เรื่องใหญ่ระดับชาติ ปี 2004 ไทย แพ้ เกาหลีเหนือ 1-4 ทักษิณ ฉะ เรียงตัว,ถกปัญหาออกทีวี
ในเวลาทีมชาติที่แพ้หนัก ๆ แพ้แบบรับไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยปัญหาอะไร เราจะเห็นได้เลยว่ากระแสนั้นถูกกระเพื่อมไปเร็วมาก ทุกคนจะเริ่มมองหาว่าใครเป็นคนผิด และมีเรื่องราวต่าง ๆ ถูกขุดคุ้ยออกมามากมาย
โดยในเกมที่ ไทย แพ้ จอร์เจีย 0-8 ถือเป็นหนึ่งในเกมประวัติศาสตร์ที่ทำให้หน้าฟีดโซเชี่ยลมีเดียเต็มไปด้วยข่าวสารมากมายถึงวงการฟุตบอลไทย โดยเฉพาะเรื่องราวในแง่ลบ
นี่ไม่ใช่ครึ่งแรก เพราะมันเคยมีเรื่องใหญ่เป็ยกระแสสังคมยิ่งกว่านี้ไปแล้ว โดยเรื่องดังกล่าวต้องย้อนกลับไปในปี 2004 ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ที่ทีมชาติไทยแพ้คาบ้านไปถึง 1-4
มองเผิน ๆ อาจจะไม่ใช่สกอร์ที่ขาดลอยอะไรมากมายนัก แต่ ณ เวลานั้นสื่อร่วมกันประโคมว่าไทยเราเหนือกว่ามากน่าจะชนะได้ไม่ยาก ซึ่งมองจากอันดับโลกในช่วงปี 2004 ก็ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะะไทย อยู่ในอันดับที่ 74 ของ ฟีฟ่า แรงกิ้ง ซึ่งในปี 2004 หนำซ้ำก่อนหน้านั้นไม่กี่ปี ไทยยังเคยขึ้นไปอยู่อันดับที่ 50 ของโลกมาแล้วในช่วงยุค "ดรีมทีม" ถือกำเนิด
ในช่วงปี 2004 นี่แหละที่เป็นครั้งสุดท้ายที่ทีมชาติไทยอยู่ในอันดับที่เป็นตัวเลข 2 ตัวเพราะหลังจากนั้นอันดับโลกก็รูดยาว ไปไกลจนกระทั่งทุกวันนี้
ดังนั้นจึงพอสรุปได้ว่าช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่บอลไทยผ่านความสำเร็จและสู้กับชาติเอเชียได้สนุก ดังนั้นเราจึงไม่คิดว่าการจะได้เล่นในบ้านกับเกาหลีเหนือ จะหนักข้อถึงขั้นต้องแพ้คาบ้านด้วยสกอร์ขาดลอย 1-4 ถึงขนาดนั้น
มันคือความพ่ายแพ้ที่ไม่คุ้นชินและไม่มีใครคาดถึง และหากถามว่ามันส่งผลขนาดไหน ? ก็ต้องบอกว่าถึงขั้นที่ ทักษิณ ชินวิตร ที่เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยในเวลานี้ต้องออกมาสัมภาษณ์ถึงนักเตะทีมชาติไทยอย่างร้อนแรง แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน
"คือเตะบอลดีกว่า ทางบอลเหนือกว่าเยอะ แต่ใจมันไม่เอา ไม่วิ่งเลย ได้บอลก็เดินเอื่อยเฉื่อย ใจมันไม่มา ถ้าเป็นแบบนี้มันก็แสดงว่าต้องมีอะไรผิดพลาดสักอย่างภายในสมาคมฟุตบอลเเล้ว"
"(นักเตะ)บางคนเล่นมานาน แก่ตัว แก่วัดกันก็หลายคน มันต้องเปลี่ยนแล้ว จะเปลี่ยนทั้งทีมหรือบางคนก็ต้องเปลี่ยน ถ้าจะเล่นให้ทีมชาติไทยได้ กายและใจก็ต้องพร้อมด้วย" ทักษิณ ชินวัตร กล่าว
ความประเด็นดังกล่าวออกสื่อไป เกิดแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ ถึงขั้นที่รายการทอล์กเกี่ยวกับข่าวบ้านเมืองอย่าง "ถึงลูกถึงคน" ที่ดำเนินรายการโดย สรยุทธ์ สุทัศนจินดา ก็ยังเปิดเวทีให้ทุกฝ่ายขึ้นมาถกปัญหาเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็น "บิ๊กหอย" ธวัชชัย สัจกุล ผู้จัดการทีมทีมชาติไทย, ผู้ช่วย ผจก. วิรัช ชาญภาณิช์ , คาร์ลอส โรแบร์โต้ คาร์วัลโญ่ กุนซือทีมชาติไทย และตัวแทนแฟนฟุตบอลไทยอีกหลายคน
แม้จะเป็นกระแสใหญ่ แต่มันไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากมายนัก หลังรายการดังกล่าวออกอากาศ วงการฟุตบอลไทยก็ไม่เคยมีผลงานดีขึ้นกว่าปี 2004 อีกเลย จนกระทั่งมาเริ่มปลุกกระแสเรียกศรัทธาได้อีกครั้งในยุคของ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ก้าวขึ้นมาเป็นกุนซืออีกครั้ง โดยทีมชุดนั้นถูกเรียกว่า "ดรีมทีม 2" เลยทีเดียว
ฟังปัญหาของทุกฝ่าย และคำพูดของทุก ๆ คนทีเกี่ยวข้องกับฟุตบอลไทยในรายการ "ถึงลูกถึงคน" ได้ที่นี่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
เผยทุกสาเหตุ ‘ทีมชาติไทย’ พลาดได้ตัวหลักลุยยุโรป เพราะปัจจัยใดบ้าง?
ส่อง 5 แข้งอันตราย 'ทีมชาติจอร์เจีย' ที่ไม่ได้มีดีแค่ 'ควิชา ควารัตสเคเลีย'