เยือนถิ่น ชลบุรี เห็นภาพรวมอะไรบ้าง? จากบรรยากาศนัดเสมอ ‘ประจวบ’
ย้อนกลับไปช่วงเย็นเมื่อวาน ณ สนาม ชลบุรี ยูทีเอ สเตเดี้ยม มีเกมนัดสำคัญระหว่างเจ้าถิ่น ฉลามชล เปิดรังเหย้าต้อนรับการมาเยือนของ พีที ประจวบ เอฟซี ซึ่งทั้งสองทีมต่างอยู่ในโซนหนีตาย ต่างฝ่ายต่างตั้งเป้าไว้ที่การคว้าสามคะแนนเพื่อความอยู่รอด
ฉลามชล เป็นสโมสรเก่าแก้ใน ไทย ลีก ที่ไม่เคยพลาดท่าเสียทีในการตกชั้นมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว แถมยังมีดีกรีเป็นถึงแชมป์ 1 สมัยเมื่อปี 2007 นับเป็นช่วงแรกที่ลีกฟุตบอลในบ้านเราก้าวสู่การเป็นมืออาชีพเต็มตัว แต่พอต้องมาเผชิญสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานตอนนี้ ย่อมเป็นเรื่องที่ช็อคแฟนบอลอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเรื่องตลกร้ายเป็น กิมมิก เล็กๆ น้อยๆ ในเกมนี้ ที่เพิ่มรสชาติให้น่าติดตามขึ้นไปอีก คือ การเยือนถิ่นเก่าของอดีตกุนซืออย่าง ‘โค้ชเตี้ย-สะสม พบประเสริฐ’ ที่เปลี่ยนฝั่งมาเยือนในฐานะศัตรู ทั้งที่เคยเป็นคนที่มีความผูกพันและคุ้นเคยกับการทำงานกับ ฉลามชล มาก่อนอย่างลึกซึ้ง
แน่นอนว่าเกมชี้ชะตาแบบนี้ทีมงาน Think Curve - คิดไซด์โค้ง ไม่มีทางพลาดไปเยี่ยมชมถึงสนาม ซึ่งสิ่งที่พบเห็นและสัมผัสกับตัวเอง มีหลายมุมมองที่แตกต่างจากการชมเกมถ่ายทอดสดผ่านทางจอโทรทัศน์ บวกกับหลายเหตุการณ์ที่ถ้าไม่อยู่ในสนามคงในเวลานั้นคงไม่ได้พบเจอ แต่จะมีประเด็นใดที่น่าสนใจบ้าง? เชิญติดตามไปพร้อมกันได้เลย
วัฒนธรรมฟุตบอลถิ่น
ชลบุรี เอฟซี คือ หนึ่งในทีมที่สามารถดึงดูดแฟนบอลท้องถิ่นได้มากที่สุดทีมหนึ่งในประเทศไทย จากความสำเร็จที่ผ่านมาและแนวทางการบริหารทีมอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสิ่งที่ขึ้นชื่อที่สุดอย่างหนึ่งของพวกเขา ย่อมหนีไม่พ้นระบบ อคาเดมี่ ที่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย
แนวทางการให้โอกาสเด็กสร้างได้ลงสนามในเกมจริง สร้างสตาร์ประดับวงการฟุตบอลมาแล้วหลายต่อหลายคน ไม่ว่าจะเป็น วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, กฤษดา กาแมน หรือ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ที่สุดท้ายแล้ว แฟนบอลและบอร์ดบริหารต่างรู้กันเป็นนัยๆ ว่า เมื่อถึงวันเวลาที่เหมาะสม พวกเขาเหล่านี้ก็จะถูกขายออกไป เพื่อแลกกับเม็ดเงินเพื่อให้ทีมได้ไปต่อ ยิ่งไปกว่านั้นเม็ดเงินบางส่วนก็จะถูกแปรผันไปเป็นการส่งต่อโอกาสให้กับ รุ่นน้องที่กำลังก้าวขึ้นมา
แม้ว่าผลงานของ ชลบุรี จะตกต่ำลงมาเรื่อยๆ ตามคุณภาพของทีม แต่แฟนบอลท้องถิ่นของพวกเขา ยังพร้อมที่จะเดินทางมาให้กำลังใจนักเตะในสนามอยู่เสมอ เห็นได้จากหนึ่งในเกมนัดชี้ชะตาที่พบกับ ประจวบ ที่แฟนบอลมาชมในสนามกว่า 5 พันคน
ในทางกลับกันทางสโมสรก็เข้าใจหัวอกแฟนบอลเป็นอย่างดีว่า ต้องอดทนกับผลงานในสนามที่ไม่เป็นดั่งใจหวังมากเท่าใด จึงมีการจัดโปรโมชั่นพิเศษเป็นการตอบแทน สำหรับผู้ที่ซื้อบัตรเข้าชมสามารถนำคูปองมาเป็นส่วนลดในการซื้อเสื้อของทีมได้เป็นจำนวน 200 บาท ไม่ต่างกับได้เข้าชมเกมแบบฟรีๆ
กำไรของแฟนบอล ฉลามชล ไม่เพียงแค่ได้รับชมเกมเมื่อวานเท่านั้น แต่พวกเขายังมีโอกาสได้กระทบไหล่กับอดีตนักเตะและโค้ชชุดตำนานแชมป์ ไทย ลีก ครั้งแรกและครั้งเดียวของพวกเขาอย่าง เซอร์เด็จ-จเด็จ มีลาภ และ เชอร์รี่-เอกพันธ์ อินทเสน ที่เดินทางมาให้กำลังใจรุ่นน้องเมื่อวานนี้อีกด้วย
โดยทาง เซอร์เด็จ ได้มีการให้สัมภาษณ์สั้นๆ ถึงความเปลี่ยนแปลงของทีมในตอนนี้เอาไว้ว่า
“สโมสรก็มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้าง โดยเฉพาะช่วงหลังๆ ที่อาจใช้เยาวชนมากเกินไป ใช้เด็กสร้างมากเกินไปแล้วผลงานออกมาไม่ดีเท่าไหร่ องค์ประกอบทีมมันต้องครบ ต้องมีตัวเก๋าผสมกับเยาวชนเพื่อช่วยสร้างทีมให้ไปได้ แต่เราอาจใช้เด็กมากเกินไป”
“ผมมาเชียร์น้องๆ มาเชียร์ทีมงานสตาฟฟ์ มาเชียร์ผู้กี่ยวข้องกับ ชลบุรี ทุกคน มาให้กำลังใจนักเตะทุกคน เราต้องร่วมกันสร้างสิ่งที่เราเคยสร้างกันมาตั้งแต่อดีตให้กลับไปยิ่งใหญ่เหมือนเดิม”
ส่วนอดีตลูกทีมอย่าง เชอร์รี่-เอกพันธ์ ก็ไม่พลาดที่จะมาให้กำลังใจน้องๆ เช่นกัน ซึ่งก็ได้ฝากข้อความไปถึงน้องๆ ว่า
“จริงๆ ผมก็ติดตามทีมตลอดถึงจะไม่ได้มาดูที่สนาม แต่วันนี้อยากพาลูกๆ พาครอบครัวมาซึมซับบรรยากาศ ผมอยากมาเชียร์น้องๆ ให้กำลังใจน้องๆ ที่ก็สู้กันอย่างเต็มที่ แมตช์นี้เป็นแมตช์สำคัญก็อยากให้พวกเขาชนะ แล้วอยู่รอดใน ไทย ลีก ต่อไป”
“จริงๆ ฟุตบอลมันก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้ ถ้าน้องๆ ทำเต็มที่แล้วก็จงภาคภูมิใจ ทำให้ดีที่สุดผลสุดท้ายจะเป็นยังไงค่อยว่ากัน” ผมว่าเขาสู้เต็มที่แล้ว ผมก็อยากเป็นกำลังใจให้อยู่ตรงนี้ส่วนหนึ่ง
ภาพการรวมตัวของแฟนบอล, โค้ช และ นักเตะระดับตำนาน ณ สนาม ชลบุรี ยูทีเอ สเตเดี้ยม ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ ถ้าพวกเขาไม่มีใจรักในสโมสร ชลบุรี เอฟซี จริงๆ ไม่ได้ชื่นชมกับวัฒนธรรมและแนวทางการทำทีมที่เป็นเอกลกษณ์จริงๆ ในสถานการณ์ที่กำลังย่ำแย่แบบนี้ พวกเขาคงไม่มาให้กำลังใจทีมให้ชอกช้ำเพิ่มเติมเป็นแน่
เหตุการณ์ไม่คาดคิด
รูปเกมในสนามที่เกิดขึ้นสำหรับสองฝ่าย ถ้าคนได้ชมเกมทุกนาทีจริงๆ วิจารณ์กันตามเนื้อผ้าจริงๆ ทั้งเจ้าถิ่น ชลบุรี เอฟซี และ พีที ประจวบ ต่างเล่นกันได้ไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่ควรจะเป็นจริงๆ เรียกว่าต่ำกว่ามาตรฐานได้เต็มปาก ซึ่งก็ต้องเห็นใจทั้งสองฝ่ายที่ต้องเผชิญกับความกดดันอันหนักหน่วง เนื่องจากเดิมพันเกมนี้นั้นสูงถึงโอกาสที่ส่อตกชั้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในสนามจากทั้งการเล่นเป็นทีมหรือส่วนบุคคลก็ดี ต่างฝ่ายต่างต้องหาทางพยายามแก้ไขกันแบบนาทีต่อนาที ซึ่งหนทางที่สามารถแก้ไขได้ง่ายที่สุด คือ การเปลี่ยนตัวผู้เล่น สร้างความแตกต่างจากรูปเกมเดิมๆ ให้มีมิติมากขึ้น
ฝ่ายที่ขยับก่อนนั้นหนีไม่พ้น ชลบุรี เอฟซี ที่ต้องการเติมผู้เล่นในแนวรุก เพื่อฉวยโอกาสคว้าประตูขึ้นนำชิงความได้เปรียบก่อน หวังโยนความกดดันให้กับคู่แข่งที่ต้องเจอกับทั้งบรรยากาศของแฟนบอลเจ้าถิ่น ที่ตะโกนให้กำลังใจกันไม่ขาดเสียง
อย่างไรก็ตามแค่เรื่องของการเปลี่ยนตัวที่ซุ้มม้านั่งสำรองของ ชลบุรี หากอยู่ในสนามก็คงเห็นถึงความยุ่งเหยิง ที่สตาฟฟฺ์หลายคนที่ต่างฝฝ่ายต่างต้องการให้ทีมนั้นเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่เห็นไม่ตรงกัน ส่งผลให้การตัดสินใจกว่าจะได้ตัวที่ เปลี่ยนออก และ เปลี่ยนเข้า ที่แท้จริงนั้นต้องแจ้งเปลี่ยนวนไปวนมาถึงสามรอบ
หากอยู่ในสนามจะเห็นว่าแท้จริงแล้ว ลิร่า กับ กษิดิศ กาฬสินธุ์ จะเป็นคนที่ถูกถอดออกก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลง แล้วคนที่จะลงไปแทน คือ ยศกร บูรพา กับ จักรพงษ์ แสนมะฮุง แต่สุดท้ายแล้วเป็น ธีรภัทร แก้วผึ่ง ที่ถูกเปลี่ยนลงแทน จักรพงษ์ ส่วน ลิร่า อยู่ในสนามต่อ เพราะ ปริญญา หนูสง มีอาการบาดเจ็บขึ้นมาพอดิบพอดี เลยเกิดการชักเข้าชักออกไม่รู้จบ กินเวลาเป็น 10 นาทีกว่าจะลงตัว
ยิ่งไปกว่านั้นเหตุการณ์ที่สร้างความรู้สึกจนขนลุกเป็นจังหวะการเปลี่ยนตัวเพิ่มเติม แล้วเป็นดาวเตะที่แฟนบอล ฉลามชล ต่างรอคอยให้เขาลงสนาม นั่นก็คือ ลีออน เจมส์ กองกลางที่ถูกยืมตัวมาจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ไม่ได้รับโอกาสลงเล่นมา 4 นัดติด จากปัญหาการแสดงความเห็นของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเขาบนโลกออนไลน์ ที่ส่อแววเหมือนการโจมตีสโมสร ชลบุรี เนืองๆ
จังหวะที่ ลีออน ถอดเสื้อเตรียมลงสนาม แฟนบอลต่างกู่ร้องตะโกนให้กำลังใจกันอย่างกึกก้อง เพราะฝีเท้าของเขานั้นดีพอจะช่วยทีมแน่นอน แต่สิ่งที่ขัดขวางอนาคตของเขาอยู่ ดันเป็นประเด็นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฟุตบอลเพียงอย่างเดียว ซึ่งหลังจากเขาลงสนามก็แสดงให้เห็นแพสชั่นที่สู้แบบเกินร้อย จนได้ใจแฟนๆ ไปแบบเต็มๆ
ซึ่งหลังจากจบเกม ลีออน ได้กล่าวถึงความรู้สึกของเขาที่ได้ลงเล่นและการตอบรับจากแฟนบอล ชลบุรี เอาไว้ว่า
“ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง เพราะตัวผมไม่เคยสัมผัสบรรยากาศแบบนี้มาก่อน คือ ทั้งสนามเชียร์ดังมาก ตอนผมวิ่งลงไปนี่ยิ้มเลยครับ เพราะผมรักแฟนบอลมาก ก็อยากลงแต่ไม่ได้รับโอกาส การที่ได้ยินเสียงแฟนบอลแบบนี้ทำให้ผมดีใจมาก”
“ผมก็จะสู้เต็มที่ไม่ว่าจะได้รับโอกาสแค่ 5 นาที หรือ 10 นาที ผมจะสู้เต็มที่เพื่อแฟนบอลพวกเรา ผมดีใจที่ได้รับโอกาสตั้งแต่แรกให้มาอยู่ที่นี่ แต่ด้วยเหตุการณ์หลายอย่างทำให้ผมไม่ได้ลงเล่นเท่าที่ควร ผมก็ผิดหวังมาก แต่ผมก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแฟนบอล”
จากเหตุการณ์ที่เห็นในสนามวันนี้ ไม่มีใครสามารถอนุมานได้ว่า ‘ความวุ่นวายหลังบ้าน’ จะมีผลต่อฟอร์มการเล่นในช่วงหลังของทีมหรือไม่? แล้วถ้าพวกเขาได้ใช้ตัวผู้เล่นแบบเต็มศักยภาพ ผลลัพธ์ในตอนท้ายจะเปลี่ยนแปลงไปจากสิ่งที่เห็นรึเปล่า?
ภารกิจยากยิ่งกับความหวังที่เหลืออยู่
แม้ว่าอีกสองเกมที่เหลือของ ชลบุรี ยังมีความหวังในการอยู่รอดเหลืออยู่บ้าง ในกรณีที่พวกเขาสามารถเก็บได้ 6 คะแนนเต็ม ในเกมที่บุกไปเยือน เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่เตะกันที่สนาม ศุภชลาศัย และ การเล่นในบ้านเจอกับ ตราด เอฟซี แต่พวกเขาก็ต้องลุ้นให้ทีมอื่นๆ ในกลุ่มท้ายตาราง ทำแต้มหล่นและพลาดให้เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ความหวัง แม้เพียงจะเป็นเปอร์เซ็นต์ แค่ 1 เปอร์เซ็นต์ มันก็ยังถือว่าเป็น ความหวัง อยู่วันยังค่ำ ตามที่ทาง โค้ชแบงค์ - ณัฐวุฒิ วิจิตรเวชการ กล่าวหลังจบเกมที่ทีมพลาดคว้าสามแต้มเหนือ ประจวบ ทั้งที่เป็นฝ่ายออกนำไปก่อนเอาไว้ว่า
“ความหวังสำหรับผม 1% มันก็คือความหวัง หลังจากนี้เราต้องคว้า 6 แต้ม และต้องไปดูทีมอื่นด้วยว่าเขาจะพลาดไหม ตอนนี้ต้องมองหลายๆองค์ประกอบ ส่วนเกมหน้าเจอ เมืองทอง เราต้องยอมรับว่าในชั่วโมงนี้เราเป็นรอง แต่เราจะไปเล่นด้วยความทุ่มเทแบบ 100% เหมือนเดิมครับ”
สำหรับกัปตันทีมอย่าง เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว ก็ยอมรับว่า ผิดหวังกับการที่ทีมทำภารกิจคว้าสามแต้มได้ไม่สำเร็จ แต่ก็ทุ่มเทอย่างเต็มที่แบบหมดหน้าตัก ด้วยความคิดว่าที่ว่าตอนนี้ทีมของเขาไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
ไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเกมทั้งเรื่องของ การตัดสินกรรมการที่เป็นประเด็น, ฟอร์มการเล่นของนักเตะที่ต่ำกว่ามาตรฐาน และ ปัจจัยวุ่นวายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นจะเป็นเช่นไร? สุดท้ายแล้ว ฉลามชล มีเพียงหนทางเดียวที่เหลืออยู่คือต้องพยายามสู้ต่อไปอย่างดีที่สุด ต่อให้ผลลัพธ์จะไม่เป็นไปอย่างที่หวังก็ตาม
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : การชมเกมถ่ายทอดสด