เรื่องเล่าในตำนาน : จริงหรือที่ ซานโตส ของ เปเล่ เก่งจน เรอัล มาดริด ไม่กล้าแข่งด้วย ?

เรื่องเล่าในตำนาน : จริงหรือที่ ซานโตส ของ เปเล่ เก่งจน เรอัล มาดริด ไม่กล้าแข่งด้วย ?
ชยันธร ใจมูล

มีเรื่องเล่าในตำนานอยู่เรื่องนึงที่ว่า ในวันที่สโมสร ซานโตส ทีมดังจากลีกบราซิล มี เปเล่ เป็นเทพประจำทีม พวกเขาพิชิตทุกอย่างในอเมริกาใต้ และต้องการข้ามโลกมายังยุโรป เพื่อดวลกับทีมที่ดีที่สุดอย่าง เรอัล มาดริด ที่นำทัพโดย อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่

ทว่า เรอัล มาดริด ไม่กล้ารับเดิมพันจากตัวตึงฝั่ง บราซิล เพราะพวกเขากลัวจะเสียสถานะทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกหากต้องตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ?

เรื่องนี้จริงหรือไม่ ? และ ซานโตส ที่นำทัพโดย เปเล่ เก่งกาจแค่ไน ? ร่วมหาคำตอบที Think Curve - คิดไซด์โค้ง

เรื่องที่เกี่ยวข้อง : ตำนาน เปเล่ : 5 สตอรี่สุดพีกที่ทำให้ เปเล่ คู่ควรกับคำว่า "ตำนานโลกฟุตบอล"

ตำนาน เปเล่ : 5 สตอรี่สุดพีกที่ทำให้ เปเล่ คู่ควรกับคำว่า ”ตำนานโลกฟุตบอล” | Think Curve - คิดไซด์โค้ง
Think Curve - คิดไซด์โค้ง การเกิดไม่ทันดู เปเล่ ลงสนามถือเป็นสิ่งที่หลายคนเสียดายเพราะได้เห็นลีลาของ ”เทพเจ้า” คนแรกของโลกฟุตบอล


ซานโตส ยุคนั้นเก่งแค่ไหน ?

ในช่วงปลายยุค 50s ต่อ 60s ซานโตส คือสโมสรที่ดีที่สุดในประเทศบราซิล และเก่งที่สุดในอเมริกาใต้ เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ คือกองหน้าทีมชาติบราซิล ที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1958 ที่ยิงกันกระจุยกระจาย ทั้ง ซีโต้, เปเป้ และ เปเล่ ต่างเป็นนักเตะของทีม ซานโตส ทั้งสิ้น

ย้อนกลับก่อนหน้าที่ เปเล่ จะเป็นนักเตะอาชีพ ซานโตส ยังเป็นสโมสร ที่ไม่ได้เเกร่งที่สุดในบราซิล พวกขาเป็นเมืองชายฝั่ง ซึ่งมีสถานะทางการเมืองและเศรษฐกิจเป็นรองหัวเมืองใหญ่ ๆ อย่าง เซา เปาโล, โครินเธียนส์, พัลไมรัส, ปอร์ตูเกซา และ ริโอ เดอ จาเนโร

ซานโตส นั้นมีประชากรเพียง 265,000 คน น้อยกว่า ริโอ หรือ เซา เปาโล ที่มีประชากรหลายล้านคนไม่รู้กี่เท่า การที่พวกเขามีประชากรน้อยกว่าก็ส่งผลต่อหลาย ๆ ด้าน ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งฟุตบอลด้วย

ซานโตส จึงเป็นสโมสรที่มีงบประมาณน้อยประสบความสำเร็จไม่มากนัก และไม่ได้รู้จักในระดับนานาชาติ จนกระทั่งในปี 1956 เปเล่ ในวัน 15 ย่าง 16 ปี ก้าวขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของ ซานโตส ประวัติศาสตร์ทั้งหลายก็เปลี่ยนไป

Photo : Wikipedia

เด็กมหัศจรรย์ ที่รวดเร็ว แข็งแกร่ง ว่องไว ตัดสินใจยอดเยี่ยม มีเชาว์วัยไหวพริบเป็นเลิศ และมีทัศนคติของผู้ชนะ คือคำจำกัดความของ เปเล่ ไม่จำเป็นต้องไร่เรียงสถิติการยิงประตูให้เสียเวลา เอาเป็นว่าทุก ๆ เกมที่ ซานโตส มี เปเล่ อยู่ในสนาม พวกเขาแทบจะกลายเป็นทีมที่ไร้เทียมทาน ซึ่งนั่นเองทำให้ เปเล่ ในวัย 17 ปี ถูกเรียกติดทีมชาติบราซิล ในชุดฟุตบอลโลกปี 1958 ทั้ง ๆ ที่หลายคนยังบอกว่าเขา "เด็กเกินไป"

กุนซือทีมชาติบราซิลชุดนั้นอย่าง บิเซนเต้ ฟีโอลา ออกมาวนกระแสต่อต้านไม่ให้เรียก เปเล่ ติดทีมชุดดังกล่าวว่า "ผมจะบอกพวกเขาว่า คุณอาจจะพูดถูกเรื่องอายุ แต่คุณไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับฟุตบอลเลย คุณไม่เคยเห็นเปเล่เล่นแบบผมแน่นอน"  

เปเล่ ลงเล่นในฟุตบอลโลกครั้งนั้นด้วยการยิงไป 6 ประตู คว้ารางวัลรองดาวซัลโวของ ทัวร์นาเม้นต์ และรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยม พร้อมกันนี้ยังทำให้ บราซิล กลายเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยแรกอีกด้วย

ผลงานขนาดนั้นทำให้หลายสโมสรในยุโรปอยากได้ตัวเขามาในทันที โดยเฉพาะ เรอัล มาดริด ที่ เปเล่ บอกด้วยตัวเองว่า "ติดต่อเข้ามาหลายรอบมาก" แต่สุดท้ายอย่างที่เรารู้กัน การย้ายทีมไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

"มีหลายหนมาก ๆ ที่ผมเคยเกือบได้เซ็นสัญญากับ เรอัล มาดริด นอกจากนี้ก็ยังมี นาโปลี ที่ต้องการตัวผมด้วย ... แต่อย่างไรเสียผมก็ไม่ได้เสียอกเสียใจมากมายหรอกที่ยังเป็นนักเตะของ ซานโตส เพราะตอนนั้นพวกเราคือยักษ์ใหญ่ของโลกฟุตบอลอย่างแท้จริง" เปเล่ กล่าว

สิ่งที่ เปเล่ พูดไม่ได้มากเกินจริง ณ เวลานั้น ซานโตส ต้องการลบทุกคำถามที่ว่า เปเล่ ควรไปเล่นในลีกที่ดีกว่าอย่างยุโรป และทีมที่ดีกว่า ซานโตส อย่าง เรอัล มาดริด  ให้ได้ พวกเขาจะพิสูจน์เรื่องนี้ให้โลกได้เห็นว่า ซานโตส สุดยอดไม่แพ้ใคร ... ดังนั้นการทัวร์ยุโรปเพื่อโชว์ของสำหรับ ซานโตส จึงถือกำเนิดขึ้น

ทัวร์ยุโรปเพื่อพิสูจน์ความเก่งกาจ

ซานโตส เดินทางไป ยุโรป ในปี 1959 หรือหลังจากที่ เปเล่ ดังคับโลกบันดาลแชมป์เวิลด์ คัพ ให้ บราซิล สมัยแรก พวกเขาวางโปรเเกรมไว้ทั้งหมด 21 นัด ใน 9 ประเทศ  ได้แก่ เยอรมนี ออสเตรีย เบลเยียม บัลแกเรีย สเปน ฮอลแลนด์ อิตาลี โปรตุเกส และสวิตเซอร์แลนด์

ไปในอีก 20 เมืองเพื่อลงเเข่งขันกับทีมแกร่งในยุโรป ได้แก่ โซเฟีย, ลีแอช, บรัสเซลส์, เกนต์, โกรนิงเกน, มิลาน, ดุสเซลดอร์ฟ, นูเรมเบิร์ก , เจนีวา, ฮัมบูร์ก, ฮันโนเวอร์, เอนสเกเด, มาดริด, ลิสบอน, ลา คอรุนญา, บาเลนเซีย, บาร์เซโลนา, เจนัว, เวียนนา และเซบียา

Photo : FC Barcelona

การทัวร์ครั้งนั้น คือต้นเหตุของคำถามที่ต้องการคำตอบว่า ซานโตส ยุคนั้นที่นำโดย เปเล่ กับ เรอัล มาดริด ที่นำโดย อัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน และสุดยอดนักเตะอีกมากมาย ทีมไหนเก่งกว่ากัน และทีมไหนคือทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างแท้จริง เพราะในการทัวร์  9 ประเทศ, 20 เมือง, 21 นัดกับทีมยุโรป

เนื่อจากก่อนหน้าที่จะเจอกันมีนักประวัติศาสตร์ของทาง ซานโตส ที่กล่าวอ้างว่า จริง ๆ แล้ว ซานโตส วางโปรเเกรมมาเจอกับ มาดริด ตั้งแต่ก่อนปี 1959 แล้ว ทว่าที่สุดแล้วฝั่ง มาดริด ขอยกเลิกเกมกับ ซานโตส  มาโดยตลอด... ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไร เรอัล มาดริด ถึงตัดสินใจแบบนั้น แต่การตัดสินใจถอนตัวกับการเจอทีมที่ดีที่สุดจากอเมริกาใต้ ทำให้ผู้คนพาลคิดกันไปว่า เรอัล มาดริด กลัวว่าจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในเกมที่เดิมพันด้วยตำแหน่งสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแห่งยุคนั้น

ซึ่งในจังหวะปี 1959 ทุกอย่างก็ได้คำตอบ ทั้งสองทีมได้เจอกันที่สนาม ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว ท่ามกลางคนดูกว่า 70,000 คน ในเกมนั้น มาดริด ยุคครองโลกที่นำโดย ดิ สเตฟาโน่, เอ็นริเก้ มาเตโอส และ เฟเรนซ์ ปุสกัส ตอกย้ำความเป็นหมายเลข 1 ของโลกได้สำเร็จ พวกเขาชนะ ซานโตส ไป 5-3 มาเตโอส ยิง แฮตทริก อีก 2 ประตูได้จาก ปุสกัน และ เก็นโต้ โลเปซ  ขณะที่ฝั่ง ซานโตส ที่ข้ามน้ำข้ามทะเล ได้ประตูจาก เปเล่, เปเป้ และ คูตินโญ่

บนหน้าสื่อบรรยายเรื่องความแย่งชิงเบอร์ 1 ของโลกอย่างดุเดือด แต่อันที่จริงเกมนี้เป็นเกมกระชับมิตรเกมหนึ่ง และนักเตะทั้ง 2 ฝั่งก็พูดถึงเกมนั้นในแง่ของคำชมที่มีให้กันและกันเสมอ การที่ ซานโตส แพ้ มาดริด เพียงเกมเดียวในเกมอุ่นเครื่อง ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเป็นทีมที่แย่กว่าเสมอไป แต่อย่างน้อย ๆ ชัยชนะของ มาดริด ก็ช่วยรักษาหน้าให้กับฟุตบอลยุโรป ที่สื่อพยายามจะยกย่องว่า "ฟุตบอลยุโรปคือฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก" ได้สำเร็จ

"เปเล่ แสดงให้เห็นความสามารถที่ร้ายกาจ เขายอดเยี่ยมและเจ้าเล่ห์ในเวลาเดียวกัน ไปกับบอลได้ไวอย่างเหลือเชื่อ ทะลุทะลวงเกมรับได้อย่างอันตราย นี่คือความโดดเด่นที่ทุกคนต้องยอมรับ" หลุยส์ คาร์นิเกลีย กุนซือของ มาดริด ในปี 1959 กล่าว  แต่บนหน้าสื่อนั้นแตกต่างจัดเต็ม สื่ออย่าง มาร์ก้า พาดหัวว่า

Photo : Marca

"ผลงานอันยอดเยี่ยมของ อัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน เขาร่ายเวทย์มนต์ เหนือคู่แข่งที่เชื่องช้าและเจ้าเล่ห์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ" มาร์ก้า ว่าแบบนั้น

ขณะที่หนังสือพิมพ์ ABC ของ สเปน ก็ใช้พาดหัวว่า "ชัยชนะที่ง่ายดายและยุติธรรมที่สุดของ เรอัล มาดริด ที่มีเหนือซานโตส"  

สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าชัยชนะเหนือ ซานโตส คือสิ่งที่สื่อสเปนต้องการมากจริง ๆ เพื่อลบข้อครหาทั้งหมดที่โลกเคยสงสัยในยอดทีมของพวกเขา

อะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น

เปเล่ ไม่ได้ย้ายออกจาก ซานโตส แต่ช่วยสโมสรสร้างประวัติศาสตร์มากมาย พวกเขากวาดเเชมป์ลีก 6 สมัยจากการแข่งขัน 7 ครั้ง คว้าเเชมป์ฟุตบอลอเมริกาใต้ หรือ โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส อีก 2 ครั้ง( 2 สมัยซ้อน)  เหนือสิ่งอื่นใดยังได้แชมป์สโมสรโลกที่เอาทีมแชมป์ของ อเมริกาใต้ มาเจอกับทีมแชมป์จากยุโรป ได้อีก 2 สมัย

จากความสุดยอดของ เปเล่ นั้นทำให้ เรอัล มาดริด เคยอยากได้ตัวเขามาก ๆ และเมื่อแฟน ๆ รู้ข่าวกระแสการตื่นตัวก็บูมถึงขีดสุด แม้กระทั่งแฟนบราซิลยังอยากให้พระเจ้าของพวกเขาไปเขย่ายุโรปเลยด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นเพราะ รัฐบาลบราซิล ไม่อยากให้ เปเล่ ไปเล่นนอกประเทศ เพราะจะทำให้กระแสของฟุตบอลในประเทศบราซิลตกลงไป นอกจากนี้หาก เปเล่ ไปเล่นในยุโรป จะต้องเดินทางไกลมากในการกลับมาเล่นทีมชาติแต่ละครั้ง และมันจะส่งผลกระทบต่อร่างกายทำให้เขาเล่นไม่เต็มที่ หรือบางครั้งก็ไม่สะดวกเดินทางกลับมาช่วยชาติได้

รัฐบาลบราซิลจึงใช้ ช่องโหว่ของกฎหมายโดยเปลี่ยนสถานะของ เปเล่ จากพลเมืองบราซิล กลายมาอยู่ในสถานะ "สมบัติของชาติ" และกฎของการเป็นสมบัติของชาตินั้นไม่อาจะถูกส่งไปนอกแผ่นดินบราซิลได้ นั่นเองคือจุดจบความฝันลุยยุโรปของเปเล่ ที่ทุกวันนี้ก็ยังมีคนสงสัยว่าหากเขามาเล่นในยุโรปฝีเท้าของเขาจะเป็นอย่างไร?

Photo : Reuters

น่าเสียดายที่มันไม่เกิดขึ้น เปเล่ และ ซานโตส พิชิตอเมริกาใต้ได้ และไม่มีรายการใดท้าทายพวกเขา ช่วงเวลาแห่งความยิ่งใหญ่ที่เหลือ ซานโตส ใช้เวลาไปกับการ "เวิลด์ ทัวร์" เดินทางไปทั่วโลกเพื่อลงเล่นเกมอุ่นเครื่องโดยมีรายได้มากมาย ไม่ว่าจะเมืองจีน, เบนิน และ ไนจีเรีย

แน่นอนว่า เปเล่ คือดาวเด่นในระดับที่ว่าหากไม่ลงสนาม ซานโตส จะได้เงินค่าเเข่งขันกระชับมิตรน้อยลง ดังนั้น เปเล่ จึงถูกบังคับให้ลงเล่นแม้จะมีสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ก็ตาม นั่นคือเรื่องเล่าที่มีการบันทึกไว้

ตอนจบของเรื่องนี้คือการที่ เปเล่ ต้องเล่นให้ ซานโตส ยาวนานถึง 18 ปี ตั้งแต่ปี 1956 ถึงปี 1974 จนกระทั่งในช่วงบั้นปลายอาชีพเขาย้ายไปสร้างตำนานที่เมเจอร์ลีกอเมริกากับ นิว ยอร์ค คอสมอส ลงเล่นไป 64 นัดยิงไป 37 ประตู ก่อนจะประกาศลาวงการฟุตบอลอย่างเป็นทางการ โดยสร้างความประทับใจมากมาย

ในวันที่ เปเล่ ประกาศแขวนสตั๊ดหนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างพาดหัวถึงความยิ่งใหญ่ของเขา หนึ่งในพาดหัวที่บ่งบอกถึงช่วงเวลาอาชีพที่ยิ่งใหญ่ของเขาก็คือ "แม้แต่ท้องฟ้าก็ยังร่ำไห้" บ่งบอกให้ได้รู้ว่าโลกได้เสียนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ไปเรียบร้อยเเล้ว

แหล่งอ้างอิง

https://tribuna.com/en/news/football-2022-12-17-croatia-vs-morocco-official-team-lineups-for-world-cup-thirdplace-playoff-revealed/

https://sportstar.thehindu.com/football/pele-dies-santos-brazil-football-real-madrid-news/article66320280.ece

https://santosdomundo.com.br/en/curiosidades-en/the-unbelievable-first-tour-across-europe/

https://pt.wikipedia.org/wiki/Real_Madrid_5%E2%80%933_Santos_(1959)

แชร์บทความนี้
หัวหน้ากองบรรณาธิการ, คิดไซด์โค้ง-ThinkCurve
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ