เมื่อ ‘The Athletic’ สื่อฟุตบอลชั้นนำ บุกสัมภาษณ์ศอกฉาวบันลือโลก ‘อิศเรศ น้อยใจบุญ’

ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สุดอื้อฉาวสำหรับวงการฟุตบอลไทย กับกรณีที่ อิศเรศ น้อยใจบุญ ผู้เล่นบางกอกเอฟซี ศอกใส่ใบหน้า ศุภสัณฑ์ เรืองศุภนิมิต คู่แข่งจนต้องเย็บถึง 24 เข็ม และกระดูกใบหน้าร้าว เมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแค่ทำให้ อิศเรศ ถูกยกเลิกสัญญาจาก บางกอก เอฟซี ยกเลิกสัญญาทันที แต่ยังทำให้แบ็คซ้ายวัย 27 ในตอนนั้น ถูกแบนยาวถึง 3 ปี
12 เดือนหลังเหตุการณ์ดังกล่าว The Athletic ได้บุกมายังประเทศไทย เพื่อพูดคุยกับเขา อะไรที่ทำให้สื่อฟุตบอลชั้นนำของโลกสนใจแข้งรายนี้?
ติดตามไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
ศอกบันลือโลก
อิศเรศ น้อยใจบุญ อาจจะไม่ใช่ที่ชื่อแฟนบอลนอกคุ้นหู หรือแม้กระทั่งแฟนบอลไทย เมื่อชีวิตนักเตะอาชีพของเขา วนเวียนอยู่แค่ลีกรอง T2 หรือ T3 กับทีมอย่าง ลูกอีสานการบินไทย เอฟซี, โดม เอฟซี, ยโสธร เอฟซี, เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด, ปลวกแดง ยูไนเต็ด, อุตรดิตถ์ เอฟซี ฯลฯ เท่านั้น
แต่สิ่งที่ทำให้ The Athletic สนใจในเรื่องราวของเขาคงจะหนีไม่พ้นเหตุการณ์เมื่อ 1 ปีก่อน ที่อดีตแข้งบางกอก เอฟซี ศอกใส่ใบหน้า ศุภสัณฑ์ เรืองศุภนิมิต คู่แข่งจนต้องเย็บถึง 24 เข็ม และกระดูกใบหน้าร้าว
คลิปของเขากลายเป็นไวรัลไปทั่วโลก และได้รับการรายงานจากสื่อชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น ตั้งแต่ Daily Mail ไปจนถึง South China Morning Post และทำให้ The Athletic มาสัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ถึงมุมมองของเขาต่อเหตุการณ์นี้
ศอกเดียวจบชีวิตพ่อค้าแข้ง
— รายการคมชัดลึก (@kcltv) March 17, 2022
อิศเรศ น้อยใจบุญ
อดีตนักเตะสโมสร บางกอก เอฟซี
เปิดเบื้องหน้าเบื้องหลังแข้งศอกพิฆาต
ในรายการ #คมชัดลึก เวลา 15:15 น.
ทาง #NationTV ช่อง 22
กับ วราวิทย์ ฉิมมณี#รายการคมชัดลึก #อิศเรศน้อยใจบุญ #ฟุตบอลไทย #บอลไทย #บางกอกเอฟซี #ศอกพิฆาต #อิศเรศฟันศอก #กีฬา pic.twitter.com/Ea1Ip1h71z
อิสเรศยืนยันกับสื่อจากแดนผู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ภาวะปกติ แต่เป็นเพราะเขาถูกยั่วยุจนขาดสติ ทว่าก็ยอมรับผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และผลที่ตามมา
“มันเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ และผมรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติ” อิศเรศ กล่าวกับ The Athletic
“เขาพูดถึงพ่อแม่ผมตลอดทั้งเกม และเขาก็ดูถูกผมมากจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์นั้น ตอนที่เขาเตะผม ตอนนั้นบอลออกไปแล้ว และเขาก็ไม่ได้ขอโทษ”
“ผมเสียใจกับสิ่งที่ผมทำต่อจากนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ผมได้รับประสบการณ์ที่ล้ำค่า ดังนั้นผมจะไม่ทำแบบนี้อีก ผมพยายาทำทุกวันให้ดีที่สุด และใช้ชีวิตอย่างมีสติ”
เขายอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อชีวิตของเขาไม่น้อย ในฐานะคุณพ่อลูก 3 ที่มีครอบครัวต้องดูแล การถูกยกเลิกสัญญา ทำให้รายได้ก้อนหลักหายวับไปกับตา
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับการถูกถามถึงเหตุการณ์นี้ซ้ำๆ รวมไปถึงการถูกก่นด่าทางโซเชียลมีเดีย ที่บางครั้งลามมาถึงครอบครัวของเขา จนทำให้ช่วงหนึ่ง อิศเรศ ต้องปิดบัญชีโซเชียลมีเดียของตัวเองไป
“ผู้คนมักจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่ผมเดินทางไปในที่ต่างๆ มันส่งผลกระทบที่มีต่อครอบครัวของผมอย่างแน่นอน แม้ว่าพวกเขาจะคอยซับพอร์ทและให้กำลังใจผม” อิศเรศอธิบาย
“ผมต้องสูญเสียรายได้ และสภาพจิตใจก็ย่ำแย่”
และมันก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังค้างคาอยู่ในใจ
3 ปี… นานเกินไป
ในระหว่างการสัมภาษณ์กับอิศเรศ เกรก อีแวนส์ นักข่าวของ The Athletic บรรยายว่า น้ำเสียงที่เขาพูดผ่านล่ามฟังดูจริงใจ ที่แสดงให้เห็นว่าเขารู้สึกผิดต่อเหตุการณ์นี้อย่างแท้จริง
เพราะมันทำให้เขาต้องสูญเสียสถานะนักฟุตบอล กีฬาที่เขาหลงใหลมาตั้งแต่เด็ก จากการมี เดวิด เบ็คแฺฮม อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษ เป็นไอดอล รวมถึงบราซิล และท็อตแนมป์ ฮ็อตสเปอร์ ที่เขาตามเชียร์มาตลอด
“สิ่งที่ตามมาไม่เคยดีเลย ดังนั้นผมจึงรู้ว่าผมจะไม่ทำอีกแล้ว แต่ผมก็รู้สึกยอมรับในสิ่งที่ผมทำและผลที่ตามมา” อิศเรศกล่าว
อิศเรศ กล่าวกับ The Athletic ว่าเขารู้ดีว่าเขาไม่ได้เป็นเหยื่อในเหตุการณ์นี้ เพราะมันเกิดจากการกระทำของเขาเอง แต่สิ่งที่เขารู้สึกคับข้องใจคือระยะเวลาของโทษแบน ที่นานจนเกินไป
“ผมยอมรับในสิ่งที่ผมทำ แต่ก็ยังคิดว่าการแบน 3 ปี มันหนักเกินไป หนึ่งปีเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมและมีเวลาพอที่จะกลับมาได้อีกครั้ง และแสดงให้เห็นว่าผมได้เรียนรู้จากความผิดพลาด” อิศเรศ ให้ความเห็น
อิศเรศ น้อยใจบุญ วอน "เสี่ยโบ๊ท" จัดเวทีขึ้นชกมวย หลังถูกลงโทษแบน 3 ปี ห้ามลงแข่งขันทุกรายการของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จากเหตุฟันศอกใส่เพื่อนร่วมอาชีพ
— MGROnlineLive (@MGROnlineLive) March 25, 2022
.https://t.co/KTRI0fYWMh pic.twitter.com/62kmH8TCGl
อันที่จริงลีกระดับ 3 ที่ อิศเรศ เคยค้าแข้งอยู่อาจจะไม่ได้มีรายได้ที่ดีนัก ด้วยค่าเหนื่อยราว 16,000 บาทต่อเดือน แต่มันก็ทำให้เขาได้ทำในสิ่งที่รัก แถมยังได้เงินมาดูแลครอบครัว
“หลังสัญญาผมถูกยกเลิก ผมก็ต้องหางานประจำทำให้ได้โดยเร็ว แต่หลังจากนั้นผมก็พยายามหารายได้เสริมในวันเสาร์- อาทิตย์” อิศเรศ ย้อนความหลัง
ตอนนี้เขามีงานประจำเป็นเจ้าหน้าที่ของเทศบาลในท้องถิ่น ทำงานตั้งแต่จันทร์-ศุกร์ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งฟุตบอลไปเสียทีเดียว เมื่อใช้เวลาในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ไปกับการเล่นฟุตบอลเดินสาย
กว่าที่โทษแบนของ อิศเรศ จะหมดลง เขาก็น่าจะอยู่ในวัย 30 แล้ว แต่ถึงอย่างนั้น อิศเรศ ก็ยืนยันว่ายังคงมุ่งมั่นที่จะกลับมาลงสนาม ที่ไม่ใช่แค่หาเลี้ยงชีพ แต่เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว
“ผมเสียใจในสิ่งที่ผมทำ ถ้ามีโอกาสได้กลับไปเล่นอีกครั้ง ผมจะทำให้ทุกคนเห็นว่า ผมไม่ใช่ผู้เล่นที่ก้าวร้าวเหมือนในคลิป” อิศเรศ กล่าวกับ The Athletic
และนี่คือเรื่องราวของแข้งชาวไทย ที่ได้สัมภาษณ์กับสื่อดังระดับโลก และแม้จุดเริ่มต้นอาจจะมาจากเรื่องอื้อฉาว แต่ท้ายที่สุดก็แสดงให้เห็นถึงความจริงใจ และการสำนึกผิดจากอดีตแข้งเลือดร้อนรายนี้
แต่ที่สำคัญ มันสะท้อนให้เห็นว่าอารมณ์ชั่ววูบเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนได้มากขนาดไหน
แหล่งอ้างอิง :
https://theathletic.com/4307195/2023/03/16/thai-footballer-attack-opponent-ban-bangkok/
ข่าวและบทความล่าสุด
MOST POPULAR

ไฮไลต์ ไทย U23 ซาอุดิอาระเบีย 2-2 ศึก โดฮา คัพ 2023

สู้ด้วยความขยัน : 5 อันดับแข้งไทย U-23 วิ่งเยอะสุดในเกมเสมอซาอุฯ 2-2

ผู้ตัดสินลีกอียิปต์ ใช้มือถือแฟนบอลเป็น VAR โดนแบนไร้กำหนด

ใจได้ สู้สนุก : 5 แข้งไทยยู 23 ฟอร์มเยี่ยมเกมดวล ซาอุดิอาระเบีย

วิเคราะห์บอลทีมชาติ เดนมาร์ก vs ฟินแลนด์
