เมื่อ พัค ฮัง-ซอ กลายเป็นแคนดิเดตโค้ชใหม่เกาหลีใต้

วงการฟุตบอลเอเชีย ณ เวลานี้ไม่มีอะไรน่าจับตามองไปกว่าตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติเกาหลีใต้อีกแล้ว หลังมีแนวโน้มว่า เยอร์เก้น คลินส์มันน์ จะไม่ได้ไปต่อ จากการพาทีมจอดป้ายรอบรองชนะเลิศเอเชียนคัพ แถมยังมีปัญหาตามมาอีกสารพัด

วานนี้ (15 กุมภาพันธ์) ฝ่ายเทคนิคของสมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ (KFA) ได้นัดประชุมเพื่อประเมินผลงานของโค้ชชาวเยอรมัน และลงมติควรปลดเขาออกจากตำแหน่ง เพราะนอกจากผลงานในสนามจะน่าผิดหวังแล้ว เขายังขาดความสามารถในการจัดการนักเตะ จนเกิดความขัดแย้งภายในทีมระหว่าง ซน ฮึง-มิน และ อี คัง-อิน

จริงอยู่ว่า คลินส์มันน์ ยังไม่ได้ถูกปลดทันที เพราะการตัดสินใจขั้นสุดท้ายขึ้นอยู่กับประธาน KFA แต่จากสถานการณ์ล่าสุดเขามีโอกาสตกงานสูงมาก เพราะเขาเจอกระแสต่อต้านจากแฟนบอลเกาหลีใต้อีกทางด้วย

นั่นทำให้มีการนำเสนอรายชื่อแคนดิเดตโค้ชคนใหม่ ปรากฏว่า มีชื่อของ พัค ฮัง-ซอ อดีตโค้ชทีมชาติเวียดนามรวมอยู่ด้วย เนื่องจากเขากำลังว่างงานและมีประสบการณ์จากเป็นสตาฟฟ์ทีมชาติเกาหลีใต้ชุดประวัติศาสตร์คว้าอันดับ 4 ฟุตบอลโลก 2002

ฮง จุน-พโย นายกเทศมนตรีเมืองแดกู คือหนึ่งในเสียงสนับสนุน พัค ฮัง-ซอ เพราะมองว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ทีมโสมขาว เช่นเดียวกับ ยุน ซอง-ฮัค อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกาหลี ที่แสดงความเห็นที่น่าสนใจถึงอดีตโค้ชทีมชาติเวียดนาม

ยุน ซอง-ฮัค ได้เขียนบทความเปรียบเทียบ พัค ฮัง-ซอ กับ เยอร์เก้น คลินส์มันน์ โดยตัดเรื่องแท็คติคในสนามออกไป ซึ่งเขามองว่า พัค ฮัง-ซอ มีความสามารถในการบริหารจัดการทีมเหนือกว่า คลินส์มันน์ ที่ให้อิสระกับนักเตะมากเกินไปจนกลายเป็นปัญหาในภายหลัง โดยยกกฎการทานอาหารร่วมกันเป็นตัวอย่าง

"กฎข้อแรกของ พัค ฮัง-ซอ คือนักเตะทุกคนต้องทานอาหารและลุกจากโต๊ะพร้อมกัน โดยไม่มีข้อยกเว้นให้กับใครทั้งนั้น ข้อสองคือนักเตะต้องใส่ยูนิฟอร์มทีมชาติตลอดเวลา ไม่ว่าจะตอนฝึกซ้อม, ทานอาหาร หรือทำอะไรก็ตามแต่ ซึ่งตัวเขาเองก็จะทำแบบนั้นด้วย" ยุน ซอง-ฮัค บรรยายในบทความ

"ข้อสามคือห้ามนักเตะเล่นโทรศัพท์ระหว่างทานอาหาร, เข้าประชุมทีม หรือ ลงฝึกซ้อม นักเตะทุกคนต้องนำโทรศัพท์ไปเก็บในห้องล็อคเกอร์ตั้งแต่เช้าและค่อยมาเอาคืนหลังการฝึกซ้อมเสร็จ"

"ในขณะที่ คลินส์มันน์ ให้อิสระกับนักเตะ จะกินตอนไหนก็ได้ ใครกินเสร็จก่อนก็ลุกออกไปได้ก่อน"

หาก พัค ฮัง-ซอ ได้รับการแต่งตั้งเป็นโค้ชคนใหม่ของเกาหลีใต้จริง ๆ คงเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะเขาจะได้โคจรมาพบกับ ทีมชาติไทย อีกครั้ง หลังทั้งสองทีมมีโปรแกรมดวลกันในฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก ในเดือนมีนาคมนี้

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด