7 ปีในญี่ปุ่นของ ชนาธิป บอกอะไรกับวลี "บอลไทยไปบอลโลก"

7 ปีในญี่ปุ่นของ ชนาธิป บอกอะไรกับวลี "บอลไทยไปบอลโลก"
ชยันธร ใจมูล

ชนาธิป สรงกระสิทธ์ สตาร์เบอร์ 1 ของวงการฟุตบอลไทยจะกลับมาค้าแข้งในศึกไทยลีกอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้

7 ปีที่ญี่ปุ่นของชนาธิป ได้ร้อยเรียงความหมายบางอย่างซ่อนอยู่มากมาย ถ้าเราฝันจะไปฟุตบอลโลกเราสามารถเรียนรู้ประสบการณ์ในเจลีกของชนาธิปได้...

ในแต่ละตอนของ ชนาธิป บอกอะไรกับเราบ้าง ?

จุดเริ่มต้น - ต้องกล้าก้าว

ย้อนกลับไปในวันที่ ชนาธิป ผลักดันตัวเองสู่จุดที่เรียกว่า "ไม่มีอะไรในฟุตบอลไทยที่เขาต้องพิสูจน์" เขามีค่าเหนื่อยที่สูงระดับต้น ๆ สำหรับนักเตะไทย มีชื่อเสียงในแบบที่แม้แต่คนที่ไม่ดูฟุตบอลก็ยังรู้จัก "เมสซี่เจ"... ว่าง่าย ๆ คือเขามีทุกอย่างที่นักเตะไทยอยากจะมี แต่จุดสำคัญมันอยู่ที่ว่าเขาตัดสินใจออกจากคอมฟอร์ทโซนนั้น เพื่อพิสูจน์ขีดจำกัดของตัวเอง

Photo : Muangthong United

ความทะเยอทะยานนั้นสามารถบอกได้ว่าเขาไม่ได้มองแค่ตัวเองเท่านั้น แต่เขาไปญี่ปุ่นเพื่อพิสูจน์สิ่งต่าง ๆ มากมาย ในฐานะของ "นักฟุตบอลจากประเทศไทย"

ก่อนหน้า ชนาธิป เราแทบไม่มีนักเตะรุ่นใหม่ ๆ (หลังยุค 2000s เป็นต้นมา) ที่ไปค้าแข้งในต่างแดนและประสบความสำเร็จเลย ดังนั้นการไปอยู่กับ คอนซาโดเล ซัปโปโร ณ ปี 2017 ของ ชนาธิป หากคุณยังจำความรู้สึกนั้นได้ มันคือการตื่นตัวครั้งใหญ่ของวงการฟุตบอลไทยอย่างแท้จริง และหลังจากที่ ชนาธิป ไปที่นั่น เราก็ได้เห็นคนอื่น ๆ ตามหลังไปค้าแข้งในญี่ปุ่นมากมาย

ชนาธิป พูดเสมอว่าถ้าเขาไม่ได้มาที่ญี่ปุ่น เขาคงไม่ได้เป็นนักเตะที่ดีขึ้นกว่าเดิม เขาพยายามปลุกเร้านักเตะไทยทุก ๆ คนว่า เมื่อถึงเวลาที่ต้องยกระดับตัวเอง ก็ต้องไปหาเวทีที่ท้าทายยิ่งกว่า เข้มข้นยิ่งกว่า และแข็งแกร่งยิ่งกว่าประเทศไทย

Photo : J League

“ก่อนที่ผมจะมาญี่ปุ่น มีแฟนบอลหลายคนบอกว่า ผมไปเล่นญี่ปุ่นไม่ได้หรอก บอกว่า ผมตัวเล็ก บอลญี่ปุ่นเร็ว ผมไปเล่นยุโรปไม่ได้หรอก เพราะว่ารูปร่างผมไม่เหมาะ ทุกคนคิดกันไปก่อนแล้ว" ชนาธิป กล่าวเริ่ม

“สิ่งที่ผมได้จากสโมสร คอนซาโดเล ซัปโปโร ถือว่าคุ้มค่ามาก โค้ชสอนให้พัฒนาอยู่ตลอด ช่วงแรกตอนอุ่นเครื่อง ผมไม่ได้ลงเล่นกับชุดตัวจริงด้วยซ้ำ แต่ก็พยายามฝึกซ้อมให้เข้ากับระบบ จนได้รับโอกาสกับสโมสร”

จุดเริ่มต้นการไป ญี่ปุ่น ของ ชนาธิป คือหนึ่งในจดหมายเหตุของวงการฟุตบอลไทยอย่างแท้จริง หากมองจากภาพกว้าง ไทยลีก เป็นเพียงแค่จุดเล็ก ๆ ในประวัติศาสตร์โลกฟุตบอลเท่านั้น ดังนั้นหากเรามัวแต่พูดว่า "บอลไทยจะไปบอลโลก" โดยที่มีนักเตะค้าแข้งในลีกประเทศตัวเอง 100% คงเป็นเรื่องที่หลอกตัวเองแบบสุด ๆ

ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ ที่เก่งกว่าเราเอาแค่ในเอเชียและใกล้ ๆ ตัวอย่างญี่ปุ่น ผลักดันนักเตะของพวกเขาไปเล่นในลีกยุโรปที่เเข็งแกร่งกว่า ตั้งแต่อายุยังน้อย ใครจะมีแววดีพอจะไปได้ ทุกฝ่ายจะร่วมกันผลักดัน

สโมสรจะไม่รั้งนักเตะไว้และตั้งราคาที่ทำให้ทีมในยุโรปยินดีที่เสี่ยงกับนักเตะญี่ปุ่น เอเย่นต์จะไม่เล่นแง่เรื่องค่าเหนื่อย และที่สำคัญที่สุดคือตัวนักเตะของพวกเขาเองที่ตั้งปณิทานไว้ตั้งแต่เด็กว่าต้องไปเล่นในยุโรป ต้องประสบความสำเร็จในลีกดัง ๆ ... พวกเขากล้าฝันในสิ่งที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นมันคงตลกดีหากเรายังพอใจอยู่กับที่เดิม

ชนาธิป หรือแม้แต่ ธีราทร บุญมาทัน, ธีรศิลป์ แดงดา ได้พิสูจน์ให้เห็นเเล้วว่าการออกไปเล่นในลีกมีคุณภาพมากกว่าทำให้พวกเขาเป็นนักเตะที่เก่งขึ้นได้จริง ซึ่งปลายทางก็ตกมาอยู่ที่วงการฟุตบอลไทย ที่เราจะมีทีมชาติไทยที่แข็งแกร่งขึ้นเมื่อนักเตะเหล่านี้ลงสนาม

กว่าจะถึงความสำเร็จ - ต้องพยายาม

ไม่มีนักเตะไทยคนไทยไปเล่นในลีกที่แข็งแกร่งกว่า และสามารถออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในทันที พวกเขาล้วนผ่านการพิสูจน์ตัวเองทั้งสิ้น และ ชนาธิป เองก็เช่นกัน

กว่าที่เขาจะได้เป็นตัวหลักของทีมก็ใช้เวลาไป 1 ฤดูกาลเต็ม ๆ กว่า ธีราทร จะเป็นแชมป์เจลีกกับ โยโกฮาม่า มารินอส เขาก็เคยเป็นตัวสำรองที่ วิสเซล โกเบ มาก่อน และกว่าที่ ธีรศิลป์ จะยิงประตูแรกบนแผ่นดินสเปน เขาผ่านอุปสรรคมากมายทั้งการเล่นและไลฟ์สไตล์

เรื่องทั้งหมดนี้ย้อนกลับมาคำว่าการออกจากคอมฟอร์ทโซน ที่ไทยพวกเขาคือสตาร์  แต่ที่อื่นพวกเขาเป็นใครไม่รู้ในสายตาของเพื่อนร่วมทีม โค้ช และแฟนบอล หน้าที่ของพวกเขาคือต้องแสดงสิ่งที่ตัวเองมี ซึ่งสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นทำไม่ใช่แค่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จในตอนท้าย แต่มันทำให้หลายคนยอมรับพวกเขา และเปิดมุมมองใหม่ ๆ ที่มีต่อ "นักเตะไทย" มากขึ้น

“ผมคิดเสมอว่าทุกนัดที่ลงเล่น ผมลงเล่นในนามคนไทย ดังนั้นทุกเกมต้องมีผลงาน ต้องยิงหรือแอสซิสต์ให้ได้” ชนาธิป ว่าแบบนั้น ซึ่งช่วงที่เขาฟอร์มดี ๆ ก็มีการยอมรับมากขึ้นเช่นเขาเคยได้รับคำชมจากกองหลังชาวเกาหลีใต้อย่าง คิม มิน แต ว่า

“ผมคิดว่า ชนาธิป คือนักฟุตบอลที่เลี้ยงบอลได้ดีที่สุด อันดับ 1 ของเจ.ลีก”

ทุกขั้นทุกตอนในญี่ปุ่นของ ชนาธิป สะท้อนถึงความมุ่งมุ่น มีวินัย โดยช่วงทีเห็นชัดที่สุดคือช่วงที่เขากำลังพิสูจน์ตัวเอง ชนาธิป ไม่เคยมีข่าวด้านลบทั้ง เรื่องพฤติกรรม ทัศนคติ หรือแม้กระทั่งเรื่องในสนามเลย เขาพร้อมปรับตัวตั้งอยู่เป็นความมืออาชีพ ทำงานหนักของตัวเองจนกว่าเวลาของเขาจะมาถึง

ทัศนคติ คือสิ่งที่สำคัญไม่ใช่แค่นักฟุตบอล แต่ทุก ๆ อาชีพที่ต้องการประสบความสำเร็จ การเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว คือหนทางที่จะทำให้คุณพัฒนาและได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง

“ผมบอกลูกทีมอยู่เสมอว่า เห็นนักเตะแบบ เจ-ชนาธิป มั้ย ไม่ได้ต่างอะไรจากพวกคุณเลย ขอแค่ตั้งใจและทำตาม มันก็มีโอกาสที่พวกคุณจะประสบความสำเร็จแบบนั้นได้ ทุกคนมีต้นทุนเท่ากัน อย่าไปคิดว่าเขาดังแล้วเราไม่ดัง” ธงชัย สุขโกกี กุนซือของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ใช้ความสำเร็จของ ชนาธิป ผ่านประโยคนี้ปลุกใจนักเตะของเขาสมัยที่คุมทีมเล็ก ๆ อย่าง นครปฐม ยูไนเต็ด ก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นแชมป์ไทยลีก 2 ในซีซั่นทีผ่านมา

ชนาธิป คือคนได้โอกาสสำคัญในการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของฟุตบอลไทย และเขาก็ใช้โอกาสนั้นอย่างเต็มที่และคุ้มค่า ทุกอย่างที่เขาสร้างไว้ที่ญี่ปุ่นจะกลายเป็นแรงกระเพื่อม เขาคือไอดอล แต่นั่นยังไม่พอ วงการฟุตบอลไทยยังต้องการนักเตะแบบนี้อีกเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นตัวอย่างและทำให้เรามี ชนาธิป 2-3-4 ตามมาอีกเรื่อย ๆ  ลองคิดกันดูเล่นหากทีมชาติไทยมีนักเตะที่มีพรสวรรค์ พรแสวง และ ทัศนคติแบบชนาธิป ทีมชาติไทย จะเข้าใกล้การไปเล่นฟุตบอลโลกอันเป็นฝันของคนทั้งชาติมากกว่านี้หรือไม่ ?

อำลา - ต้องตระหนักรู้

ชนาธิป ประสบความสำเร็จอย่างมากกับ คอนซาโดเล ซัปโปโร ก่อนจะขยับความท้าทายครั้งใหม่กับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ สโมสรที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปีหลังสุด ทีมที่เข้มข้นด้วยคุณภาพของระบบการเล่น วินัย และความสามารถของนักเตะ

Photo : Goal

แน่นอนว่าเราคงไม่สามารถพูดได้ว่า ชนาธิป ประสบความสำเร็จกับสโมสรนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลของสภาพร่างกาย อายุที่มากขึ้น หรือเขาไม่ได้เข้ากับแผนการเล่นของทีม แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าขนาดนักเตะที่ดีที่สุดของเราก็ยังไม่สามารถเป็นส่วนสำคัญในทีมที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นได้ แม้กระทั่งทุกวันนี้ที่เหล่าตัวท็อป ๆ ของญี่ปุ่น ไม่ค้าแข้งในประเทศตัวเองแล้วก็ตาม

ทั้งหมดเป็นการตอกย้ำว่าโลกฟุตบอลยังกว้างใหญ่ และมีอีกหลายน่านน้ำที่นักเตะไทยยังไม่สามารถไปถึง และหนึ่งในนั้นคือฟุตบอลโลก ...

Photo : Kawasaki Frontale

ดังนั้นสิ่งที่ ชนาธิป สร้างไว้เป็นบรรทัดฐาน จะเป็นการย้ำเตือนให้ทุก ๆ ฝ่ายในวงการฟุตบอลไทยเห็นระยะห่างนี้ เพื่อให้เรากลับมามองตัวเองว่ามีจุดไหนที่เรา "ต้อง" ทำเพิ่ม เพื่อไปให้ถึงจุดที่จะทำให้เราเป็นหนึ่งในชาติที่ได้ไปเล่นในฟุตบอลโลกแบบที่เราได้ยินคำว่า "บอลไทยไปบอลโลก" และฝันถึงคำ ๆ นี้มาไม่รู้กี่ปี โดยที่ยังไม่เคยเข้าใกล้มันเลยแม้แต่นิดเดียว

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

"บิ๊ก คำสุข" นักเตะไทยคนเดียวที่เคยลงเล่นใน เอฟเอ คัพ ตอนนี้อยู่ไหน ?

คล้ายตรงไหนบ้าง? : ศุภณัฏฐ์ นักเตะเงา โลซาโน่ ในสายตาสื่อต่างประเทศ

ไขข้องสงสัย : ทำไมทีมไทยลีกเดี๋ยวนี้ซื้อตัวเร็วปิดตลาดไว ?

ใครอยู่-ใครไป ? อัปเดทตลาดซื้อ-ขายนักเตะไทยลีก 2023-24

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด

หัวหน้ากองบรรณาธิการ, คิดไซด์โค้ง-ThinkCurve
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

MOST POPULAR

สนใจโฆษณาติดต่อ