างก็เป็นเฮดโค้ชใหม่ทั้งคู่ เราก็ต้องการผลการแข่งขันที่ดี สุดท้ายเราแบ่งกันไปคนละ 1 คะแนน ซึ่งก่อนเกมเรารู้ว่าจุดแข็งของ ประจวบ เขาเป็นทีมที่เกมรับแน่น และรอจังหวะโต้กลับเร็ว ผมได้กำชับลูกทีมให้เล่นอย่างรัดกุม และไม่ประมาท ซึ่งเราก็เตรียมทีมมาเป็นอย่างดี"
"อย่างไรก็ตามพอเป็นเกมเยือน ทางเจ้าบ้านก็เล่นด้วยความฮึกเหิม จนทำให้ความแม่นยำของทีมเราลดลงไป ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นโจทย์ที่เราต้องกลับไปแก้ไขให้ดีขึ้น ต้องกลับไปเพิ่มการยิงประตูให้เยอะขึ้น และลดการเสียประตูให้น้อยลง"
ปัญหาเกมรับอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่สุดที่ เทกุ ต้องเป็นกังวล แต่อาจเป็นเรื่องของเกมรุกที่ยังขาดตัวจบสกอร์อย่าง ธีรศิลป์ แดงดา ที่ยังไม่ฟิตเต็มร้อย รวมไปถึง อิกอร์ เซอเกเยฟ ที่บาดเจ็บจาก ศึก เอเชียน คัพ ต้องพักรักษาตัวยาวอีกหลายเดือน โชคยังดีที่ไม่มีตัวแบนเพิ่มเติมให้ต้องหนักใจเพิ่มขึ้นไปอีก
กองหน้าอย่าง ดานิโล่ อัลเวส และ อิ๊กซาน ฟานดี้ ผลงานอาจยังไม่โดดเด่นถึงขนาดเชื่อใจได้ แต่ยังพอถูไถไปได้จากคุณภาพฝีเท้าและประสบการณ์ โดยมีตัวสร้างสรรค์เกมอย่าง เจ-ชนาธิป, เฟร็ดดี้ อัลวาเรซ หรือ สารัช อยู่เย็น เปลี่ยนจังหวะเกมตามสไตล์การเล่นของพวกเขา เหมือนในเกมกับ อุทัยธานี ที่มีความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเล็กๆ น้อยๆ
โจซิค ร่ายมนต์อุดเกมรับกิเลนไม่ไหว
มิลอส โจซิค หัวหน้าผู้ฝึกสอนของทัพ กิเลนผยอง เคยเข้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์ทีมเมื่อฤดูกาลก่อน ในฐานะผู้ช่วยของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ซึ่งพาทีมสร้างสถิติคัมแบ็คเก็บชัยชนะได้ถึง 8 นัดติดต่อกันแบบน่าเหลือเชื่อ
อย่างไรก็ตามซีซั่นนี้ โจซิค กลับมาอีกครั้งในบทบาทที่ต่างออกไป เพราะเขา่กลับมาช่วยในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอนร่วมกับโค้ช อุทัย บุญเหมาะ ที่ทำหน้าที่ขัดตราทัพได้ทรงๆ ไม่เด่นแต่ไม่แย่ ซึ่งแฟนบอลทราบกันดีอยู่แล้วว่า แท็คติกขึ้นชื่อของ โจซิค เป็นเรื่องของการขันเกมรับ
แต่ผลงานหลังเปิดเลกสองมาทั้งหมดสองเกม กลับจบลงด้วยความพ่ายแพ้ทั้งหมด เริ่มต้นจากพ่ายคารังให้กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด 1-2 ทั้งที่เป็นฝ่่ายออกนำไปก่อน ต่อเนื่องด้วยการบุกพ่าย การท่าเรือ เอฟซี 3-4 ช่วงกสางสัปดาห์ สองนัดเสียประตูรวมไปถึง 6 ลูก ถูกคู่แข่งแซงเอาชนะทั้งหมด
การเสริมทัพที่ได้ตัว โคทาโร่ โอโมริ มาจาก จูบิโล่ อิวาตะ เป็นการเสริมแนวรุกที่น่าสนใจ ในการผนึกกำลังร่วมกลับ ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร ที่หายเจ็บกลับมาลงเล่นได้สักที แต่เกมรับที่ไปดึงตัว อี-แจ ซุง เซนเตอร์แบ็คไม้ใกล้ฝั่งมาเป็นตัวเลือกเพิ่มเติม ยังคงเป็นคำถามว่าจะช่วยทีมได้จริงหรือไม่?
เพราะสุดท้ายแล้วคู่ปราการหลังตัวกลาง ยังคงเป็น ทรงวุฒิ ใคร่ครวญ ยืนกับ ฌ็อง-โคล้ด บิลลง อยู่เช่นเดิม ซึ่งฟอร์มล่าสุด แฟนบอลคงเห็นแล้วว่า ปัญหาแนวรับของ เมืองทอง ขึ้นอยู่กับสมาธิของผู้เล่น มักจะเหม่อในจังหวะประกบตัว แถมสปีดความเร็วในการดวลกับคู่แข่งที่มีความเร็วสูงๆ ก็เอาแทบไม่อยู่
การกลับมาเล่นในรังรอต้อนรับผู้มาเยือนอย่าง บีจี ไม่ใช่งานง่ายของ เมืองทอง ที่กำลังหาหนทางกลับมาู่ฟอร์มที่ควรจะเป็นได้ เนื่องจากผู้เล่นในแนวรุกอย่าง วิลเลี่ยน พ็อพพ์ ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บจนถูกหามออกในเกมที่ไปเยือน สิงห์เจ้าท่า ด้าน สเตฟาน เชโปวิช ดาวยิงจอมเก๋าอีกหนึ่งรายก็ยังไม่ฟิตเต็มร้อย
วัดกันที่ความละเอียด
การเจอกันของทั้งสองทีม เป็นช่วงเวลาที่พอเหมาะพอเจาะเพราะต่างต้องการหาจุดเปลี่ยนทั้งคู่ บอลคู่นี้จากสถิติซีซั่นก่อนเป็นแนวบ้านใครบ้านมัน เมืองทอง เอาชนะ บีจี ตอนเป็นเจ้าบ้านได้ด้วยสกอร์ 1-0 แต่ทาง กระต่ายแก้ว ก็ไม่น้อยหน้าตอนเล่นในรังก็ถล่มผู้มาเยือนไปได้ถึง 3-0
ย้อนกลับไปในเลกแรก บีจี ภายใต้การทำทีมของ โค้ชธง-ธงชัย สุขโกกี เปิดบ้านถล่มเอาชนะ เมืองทอง ไปได้แบบขาดลอย 5-2 ด้วยความคมในการจบสกอร์ที่เหนือกว่า และการเล่นที่ผิดพลาดน้อยกว่าในเกมรับ
ซึ่งงานยากของ บีจี ในเกมนี้ก็คือ การเอาชนะสถิติเดิมของตัวเอง ที่ไม่เคยบุกมาเอาชนะเจ้าบ้าน เมืองทอง ถึงถิ่นได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยนอกจากทัพ กิเลนผยอง มีอีกสองทีมที่พวกเขาไม่เคยบุกไปตีแตกถึงรังได้เลย คือ พีที ประจวบ และ ขอนแก่น ยูไนเต็ด
เชื่อว่าเกมนี้การตัดสินผู้ชนะว่าจะออกฝั่งไหน? ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคงไม่พ้นฝ่ายไหนจะพลาดน้อยกว่า เพราะมองจากภาพรวมในปัจจุบันแล้ว ต่างฝ่ายต่างยังเล่นได้ห่างไกลกับศักยภาพสูงสุดที่ทีมน่าจะไปถึงได้ แล้วหัวหน้าผู้ฝึกสอน ยังต้องการเวลาในการปรับจูนทีมเพื่อหาความลงตัวต่อไป
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
https://www.siamsport.co.th/football-thailand/thaileague-1/44191/
https://www.transfermarkt.com/scg-muangthong-united/startseite/verein/21283/saison_id/2023