เรียนรู้จากแถวหน้า : ทีมชาติเกาหลีใต้ทำอย่างไร เมื่อแพ้อย่างย่อยยับ 6-1

เรียนรู้จากแถวหน้า : ทีมชาติเกาหลีใต้ทำอย่างไร เมื่อแพ้อย่างย่อยยับ 6-1
มฤคย์ ตันนิยม

ความพ่ายแพ้ต่อ จอร์เจีย 8-0 ของทีมชาติไทย สร้างความสั่นสะเทือนทั้งประเทศ ที่มาพร้อมกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา โดยเฉพาะเรื่องการจัดการของสมาคมฟุตบอลฯ

อย่างไรก็ดี “ช้างศึก” ไม่ใช่ชาติแรกที่เผชิญกับความพ่ายแพ้แสนเจ็บปวดเช่นนี้ เพราะย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 เกาหลีใต้ มหาอำนาจฟุตบอลของเอเชีย ที่เพิ่งคว้ารองแชมป์เอเชียนคัพ เมื่อหนึ่งปีก่อน ก็มาพ่ายต่อสเปน แบบย่อยยับในระดับครึ่งโหล

เกิดอะไรขึ้นบ้างในตอนนั้น และที่สำคัญพวกเขาก้าวผ่านมันมาได้อย่างไร? ติดตามไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

แมตช์อัปยศ

มันคือผลการแข่งขันที่เต็มไปด้วยความโกรธของคนเกาหลีใต้ทั้งประเทศ...

เพราะแม้ว่า สเปน คู่แข่งของพวกเขาจะมีดีกรีเป็นถึงแชมป์ยูโร 2012 และอยู่ในช่วงเตรียมทีมเพื่อป้องกันแชมป์ฟุตบอลยุโรป ที่จัดขึ้นในปีดังกล่าว แต่ระดับของเกาหลีใต้ในตอนนั้นก็ไม่ได้น้อยหน้า

ขุนพลโสมขาว เพิ่งจะแซงหน้า ญี่ปุ่น เพื่อนบ้านขึ้นมารั้งอันดับ 3 ของเอเชีย เป็นรองแค่ อิหร่านกับ ออสเตรเลีย รวมถึงอยู่ในอันดับ 54 ของโลก แถมหนึ่งปีก่อนหน้า พวกเขาเพิ่งจะก้าวไปถึงตำแหน่งรองแชมป์เอเชียนคัพ

นอกจากนี้ เกาหลีใต้ ยังมีสถิติไร้พ่าย 16 เกมรวด โดยเกมนัดล่าสุดที่พบกับความปราชัยต้องย้อนกลับไปในปี 2015 นั่นคือความพ่ายแพ้ต่อ ออสเตรเลีย 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ นัดชิงชนะเลิศ เอเชียนคัพ

ขณะเดียวกัน 11 ตัวจริงในเกมวันนั้น ยังเป็นผู้เล่นที่ค้าแข้งอยู่ในต่างประเทศถึง 10 คน นำโดย ซน ฮึง มิน ดาวยิงท็อตแนมป์ ฮ็อตสเปอร์, คี ซึง ยอง กองกลาง สวอนซี ซิตี้ และ จี ดอง วอน กองหน้าของ เอาส์บวร์ก โดยมี ซุค ฮยุน จุน หัวหอก เอฟซี ปอร์โต้ แสตนบายอยู่ข้างสนาม

Photo : AFP

แต่ผลการแข่งกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะหลังจากเกมเสมอ 0-0 ในครึ่งชั่วโมงแรก ทำนบของเกาหลีใต้ก็มาแตก จาก ดาบิด ซิลวา ที่ซัดฟรีคิกสุดสวยเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปในนาทีที่ 30

จากนั้นก็กลายเป็น สเปน ที่มารัวอีก 2 ประตูในครึ่งแรกจาก เซสก์ ฟาเบรกาส และ โนลิโต ก่อนที่ครึ่งหลัง อัลวาโร โมราตา และโนลิโต เจ้าเก่าจะมาบวกเพิ่ม ให้สเปนนำห่าง 5-0

แม้ว่าในนาทีที่ 83 เซ จอง จู จะมายิงตีตื้นให้ทัพโสมขาวไล่มา 5-1 แต่สเปนก็ยังไม่พอ เมื่อ โมราตา มายิงประตูที่สองของตัวเองในเกมนี้ ให้สเปน ถล่มเกาหลีใต้ไปอย่างขาดลอย 6-1

ทั้งนี้ สกอร์ดังกล่าวไม่เพียงแต่ทำให้เกาหลีใต้ ต้องหยุดสถิติไร้พ่ายไว้เพียง 16 นัด เท่านั้น แต่มันยังเป็นความพ่ายแพ้มากที่สุดของพวกเขา นับตั้งแต่ กุด ฮิดดิ้ง พาทีมปราชัยต่อ ฝรั่งเศส และเช็ก 5-0 เมื่อปี 2001 หรือเกือบ 15 ปีที่แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น การโดนยิงถึง 6 ลูก ยังเป็นการเสียประตูมากที่สุดในประวัติศาสต์ฟุตบอลเกาหลีใต้นับตั้งแต่ปี 1996 ที่แพ้อิหร่าน 6-2 ในฟุตบอลเอเชียนคัพ 1996 รอบคัดเลือก

อย่างไรก็ดี พวกเขาผ่านจุดนั้นมาได้อย่างไร

บทเรียนอันเจ็บปวด

แน่นอนว่าความปราชัยย่อยยับลักษณะนี้ ทำให้ เกาหลีใต้ โดนสับแบบไม่เลี้ยงในบ้านเกิด ยกตัวอย่างเช่น SBS สื่อชื่อดังของพวกเขาถึงขั้นพาดหัวว่า “สเปน 6-1 ‘หายนะ’ ช่องว่างระหว่างเป้าหมายถูกถ่างกว้างไปอีก”

“ทีมชาติของเรา แพ้สเปน 6-1 ในเกมกระชับมิตร ทั้งเกมรุกและเกมรับ ทำอะไรไม่ได้เลย เมื่อต้องเจอกับกำแพงที่สูงลิ่วของระดับโลก” รายงานข่าวของ SBS

ขณะที่ Korea Times กล่าวว่าความพ่ายแพ้นัดนี้ ทำให้เห็นว่าเกาหลีใต้ ห่างไกลกับระดับโลกแค่ไหน เช่นกันกับ Yonhab News ที่จวกไม่ยั้ง ไม่ว่าจะเป็นเกมรับที่พลาดง่าย ๆ จนนำมาซึ่งการเสียประตู รวมถึงเกมรุกที่ไร้ความเฉียบคม

Photo : Yonhap News

“กำแพงของยุโรป สูงเกินไปสำหรับ สติลิเก้ ที่อ้างตัวเองว่าเป็นผู้นำของเอเชีย” Yonhap News บรรยาย

“นอกจากนี้ยังมีช่องว่างในเรื่องของทักษะ, ความผิดพลาดที่ไม่ควรเกินขึ้นซึ่งนำไปสู่การเสียประตู และการตัดสินใจก็แย่มากในการหาโอกาสยิง ทำให้ยากที่จะชนะ”

ส่วน อูลี สติลิเก้ เฮดโค้ชของทัพโสมขาว น้อมรับทุกเสียงวิจารณ์แบบไร้ข้อแก้ตัว กุนซือชาวเยอรมันบอกว่าเขารู้ดีว่าสเปนเก่งแค่ไหน แค่ก็ไม่คิดว่าโดนยิงทิ้งห่างในสกอร์ที่เยอะขนาดนี้

“ผมไม่ได้มีปัญหากับที่คนพูดว่าผลการแข่งขันคือความรับผิดชอบของผม” สติลิเก้ กล่าวกับ Korea Times หลังเกม

“แทนที่จะพูดถึงฟอร์มการเล่นของผู้เล่นแต่ละคน ต้องยอมรับว่าโดยพื้นฐาน ทีมของเรายังไม่ดีพอ”

“เราอาจจะเสียประตูมากกว่านี้ 3 เท่าในครึ่งแรก ผมคิดว่าเราควรปรับปรุงเทคนิคบางอย่างของเราให้ดีขึ้น”

Photo : AFP

เขายอมรับว่านี่คือบทเรียนสำคัญ ของขุนพลเกาหลีใต้ หากจะเข้าใกล้ระดับโลก ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ในตอนนั้น คือต้องพยายามอย่างเต็มที่และพิสูจน์ตัวเองให้ได้ในเกมอุ่นเครื่องกับเช็ก ในอีก 4 วันต่อมา

“เราต้องเรียนรู้อีกมากจากเกมนี้ และเราก็ควรจะแก้ปัญหาของเราให้ได้ มันเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเราในการก้าวผ่านความพ่ายแพ้แบบนี้” สติลิเก้ กล่าว

เช่นกันกับ คี ซึง ยอง กัปตันทีมในตอนนั้น ที่มองว่าความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตัวผู้เล่น มีส่วนอย่างมากที่ทำให้พวกเขาพบกับความปราชัยสุดขมขื่น แต่พวกเขาก็ต้องก้าวผ่านมันให้ได้

“ถ้าเราไม่สามารถข้ามผ่านความผิดพลาดแบบนี้ได้ เราคงไม่สามารถทำผลงานได้ดีในเวทีนานาชาติ” ซึง ยอง กล่าวกับ Korea Times

“ในฟุตบอล ไม่ว่าใครก็สามารถทำพลาดได้ แต่เราควรพยายามลดความผิดพลาดนั้น เพื่อกลายเป็นทีมที่ดีกว่านี้”

ก่อนที่มันจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของฟุตบอลเกาหลีใต้ในเวลาต่อมา

ก้มหน้าก้มตาเล่นเต็มที่

อันที่จริง เกาหลีใต้ ก็มีความหลังที่ไม่ดีนักกับ เช็ก เพราะความพ่ายแพ้แบบสู้ไม่ได้ครั้งล่าสุด ก่อนเจอสเปน คือการปราชัยต่อทีมจากยุโรปตะวันออก 5-0 ในเกมนัดอุ่นเครื่องเมื่อปี 2001

ยิ่งไปกว่านั้น การเจอกันก่อนหน้านี้ทั้ง 4 ครั้ง เกาหลีใต้ ไม่สามารถเอาชนะ เช็ก ได้เลย ด้วยสถิติเสมอ 3 แพ้ 1 อีกทั้งเพิ่งจะแพ้ สเปน มาด้วยสกอร์ครึ่งโหล ทำให้การบุกไปเยือนทีมอันดับ 30 ของโลก ครั้งนี้ อยู่ในจังหวะที่ไม่ดีเอาเสียเลย

Photo : AFP

แต่ทัพโสมขาว ถอยกลับไม่ได้แล้ว พวกเขาทำได้เพียงต้องสู้เท่านั้น และทำให้ทีมเดินหน้าเปิดเกมรุกอย่างไม่กลัวเจ้าถิ่น ก่อนจะมาได้ประตูออกนำในนาทีที่ 26 จากฟรีคิกของ บิต การาม ยุน ที่ซัดผ่านมือ ปีเตอร์ เช็ก เข้าไป

นาทีที่ 40 เกาหลีใต้มาได้ประตูเพิ่ม จากจังหวะเพรสซิ่งจนคู่แข่งเสียบอล ก่อนที่ ฮยุน จุน ซุค จะได้บอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ แล้วซัดด้วยขวาเต็มแรง แสกหน้า เช็ก เข้าไปอย่างสวยงาม ให้ผู้มาเยือนนำห่างในครึ่งแรก 2-0

ช่วงครึ่งหลัง เช็ก มาได้ประตูตีตื้น จากจังหวะยิงไกลของ มาเร็ค ซูนี บอลไปแฉลบ ควัค แต ฮี เข้าไปตุงตาข่ายในนาทีที่ 46 ทว่าหลังจากนั้น เจ้าบ้านก็มาเหลือผู้เล่น 10 คน เมื่อกาบรี ซาลาสซี เล่นอันตราย จนถูกใบเหลืองใบที่ 2 ไล่ออกจากสนาม

ช่วงเวลาที่เหลือ แม้ เช็ก จะมีผู้เล่นน้อยกว่า แต่พวกเขากลับเป็นฝ่ายกดดัน เกาหลีใต้ อย่างหนัก หวังทวงประตูตีเสมอ ต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง ทว่าโมสขาวก็ไม่ยอม ตั้งรับอย่างเหนียวแน่น และเก็บชัยชนะกลับบ้านไปได้ในที่สุด

หลังเกม สติลิเก้ ยอมรับว่านี่คือชัยชนะอันล้ำค่าของพวกเขา เพราะไม่ใช่แค่การแก้แค้น เช็ก เท่านั้น แต่ยังเป็นการเรียกความมั่นใจของทีมกลับมา หลังโดน สเปน สอนบอลมา ในเกมอุ่นเครื่องก่อนหน้า

“มันยังเป็นการล้างความทรงจำอันน่าเจ็บปวดของเกาหลีใต้ ที่โดนสเปน อัดมา 6-1 ในเกมที่ ออสเตรีย เมื่อวันพุธที่ผ่านมา” สติลิเก้ กล่าวกับ Yonhap News

“หลังจากแพ้สเปนมา 6-1 สิ่งสำคัญคือต้องดูว่าผู้เล่นของเราฟื้นฟูสภาพจิตใจกลับมาได้มากแค่ไหน”

“พวกเขาแสดงให้เห็นว่าพวกเขากลับมา 100 เปอร์เซ็นต์ (หลังจากพ่ายแพ้)”

Photo : AFP

เขาบอกว่าชัยชนะในเกมนี้ มาจากความทุ่มเทของผู้เล่น ที่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะล้างอายจากเกมก่อนหน้า และขอยกเครดิตให้แก่ลูกทีมทุกคน

“เราแพ้สเปน 6-1 แต่เราก็มีอัตราการจ่ายบอลสำเร็จดีกว่าที่เราทำได้วันนี้เสียอีก” สติลิเก้อธิบาย

“วันนี้เราสู้กับคู่แข่งอย่างเต็มที่ และแสดงให้เห็นผลงานที่น่าประทับใจในเรื่องการชิงบอลกลับมา ถ้าเราเอาสิ่งที่ดีจากทั้งสองเกมมารวมกัน ผมคิดว่าเราน่าจะดีขึ้นในหลายๆจุด”

ขณะที่ ซุค ฮยุน จุน ผู้ยิงประตูที่สอง ก็เห็นด้วยว่าทุกคนล้วนทำงานอย่างหนัก เพื่อพิสูจน์ตัวเอง จนนำมาซึ่งผลการแข่งขันที่ทุกคนพอใจ

“ผมรู้ว่าบรรยากาศในทีมของเราไม่ดีเลยหลังเกมกับสเปน แต่ทุกคนก็สู้อย่างหนักเพื่อชัยชนะ และเราก็ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ” ซุค กล่าว

Photo : AFP

มันคือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเกาหลีใต้ ใช้ผลงานในการก้าวผ่านความพ่ายแพ้อันน่าเจ็บปวด พวกเขารู้ดีว่ามันเป็นความปราชัยที่น่าอาย แต่ก็ไม่ได้จมจ่อมอยู่กับมัน

กลับกัน ทัพโสมขาว ใช้เกมกับสเปน เป็นบทเรียนสำคัญในการเรียนรู้ ดูว่าตัวเองยังมีจุดด้อยตรงไหน ส่วนไหนที่ต้องควรปรับปรุง และใช้มันเป็นแรงผลักดัน จนสามารถระเบิดฟอร์มในเกมนัดต่อมา

เพราะหลังจากเกมนัดดังกล่าว เกาหลีใต้ ก็ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก และผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย แถมยังสามารถเอาชนะ เยอรมัน ได้เป็นครั้งแรกในทัวร์นาเมนต์ที่รัสเซีย แม้ว่าสุดท้ายจะตกรอบแรกก็ตาม

เห็นใจหรือรับสภาพ ? : ย้อนความเห็น ‘โค้ชอ๊อตโต้’ ถึงอดีตเพื่อนร่วมงาน ‘มาโน’ กุนซือทีมชาติไทย | Think Curve - คิดไซด์โค้ง
การจะตอบคำถามเหล่านั้นในองค์รวมให้ตรงจุด? คงมีแค่คนที่เคยร่วมงานกับเขามาก่อนเท่านั้น ถึงจะให้ข้อมูลได้ชัดเจนและตรงประเด็น ดังนั้นทีมงานจึงย้อนนึกไปถึง โค้ชอ๊อตโต้-พันธุ์นารายณ์ พันธุ์ศิริ เฮดโค้ชจากสโมสร ชัยนาท เอฟซี ที่ยกให้ มาโน เป็นไอดอลของเขาในวงการบอลไทย

สำหรับทีมชาติไทย ตอนนี้คงทำได้เพียงเป็นกำลังใจให้นักเตะชุดลุยยุโรป โดยเฉพาะในเรื่องจิตใจที่ต้องกลับมาให้ได้โดยเร็ว ก่อนจะพบกับ เอสโตเนีย ในวันอังคารที่จะถึงนี้

นอกจากนี้ หาก “ช้างศึก” สามารถฝากผลงานที่ดีในเกมกระชับมิตรนัดที่ 2 มันอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เรากลับมาได้เหมือนเกาหลีใต้ ก็ได้แต่ภาวนาว่านี่จะไม่ใช่ความหวังที่มากเกินไป

แหล่งอ้างอิง

https://www.koreatimes.co.kr/www/sports/2023/09/600_206100.html

https://en.wikipedia.org/wiki/South_Korea_national_football_team_results_(2010–2019)

https://en.yna.co.kr/view/AEN20160602000251315

https://www.yna.co.kr/view/AKR20160602003351007

https://news.sbs.co.kr/news/endPage.do?news_id=N1003605804

https://www.seoul.co.kr/news/newsView.php?id=20160602500012

https://www.jjan.kr/article/20160602583235

https://en.yna.co.kr/view/AEN20160606000251315

แชร์บทความนี้
ลีดส์ ยูไนเต็ด, ญี่ปุ่น, มังงะ
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ