เปิดเบื้องหลังดีลฟ้าผ่า อัสนาวี และ ซูลาก้า ที่แท้จริงแล้วท่าเรือไม่ได้ปั่น

การปิดดีล อัสนาวี มังกูวาลัม ของการท่าเรือ ทำเอาหลายคนเซอร์ไพรส์ เพราะก่อนหน้านี้ใครก็เก็งว่าหวยจะไปออกที่ เรบิน ซูลาก้า กองหลังทีมชาติอิรักจากการบอกใบ้ของแอดมินเพจการท่าเรือ

หลายคนบอกว่านี่คือการปั่นกันเล่น ๆ หรือเปล่า ? ... แต่ความจริงมันเป็นยังไง อัสนาวี มาได้ไง ? ซูลาก้า ล่ะ หลอกกันเล่นหรือเปล่า ? และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น

เริ่มจาก อัสนาวี

ในดีลของ อัสนาวี ตัวของนักเตะนั้นกำลจะหมดสัญญากับ ชุนนัม ดราก้อนส์ ทีม เคลีก 2 เกาหลีใต้ ดังนั้นนักเตะอยู่ในกฎบอสแมน สามารถย้ายทีมได้ทันที ทำให้มีการยื่นโปรไฟล์ของกัปตันทีมชาติ อินโดนีเซีย มายังหลายสโมสรในไทย รวมถึงการท่าเรือด้วย

แน่นอนว่าท่าเรือไม่ใช่ทีมเดียว เพราะในตำแหน่งแบ็คขวาแบบนี้ อัสนาวี ก็ได้รับความสนใจจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เช่นกัน ส่วน บุรีรัมย์ จะยื่นข้อเสนอให้นักเตะพิจารณาหรือไม่ ? คำตอบก็อาจจะเป็นทั้ง ยื่น หรือ ไม่ยื่น ... แต่ที่แน่ ๆ การท่าเรือ ยื่น!

การเจรจาและตกลงสัญญาของ อัสนาวี เกิดขึน้ในวันที่ 24 มกราคม หรือก่อนตลาดซื้อขาดปิด 2 วัน (ตลาดปิดวันที่ 26 มกราคม) โดยตัวของนักเตะใช้การเซ็นสัญญาออนไลน์จากแคมป์ทีมชาติ อินโดนีเซีย ที่ประเทศกาตาร์ โดยมีการยืนยันว่านักเตะเซ็นกับท่าเรือตั้งแต่ก่อนเกมสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่มที่ อินโดนีเซีย จะลงสนามกับทีมชาติ ญี่ปุ่นแล้ว

แม้ดีลนี้จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่ ท่าเรือ จะได้ตัว อัสนาวี มา เนื่องจากนักเตะก็สองจิตสองใจในตอนคุยกันครั้งแรก ทว่าเมื่อ นวลพรรณ ล่ำซำ เอาตัวเองเข้ามาเจรจากับนักเตะโดยตรง การตัดสินใจก็ง่ายขึ้น โดยสาเหตุที่ตัวนักเตะเลือกการท่าเรือนั้น ก็เพราะว่ารู้จักกับมาดามแป้งมาก่อน และตัวนักเตะชอบในโปรเจ็คต์ของสโมสรที่ตั้งใจจะสู้เพื่อแชมป์ไทยลีกในเลกที่ 2

ตอนนี้การเจรจาเสร็จสมบูรณ์แล้ว คาดว่า อัสนาวี จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการทันที โดยหลังจากที่ เอเชี่ยน คัพ จบลง อัสนาวี จะเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อจัดการเรื่องการเปิดตัวทันที

แล้ว ซูลาก้า ล่ะ ?

ส่วนเรื่องที่เพจการท่าเรือได้แย้ม ๆ ว่าจะมีนักเตะใหม่และแนบรูปนักเตะอย่าง เรบิน ซูลาก้า นั้นเรื่องนีก็ไม่ใช่การปั่นกันเล่น ๆ จริง ๆ แล้วการท่าเรือสนใจตัว ซูลาก้า จริง ๆ มีการติดต่อกันจริง ๆ แต่ติดปัญหาในการปิดดีลอยู่สองเรื่อง

เรื่องแรกคือโควต้านักเตะต่างชาติของการท่าเรือนั้นถูกวางไว้หมดเเล้ว หรือว่าง่าย ๆ คือโควต้าเต็ม และยิ่งประกอบกับเหตุผลข้อที่ 2 คือ ตัวนักเตะเรียกค่าเหนื่อยมา 1.5 ล้านบาท ต่อเดือน ดังนั้นด้วยความไม่พร้อมและช่วงเวลาที่ไม่ลงตัวมากนัก จึงทำให้การปิดดีลไม่จบในตลาดครั้งนี้

แต่แน่นอนว่าไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะจบลงในตลาดครั้งนี้ ... เมื่อฤดูกาลจบลงและตลาดซื้อขายซีซั่น 2024-25 เริ่มขึ้น การท่าเรือ กับ ซูลาก้า จะกลับมาเป็นข่าวให้เราพูดถึงกันอีกแน่นอน

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด