เปิดหัวหรู : ช้างศึก อัด สิงคโปร์ 3-1 จุดไหนดี-จุดไหนควรปรับอีก ?
ทีมชาติไทย ชุดอายุต่ำกว่า 23 ปี ของ “โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร ลงประเดิมสนามเกมแรกในศึก ซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ประเทศกัมพูชาไปเรียบร้อยแล้ว จากการที่เอาชนะทีมชาติสิงคโปร์ ในช่วงชุดอายุเท่าๆ กันไปได้แบบนิ่มๆ 3-1
ความแตกต่างและการเปลี่ยนแปลง ในการวางแผนลุยทัวร์นาเมนต์นี้ แตกต่างจากการเดินทางไปเตะทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่องในศึก โดฮา คัพ ที่ประเทศกาตาร์ เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอย่างไรบ้าง?
แนวทางในการเจอกับทีมระดับอาเซียนและเอเชีย ต้องมีการปรับเปลี่ยนตรงจุดไหน? ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจหรือไม่?
ติดตามทุกรายละเอียดแบบเจาะประเด็นไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
แผนการเล่นและ 11 ผู้เล่นตัวจริง
ระบบการเล่นที่โค้ชหระ วางให้กับทีมชุดนี้จะเป็นแผน 4-2-3-1 มีทาง โสภณวิชญ์ รักญาติ ลงเฝ้าเสาต่อเนื่องจากรายการ โดฮา คัพ ซึ่งนายทวารรายนี้มีจุดเด่นอยู่ที่การเล่นบอลด้วยเท้าได้ดี ออกมารับบทบาท สวีปเปอร์ คีปเปอร์ ได้อีกด้วย
แผงหลัง 4 คน ใช้ทาง ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ ลงประจำการเป็นแบ็คซ้าย คู่เซนเตอร์เป็นทาง จักรพงษ์ แสนมะฮุง กับ ทรงชัย ทองฉ่ำ จับคู่กัน ส่วนแบ็คขวาเป็นหน้าที่ของ พงษกร ตรีศาตร์
กองกลางสองคนรับบทบาทมิดฟิลด์แบบ บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ เป็นการจับคู่กันของ อิรฟาน ดอเลาะ และ ลีออน พิชญ เจมส์ หากมีใครคนหนึ่งขึ้นไปเติมเกมบุก อีกคนจะมีหน้าที่คอยปักหลักด้านหลัง เพื่อคอยเล่นเกมรับแทน เผื่อจังหวะเสียบอลระหว่างทางในการทำเกมรุก
มิดฟิลด์ตัวรุกสามคนจะมีทาง อชิตพล คีรีรมย์ ถอยลงมายืนต่ำทางริมเส้นดด้านซ้าย ตรงกลางเป็นหน้าที่ของ ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท และริมเส้นด้านขวาเป็นหน้าที่ของ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ซึ่งเอาจริงๆ แล้ว ไม่ได้ยึดตำแหน่งกันตายตัวขนาดนั้น มีวิ่งสลับเปลี่ยนตำแหน่งการไปมาตามจังหวะของการขึ้นเกม
กองหน้าตัวเป้าเป็นหน้าที่ของ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ตัวหลักจากรายการ โดฮา คัพ ที่กำลังเล่นได้อย่างมั่นใจสุดๆ ทั้งในนามสโมสรและทีมชาติ มีจุดเด่นทั้งในเรื่องของความแข็งแกร่ง ความเร็ว และ การหาตำแหน่งในการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยม
รูปแบบการเล่นของทีม
อย่างที่ทราบกันดีว่าสนาม ปรินซ์ สเตเดี้ยม นั้นมีพื้นสนามที่ใช้หญ้าใบใหญ่ ซึ่งเป็นสภาพสนามที่ทาง ทีมชาติไทย แพ้ทางกันแทบทุกชุด เนื่องจากสไตล์การเล่นของ ช้างศึก จะเน้นการต่อบอลสั้น เคาะเพื่อถ่างโซนรับของคู่แข่ง เพื่อหาจังหวะเข้าทำแบบเน้นๆ
แน่นอนว่าทีมงานและสตาฟฟ์โค้ชของ ช้างศึกจูเนียร์ รู้ดีถึงข้อจำกัดในส่วนนี้ แล้วต้องทำการบ้านมาอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ทาง หวังไม่ให้เจอประสบการณ์ที่เลวร้าย ซ้ำรอยเหมือนในอดีต
การขึ้นเกมรุกของ ไทย ยังคงพยายามหาทางต่อบอลสั้นจากแดนหลัง เพื่อสร้างจังหวะ ล่อให้คู่แข่งพยายามวิ่งขึ้นมากดดันจนหลุดตำแหน่งจากการตั้งโซนป้องกัน แต่ก็มีอาวุธใหม่ที่เพิ่มขึ้นมา คือ การเล่นบอลยาวแบบฉวยโอกาสจากแดนหลังและแดนกลาง โดยมีเป้าหลักๆ เป็น อชิตพล และ ธีรศักดิ์ ที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดี คอยเก็บบอลเล่นแดนหน้า หรือโหม่งชงต่อให้เพื่อน
ส่วนรูปแบบการเข้าทำเดิมๆ อย่างการขึ้นเกมจากริมเส้นด้านข้าง ยังคงมีให้เห็นอยู่เช่นเดิม ฝั่งซ้ายจะมีทาง ฉัตรมงคล ที่รับหน้าที่ฟูลแบ็คเติมขึ้นมาเล่นเกมรุกบ่อย ส่วนทางฝั่งขวาอย่าง พงษกร จะไม่ค่อยเติมขึ้นมาสูงมากนักในช่วงครึ่งแรก ส่วนครึ่งหลังกลับสลับกันใช้เกมรุกด้านขวามากกว่า หากเป็นการสอดขึ้นมาเติมของฟูลแบ็ค
ภาพรวมในการเล่นเกมนี้
ว่ากันถึงในจุดดีที่ต้องชมกันก่อน คือ เรื่องของเกมบุก ที่แนวรุกทุกคนต่างเล่นกันได้แบบเข้าขารู้ใจ ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะกองกลางตัวรุกทั้งสามคนในครึ่งแรกอย่าง ชาญณรงค์ - ปรุเชษฐ์ และ อชิตพล
ทั้งสามคนมีทั้งจังหวะการครองบอล การออกบอล และ การสอดเข้าพื้นที่อันตรายได้ยอดเยี่ยม คอยสอดขึ้นไปหาจังหวะจบสกอร์เอง เพิ่มทางเลือกการเล่นเกมบุก จนแนวรับของทาง สิงคโปร์ จับทางได้ยาก แค่ระวังทาง ธีรศักดิ์ ที่คอยจ้องจะโฉบเข้าทำประตูอยู่ตลอดก็เหนื่อยหนักแล้ว เพราะจังหวะปะทะเพื่อครองบอล สู้ความแข็งแกร่งของหน้าเป้าทีมชาติไทยไม่ไหว
ประตูแรกของเราได้มาจากจังหวะที่ ชาญณรงค์ โยนลึกไปเสาสองให้ อชิตพล โขกชงมาให้ ธีรศักดิ์ โฉบเข้ามาโขกเข้าไปง่ายๆ ส่วนลูกที่สองมาจากการเล่นชิ่งกันของ ชาญณรงค์ และ ปุรเชษฐ์ สร้างจังหวะแรกเริ่ม ก่อนที่ อชิตพล จะสอดขึ้นมายิงเป็นตัวจบ แล้วปิดท้ายลูกที่สามเป็นจังหวะการเติมเกมริมเส้นของ พงษกร แบ็คขวาที่เปิดบอลเข้ามาให้ ปุรเชษฐ์ ชาร์จเข้าไปง่ายๆ
อย่างไรก็ตามใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียเกิดขึ้นในเกมนี้ ที่ทาง โค้ชหระ ต้องนำไปปรับแก้กันต่อไปเกมถัดๆ ไป ประกอบไปด้วยเรื่องของการเล่นเกมรับ ยังมีจังหวะเสียสมาธิกันอยู่บ้าง สังเกตุได้จากพอเสียลูกตีไข่แตกให้ สิงคโปร์ 1-2 ทีมชาติไทย เกือบโดนยิงไกลตีเสมอในจังหวะต่อเนื่อง โชคดีที่ผู้รักษาประตูป้องกันเอาไว้ได้
การพยายามออกบอลสั้น ต่อเกมจากแดนหลัง เป็นแนวทางการเล่นที่ถนัดของเราก็จริง แต่ด้วยสภาพสนามที่มีพื้นผิวแตกต่างไม่คุ้นเคย พื้นที่สัมผัสกับลูกบอลมากกว่า สปีดการเดินทางของลูกบอล ย่อมช้าลงจนผู้เล่นกะน้ำหนักกันผิดพลาดหลายครั้ง
เซนเตอร์แบ็คของเรามีรูปร่างสูงใหญ่ มีความแข็งแกร่งเป็นจุดเด่น แต่ยังมีความเชื่องช้าในจังหวะต้องดวลกับผู้เล่นเร็วๆ อยู่บ้าง บวกกับการออกบอลบางจังหวะที่ยังขาดความแม่นยำ ซึ่งบางครั้งจ่ายพลาดง่ายๆ ในแดนตัวเอง จนเป็นการเปิดโอกาสให้คู่แข่งได้ลุ้น
สุดท้ายเป็นเรื่องการเซฟความปลอดภัยของผู้เล่นแต่ละราย คู่แข่งทุกทีมที่ต้องเจอกับเรา หากวัดกันเรื่องความสามารถเฉพาะตัวแล้ว ยากที่จะสู้กันแบบตรงๆ ได้ เลยหันมาเล่นลูกหนัก เข้าบอลแบบติดดาบ 50/50 มีจังหวะตอดจังหวะแถมกันตลอด แล้วทำให้เกิดความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บของผู้เล่นในทีมชุดนี้
ดังนั้นนักเตะและสตาฟฟ์โค้ช ที่มองเห็นภาพจากเกมแรกมาแล้วว่า คู่แข่งนั้นมีแนวทางการเล่นที่จะมาชนกับ ทีมชาติไทย แบบไหนบ้าง? คงต้องไปทำการบ้านในจุดที่ยังบกพร่องบางจุด เติมเรื่องความละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ถ้าหวังจะผ่านเข้าไปคว้าเหรียญทองกลับบ้านเกิดให้ได้ในบั้นปลาย
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
https://www.facebook.com/changsuek
การชมเกมถ่ายทอดสด