เงินเดือนหมื่น ป่วยไร้สาเหตุ กลัวพี่อุ้ม : กว่า ชานุกูล ก๋ารินทร์ จะติดทีมชาติไทย
การประกาศรายชื่อ 25 คนสุดท้ายของ ทีมชาติไทยชุดใหญ่ ซึ่งจะมีโปรแกรมไปแข่งขันเกมอุ่นเครื่องช่วง ฟีฟ่า เดย์ ระหว่างวันที่ 25-28 มีนาคมที่จะถึงนี้ ที่จะพบกับ ทีมชาติซีเรีย และ ทีมชาติยูเออี ณ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) กุนซืออย่าง มาโน่ โพลกิ้ง ยังคงสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนบอลได้เสมอ
ไม่ว่าจะเป็นรายชื่อที่ขาดหายไปของตัวหลักอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา และ สารัช อยู่เย็น จากสโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ขาประจำในทีมชาติที่ไม่มีชื่อ ด้วยสาเหตุบางอย่างที่ไม่มีการเปิดเผยออกมาชัดเจน แล้วเลือกตัวแทนที่ดูไม่ค่อยถูกใจแฟนบอลเท่าไหร่นัก
แต่อย่างน้อยสิ่งที่พอจะทำให้แฟนบอลทัพช้างศึก พอจะรู้สึกตื่นเต้นกันได้อยู่บ้าง จากการที่ มาโน่ กล้าที่จะเรียกตัวใหม่ๆ ที่พลิกโผเข้ามาลองใช้งานอย่าง “ไนซ์” ชานุกูล ก๋ารินทร์ กองกลางสาระพัดประโยชน์จากสโมสร โปลิศ เทโร วัย 26 ปี ซึ่งไม่เคยมีชื่อติดทีมชาติมาก่อนเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะชุดไหนก็ตาม
ด้วยฟอร์มการเล่นของเขากับต้นสังกัด ที่ฤดูกาลนี้ทำไปแล้ว 4 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์ จากการลงเล่นทุกถ้วยรวม 25 นัด รวมไปถึงสไตล์การเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจ ทำให้ มาโน่ ยอมลงทุนไปดูผลงานของ ไนซ์ ด้วยตัวเองที่สนาม แล้วผลลัพธ์ที่ออกมา คือ การติดทีมชาติชุดนี้อย่างที่เห็น
แทบไม่มีใครรู้มาก่อนเลยว่า ชานุกูล ป่วยจนเข้าโรงพยาบาลนานกว่า 20 วัน จากอาการปวดตัว โดยที่แพทย์ก็ไม่สามารถวินิจฉัยสาเหตุได้ว่า ป่วยเป็นโรคใดกันแน่? ซึ่งหากมองในเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล อาจเกี่ยวกับอาถรรพ์เบญจเพส แบบที่คนไทยหลายคนเชื่อกันก็เป็นได้
ความพยายามของเขาที่สร้างกล้ามเนื้อ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกาย หายไปในชั่วพริบตาเดียว จนต้องมานับหนึ่งกันใหม่ แต่ด้วยความเป็นคนที่มุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ เลยกลับมาโชว์ฟอร์มต่อยอดผลงานได้ดีอีกครั้ง
การบนบานศาลกล่าว ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สนามเหย้าของ เทโร อาจเป็นการช่วยให้ ชานุกูล สบายใจขึ้นเปราะหนึ่ง เป็นที่พึ่งทางใจได้ไม่มากก็น้อย แต่สาเหตุใดกันแน่ที่ทำให้เขาก้าวมาถึงจุดที่เกินฝันแบบพิสูจน์กันได้ ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
การตัดสินใจครั้งสำคัญ
ชานุกูล เกิดและเติบโตที่เชียงราย แน่นอนว่าการเลือกเส้นทางเป็นนักฟุตบอลของเขา ต้องมุ่งเป้าไปที่สโมสรใหญ่ที่สุดในจังหวัดอย่าง เชียงราย ยูไนเต็ด ที่เป็นทีมรักในวัยเด็ก ซึ่งเขาก็ทำตามฝันได้สำเร็จ ตามที่บอกเอาไว้ว่า
“ผมเป็นเด็กฝึกของสโมสร เชียงราย แล้วก็ได้ขึ้นชุดใหญ่ด้วย เป็นรุ่นพี่ของ บุ๊ค-เอกนิษฐ์ ปัญญา แต่ถ้านับรุ่นแล้วผมขึ้นมาพร้อมๆ กับ พี่สอง-อภิรักษ์ วรวงษ์”
“ตอนนั้นเป็นยุคของ โค้ชโจ (ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น) เป็นคนทำทีมอยู่ การติดทีมชาติครั้งนี้ก็อยากเล่นร่วมกับ บุ๊คอีกครั้ง เพราะเคยเล่นด้วยกันมาก่อนที่จะแยกย้ายกันไป ซึ่งมันก็ผ่านมานานแล้ว”
อย่างไรก็ตามเมื่อโอกาสภายในทีม กว่างโซ้ง ไม่เป็นใจอย่างที่เขาฝันไว้ การตัดสินใจตอบรับการย้ายทีม ลดระดับการเล่นมาอยู่แค่ลีก T3 กับสโมสรมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ
การได้ทำงานร่วมกับ โค้ชแบงค์-ดำรงศักดิ์ บุญม่วง ก็เป็นสิ่งที่สร้างทัศนคติและให้อะไรหลายๆ อย่างกับตัวของ ไนซ์ ไม่ได้เป็นการก้าวถอยหลังแบบที่ใครหลายคนคิด
“ตอนไปอยู่ T3 เอาจริงๆ มันก็ลำบาก แต่ผมว่าเรื่องเรียนมันก็ไปได้กับฟุตบอล ถ้าเราแบ่งเวลาให้ถูก สองอย่างนี้มันก็ไปด้วยกันได้”
“ผมเรียนฟรีแล้วก็ได้รับเงินเดือนเพิ่มเติมอีกประมาณหมื่นกว่าบาท แถมยังมีโค้ชแบงค์คอยสอนหลายอย่างในการใช้ชีวิตทั้งในและนอกสนาม ซึ่งพอผมมีชื่อติดทีมชาติก็ได้มีการโทรไปพูดคุยขอบคุณพี่เขาแล้ว”
“ข้อคิดที่ผมได้รับมาจากพี่เขา คือ ทุกการตัดสินใจ การเปลี่ยนแปลง ทุกที่ทุกอย่างมันมีความกลัวอยู่แล้ว แต่ผมคิดว่าความกลัว อาจจะสร้างให้ผมดีขึ้นก็ได้”
“ดังนั้นการได้รับโอกาสให้ติดทีมชาติในครั้งนี้ ถ้าผมกลัวมันก็อาจจะเป็นแค่ครั้งเดียว แต่ถ้าผมผ่านมันไปได้ มันก็จะมีครั้งที่สองที่สามตามมาเอง”
จากทัศนคติดังกล่าวส่งผลให้ ชานุกูล ยังคงเป็นนักเตะสู้ชีวิต มุ่งมั่นแบบเกินร้อยทุกครั้งที่ได้ลงสนาม ซึ่งมันก็กลายเป็นบันไดให้เขามีโอกาส ได้ย้ายมาอยู่กับ โปลิศ เทโร สโมสรในระดับ ไทย ลีก ลีกสูงสุดของประเทศอีกครั้ง
การปรับตำแหน่งใหม่
กว่าที่ ชานุกูล จะได้มาอยู่กับ โปลิศ เทโร อายุก็เข้าช่วง 24 ปี นับว่าก้าวผ่านช่วงอายุนักเตะดาวรุ่งไปเรียบร้อยแล้ว แปลว่าโควต้าในการเบียดแย่งลงสนามในทีม ต้องไปวัดกับผู้เล่นระดับซีเนียร์ ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนักเตะที่ก้าวจาก T3 มาอย่าง ชานุกูล แต่ก็อยู่กับทีมมาได้จะขึ้นปีที่สามแล้ว ซึ่งเขากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า
“ตอนแรกที่ผมย้ายมา เทโร ผมไม่ได้คาดหวังเอาไว้เลยว่า จะได้ลง จะได้เล่น ผมแค่พยายามทำงานหนักในทุกๆ วัน”
“ผมเสริมในสิ่งที่ตัวเองขาด พยายามดูจากการเล่นของรุ่นพี่ แล้วนำมาเติมข้อดีให้เราเล่นได้ดีขึ้นกว่าเดิม”
ตำแหน่งที่ ชานุกูล เริ่มต้นเล่นมาตั้งแต่แรก คือ กองกลางตัวรุกแบบเดี่ยวๆ คอยบัญชาเกมบุก มีอาวุธเด็ดเป็นการจ่าย คิลเลอร์ พาส มีไอดอลในการเล่นเป็น เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์
แต่พอได้ย้ายมาทำงานร่วมกับ โค้ชอ้น-รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ตำแหน่งและสไตล์การเล่นของเขาก็เปลี่ยนไป รวมไปถึงนักเตะต้นแบบที่ต้องศึกษาการเล่นของ สารัช อยู่เย็น จากสโมสร บีจี ปทุม เป็นตัวอย่าง ตามที่ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า
“ปกติผมจะยืนเป็นกลางตัวรุกตัวเดียวมากกว่าที่เคยเล่นมา แต่ทีนี้ พี่อ้น เขาใช้ระบบการเล่นที่จะมี กองกลางที่เป็นฐานหนึ่งตัว แล้วมีกองกลางด้านบนอีกสองตัว ผมก็ต้องเปลี่ยนแนวทางการเล่น”
“การยืนเป็นกลางรุกตัวเดียว มันไม่ต้องใช้พละกำลังมาก ไม่ต้องลงมาเล่นเกมรับเยอะ แต่พอมาเป็นกลางคู่ มันต้องใช้แรงขึ้น-ลง ทั้งเกมรับและเกมรุก เหมือนกับเป็นบทบาทมิดฟิลด์แบบ บ็อก ทู บ็อกซ์ บางครั้งก็ถูกลองจับไปเล่นปีกตัวริมเส้นด้วย แต่มันไม่เวิร์คเลยมาลงตัวในตำแหน่งนี้ ที่คล้ายกับบทบาทของพี่ตังค์”
การปรับตำแหน่งการเล่น เปลี่ยนรูปแบบต่างๆ ในการทำหน้าที่ในสนาม ทำให้ ชานุกูล ต้องเสริมอาวุธตัวเองให้มีทีเด็ดมากกว่าเดิม ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ การยิงไกลที่แม่นยำ แบบที่เขาแสดงให้เห็นมาแล้วในเกมที่ยิงใส่ การท่าเรือ อย่างสุดสวย ซึ่งตัวของ ไนซ์ ได้บอกถึงเคล็ดลับเอาไว้ว่า
“พี่อ้น ก็บอกให้ผมไปซ้อม ไปฝึกยิงไกลบ้าง เผื่อจะได้ดัง”
“พอหลังซ้อมเสร็จก็จะให้สตาฟฟ์โค้ชในทีมมาช่วยติว วันนึงต้องลองยิงประมาณ 10-15 ลูกต้องพอ มากกว่านั้นไม่ได้ เพราะจะสร้างภาระให้กับร่างกายหนักไป เนื่องจากยังเป็นช่วงแข่งอยู่ซ้อมหนักกว่านั้นไม่ได้ แค่จับจุดให้ได้ก็พอแล้ว”
“ส่วนเทคนิคที่พวกพี่สตาฟฟ์เขาบอกมาก็คือ การให้ยิงให้จุดกระทบลูกบอลอยู่ตรงหัวแม่โป้งเท้า เพราะว่าถึงเราจะไม่ได้ส่งแรงไปมาก แต่บอลมันจะพุ่งแรงไปเอง หากมันโดนตรงจุดที่ใช่แบบพอดิบพอดี”
“ลูกที่ยิง การท่าเรือ ได้ที่ แพท สเตเดี้ยม มันก็เป็นระยะซ้อมของผมพอดี แล้วทางโค้ชก็กำชับผมเอาไว้ก่อนเกมว่า ถ้ามีโอกาสก็ต้องยิงไว้ก่อน”
หลายสโมสรในประเทศไทยนั้นมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องทางการเงิน เพราะการทำทีมฟุตบอลต้องใช้งบประมาณสูงมากในแต่ละปี โปลิศ เทโร ก็ไม่พ้นสภาวะอันยากลำบากนั้นเช่นกัน แต่สาเหตุที่ทีมยังฟอร์มดี ต่างกับทีมอื่นๆ ที่ฟอร์มแกว่ง ชานุกูล เปิดเผยเอาไว้ว่าเป็นเพราะปัจจัยสำคัญอย่าง โค้ชอ้น
“พี่อ้น คอยประคับประคองนักเตะ มีช่วยเหลือกันบ้าง ใครเดือดร้อนก็มาปรึกษาพี่อ้นได้”
“นักเตะในทีมเทโรทุกคน อยากสร้างผลงานให้กับทีมให้กับตัวเองดีๆ จะไ้ปอยู่กับสโมสรที่ดีขึ้นกว่าเดิม”
“มีการคุยกันตรงๆ อยู่ก่อนหน้านี้แล้วว่า ถ้าฟอร์มดี สโมสรขายออกไปแล้วได้ค่าตัวเหมาะสม ก็พร้อมที่จะปล่อยนักเตะออกไปให้มีอนาคตที่ดีขึ้น”
แม้ว่าเขาจะย้อมผมให้เป็นสีทองตามรุ่นพี่ในทีมอย่าง เจนภพ โพธิ์ขี ซึ่งเคยทำแล้วฟอร์มดี จนได้เปิดทางไปอยู่กับทีมใหญ่อย่าง การท่าเรือ เอฟซี ก่อนจะกลับมาอยู่กับ เทโร แบบชั่วคราวด้วยสัญญายืมตัว แต่ตัวของ ชานุกูล ยังไม่มองถึงเรื่องของการย้ายสโมสรในตอนนี้ อยากอยู่ช่วยต้นสังกัดไปก่อน
อย่างไรก็ตามหากมีข้อเสนอจากต่างประเทศอย่างทีมในศึก เจ ลีก ประเทศญี่ปุ่นเข้ามาในอนาคต ตัวของเขาก็พร้อมจะตอบรับแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีเอเย่นต์รายไหนติดต่อเข้ามาเลย
การตั้งเป้าหมายกับทีมชาติไทย
ไนซ์ รู้ตัวว่ามีชื่อ ติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ที่เป็นการส่งหนังสือขอตัวจากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ไปยังต้นสังกัด โปลิศ เทโร ก่อนเกมที่จะลงสนามพบกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในศึก ช้าง เอฟเอ คัพ ในช่วงต้นเดือนมีนาคม แต่นั่นเป็นเพียงแค่บอกว่าเข้าข่าย 50 คนเท่านั้น
กว่าที่เจ้าตัวจะรู้ว่ามีชื่อเป็นขุนพลช้างศึก 25 คนสุดท้าย ก็เป็นช่วงประมาณวันที่ 11-12 มีนาคม เพราะมีทีมงานจากสมาคมฯ บอกมา ซึ่งเจ้าตัวนั้นก็ยังไม่กล้าพูดออกไป เนื่องจากอยากรอให้ทุกอย่างมีการยืนยันอย่างเป็นทางการเสียก่อน แล้วพอรายชื่อออก ไนซ์ ก็พูดถึงสิ่งที่ทำเป็นอย่างแรกๆ ว่า
“ผมก็บอกพ่อบอกแม่ บอกพวกอาจารย์ที่รู้จัก ที่เคยสอนผม เคยร่วมงานกันมา ซึ่งทุกคนก็ดีใจเพราะไม่เคยมีชื่อติดทีมชาติชุดไหนมาก่อน มันเป็นครั้งแรกจริงๆ ผมเองก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน”
การมีชื่อแบบเซอร์ไพรส์เบียดคู่แข่งหลายคนเข้ามาได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับ ชานุกูล เนื่องจากตัวเขาไม่ได้อยู่กับสโมสรระดับหัวแถวของลีก โอกาสตกสำรวจก็เป็นไปได้สูง แล้วเจ้าตัวก็ยอมรับว่าไม่เคยคิดถึงจุดนี้มาก่อนเช่นกัน แต่เมื่อสิทธิ์นั้นตกมาถึงมือแล้วก็หวังจะทำให้ดีที่สุด ด้วยการยืนยันไว้ว่า
“ตอนปีที่แล้วผมไม่เคยคิดว่าจะมาถึงจุดนี้เลย การยิงประตูก็ยังไม่ได้ยิงเยอะ ถ้าจะมองเรื่องการลงสนามก็ได้ลงบ้าง ก็แค่ได้ลงไปเกมต่อเกม แต่ก็ยังสร้างความแตกต่างให้กับต้นสังกัดไม่ได้ ไม่มีจุดเด่นตรงไหนให้คนที่เข้ามาดูฟอร์มในสนามสนใจ ไม่ได้คิดเหมือนกันว่าจะมาถึงวันนี้”
“ผมเพิ่งมาครั้งแรกก็อยากเก็บประสบการณ์ในแคมป์ทีมชาติให้เยอะที่สุด เพราะว่ามันอาจจะเป็นครั้งแรกก็จริง แต่ผมไม่อยากให้มันเป็นครั้งสุดท้าย”
อย่างไรก็ตาม ชานุกูล ก็ยังมีอาการแอบเกร็งในการร่วมงานกับ โก๋อุ้ม-ธีราทร บุญมาทัน อยู่เหมือนด้วยการยอมรับตามตรงว่า
“ผมดูพี่อุ้มเล่นในทีมชาติแล้วเขามีความจริงจัง เหมือนบรรยากาศมันต่างกับตอนที่ผมลงเผชิญหน้าพี่เขาในระดับสโมสรที่ก็รู้สึกปกติทั่วไป”
สุดท้ายแล้ว ชานุกูล ทิ้งท้ายด้วยการขอบคุณทั้งแฟนบอลและบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นภาษาถิ่นทางภาคเหนือ ซึ่งถอดความออกมาได้ดังนี้
“ผมขอขอบคุณแฟนบอลที่ติดตามผลงานของผม เทโร และทีมชาติไทย ขอบคุณพี่อ้น ขอบคุณสตาฟฟ์เทโรทุกคน ขอบคุณโค้ชแบงค์ ขอบคุณคุณครูอาจาร์ย์ทุกคน”
“ขอบคุณทุกคนมากจริงๆ ครับ ผมสัญญาว่าจะทำผลงานให้ดีที่สุด ไม่ให้ทุกคนผิดหวัง”
ตลอดการพูดคุยและสัมภาษณ์ของ คุณเจ วรปัฐ อรุณภักดี กับ ชานุกูล ผ่านทางการไลฟ์สดทางเพจและแชนแนลยูทูป คิดไซด์โค้ง หลายคนที่ได้ติดตามชมกันสดๆ คงได้เห็นถึงความน่ารัก ถ่อมตัว และเป็นกันเองของดาวเตะรายนี้แบบเต็มอิ่ม
เพราะแม้ว่าจะมีปัญหาติดขัดเรื่องสัญญาณระหว่างการไลฟ์สด ขอความรบกวนให้รอ ให้ลองใช้หูฟังในการพูดคุย หรือ ลองพูดให้เสียงดังขึ้น จนกว่าทุกอย่างจะราบรื่นผ่านไปด้วยดี ซึ่งกินเวลานานหลายสิบนาที
แต่ตัวของ ไนซ์ กลับไม่มีการแสดงออกถึงความหงุดหงิดอารมณ์เสียเลยแม้แต่น้อย ยังคงให้สมภาษณ์ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มตลอด ทำเอาผู้ที่ติดตามอยู่หลงสเน่ห์กันไปตามๆ กัน
โดยทางทีมงาน คิดไซด์โค้ง หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ชานุกูล จะประสบความสำเร็จทั้งในทีมชาติและสโมสร จนก้าวผ่านความลำบากในการสู้ชีวิตได้เสียที แล้วขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่จะสนับสนุนเขาต่อไป
ซึ่งถ้าแฟนบอลคนไหนติดใจทัศนคติของ ไนซ์ สามารถไปติดตามช่องทางโซเชี่ยลมีเดียกันได้ที่แอปพลิเคชั่น Instagram : nice.chanukun
เรื่องที่เกี่ยวข้อง :
ย้อนหาคำตอบปรัชญาฟุตบอลของ ฟรอนตาเล่ จริง ๆ สไตล์ไหนทำไมขัดชนาธิป ?
เคียวโกะ ฟูรุฮาชิ : กองหน้าตัวเป้าที่สูงแค่ 170 ซม. กับวิธีการเล่นที่แข้งไทยควรศึกษา
คอมเม้นต์แฟนญี่ปุ่นถึง ‘สุภโชค’ ดีไม่ดี ? หลังประเดิมตัวจริงคอนซาโดเลนัดแรก
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
https://www.youtube.com/watch?v=4V6UqU74J48
https://www.transfermarkt.com/police-tero-fc/startseite/verein/6726